“ธนาคารน้ำใต้ดิน” ไอเดียสู้ภัยแล้ง คืนชีวิตให้ผืนป่า แก้ปัญหาสังคมแบบองค์รวม

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

“วิสูตร์ ยังพลขันธ์” กรรมการสมาคมพลังงานทดแทนสู่ชุมชนแห่งประเทศไทย คือ หนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลง อดีตพนักงานกิจการเพื่อสังคม บมจ.ปตท. เล่าถึง “โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน” แก้ปัญหาภัยแล้งว่า ใช้วิธีนำน้ำอาบ น้ำใช้ น้ำทิ้งที่มีกลิ่นเน่าเหม็น อัดลงดินแทนปล่อยทิ้ง โดยขุดหลุมลึกปากกว้าง จากนั้นนำเศษวัสดุ เช่น หิน ใส่ลงไปในหลุมที่ขุดไว้ เพื่อใช้เป็นตัวกรองน้ำทิ้งให้กลับมาสะอาดอีกครั้ง เมื่อน้ำทิ้งผ่านลงดินจะแผ่ความชื้นไปในดินโดยรอบ ทำให้ต้นไม้รอบข้างได้รับน้ำ โดยไม่จำเป็นต้องรดน้ำ ทั้งไม่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ผลความเปลี่ยนแปลง คือ ผืนดินกลับมาปลูกพืชได้ดี และจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้เขาและเครือข่ายนำโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ขยายผลไปยังหลายหมู่บ้าน และตำบลใกล้เคียง

วิสูตร์ เล่าต่อว่า ขณะนี้ คนที่บ้านกระทม ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ กว่า 200 หลังคาเรือน ทำธนาคารน้ำใต้ดินได้เอง แก้ปัญหาภัยแล้งได้เองแล้ว เดิมที่นี่ช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค. จะขาดแคลนน้ำใช้ เพราะน้ำแห้ง ขณะที่ช่วงที่มีน้ำก็ไม่เก็บน้ำ ไล่น้ำออกจากบ้าน ไม่ให้น้ำท่วมขัง ทำให้มีน้ำเติมลงในดินน้อย เหมือนคนมีเงินแล้วใช้เงินให้หมดในคืนเดียว วันรุ่งขึ้นก็ไม่เหลือเงินแล้ว เครือข่ายของพวกเราก็มาช่วยกันทำโครงการนี้ เมื่อดินชุ่มชื้น เพาะปลูกได้ คนที่ไปหากินต่างเมือง ต่างพื้นที่ ก็เริ่มกลับมาทำอาชีพที่บ้านตัวเอง มีคนมาท่องเที่ยว ช่วยสร้างอาชีพ (สัมมาชีพ) นี่คือการบูรณาการแก้ไขปัญหาสังคมแบบองค์รวม

“ในชนบทพอลูกเรียนจบสูง พ่อแม่จะให้ลูกออกจากบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีงาน ลูกคนไหนอยากกลับคืนถิ่นมาอยู่กับพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะถูกกดดันจากเพื่อนบ้านว่า ลูกเรียนจบสูง แต่ไม่มีงานทำ ถึงต้องกลับมาอยู่บ้าน พ่อแม่ก็รับไม่ได้ ต้องไล่ลูกออกจากบ้าน หรือ เวลาลูกไปทำงานที่อื่น ก็ต้องเอาลูกตัวเองมาให้กับพ่อแม่ดูแล สร้างปัญหาสังคม เป็นความเบียดเบียน ไม่ใช่สัมมาชีพ”

ปัจจุบันชีวิตในวัยเกษียณของวิสูตร์ เขานำเงินที่ได้รับจากเกษียณมาซื้อที่ดิน 30-40 ไร่ ที่ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่แล้ง นอกจากปลูกป่าแล้ว เขายังทำเสมือน “โครงการต้นแบบ” ธนาคารน้ำใต้ดิน หวังพลิกฟื้นผืนดินที่นี่ให้กลับมาชุ่มชื้นจรรโลงใจเจ้าของที่ดิน และผู้มาเยือน

“ผมเอาเงินทิ้งลงดิน ไม่เฝ้าสมบัติ เอาเงินฝังดินให้ต้นไม้โต จะได้เก็บกักคาร์บอน ปล่อยออกซิเจน มีป่าและน้ำอยู่ด้วยกัน ปลูกป่าที่บ้านนี่แหละ ถ้าเราไปปลูกป่าที่อื่น ปลูกเสร็จก็กลับ ไม่รู้ว่าต้นไม้ที่ปลูกตายหรือไม่ แบบนี้ไม่มีประโยชน์ การทำสัมมาชีพไม่ต้องทำอะไรไกลตัว ดูแลสิ่งที่ทำให้ดี และทำให้เป็นประโยชน์ ทำตัวเองให้ดี เป็นแบบอย่างก่อน ถึงจะสื่อสารวิธีคิดให้คนอื่นเชื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงได้”

วิสูตร์ ยังให้ความหมายของผู้นำ- นำการเปลี่ยนแปลง ในมุมมองของเขา คือ ผู้นำต้องมีทัศนคติที่ดี มีวิสัยทัศน์ที่ดี ผู้นำความเปลี่ยนแปลงมักเผชิญความเจ็บปวด โดดเดี่ยว ต้องอดทนกับความยากลำบาก อดทนกับความไม่เห็นด้วยของผู้คน ที่ต้องใช้เวลาเปลี่ยนวิธีคิด เพราะความสำเร็จอาจไม่เกิดในชั่วอายุตัวเอง แต่อาจเห็นผลในระยะยาว

“ตัวอย่างเช่น การปลูกป่า เราอาจจะไม่ได้ผลประโยชน์จากมันเต็มที่ ในช่วงที่เรายังมีชีวิตอยู่ แต่ผลพวกนี้จะมีกับคนรุ่นต่อไป ผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่าหวังว่าจะได้กับตัวคุณเอง แต่ให้ทำเพื่อทุกคน เหมือนกับกาลิเลโอ ที่ออกมาบอกว่าโลกกลม ย้อนแย้งกับความเชื่อของคนยุคนั้น จนถูกมองว่าเป็นพ่อมด หมอผี แต่เขาก็ไม่เปลี่ยนความคิดที่จริงนั้น หรือ อย่างโทมัส อัลวา เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟ ทำเป็นหมื่นครั้งกว่าจะสำเร็จ แต่ไม่ล้มเลิก”

นี่คือ อีกหนึ่งผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง ที่นำความรู้จากหลักสูตร Leadership for Change ไปประสานกับการสร้างเครือข่าย จากการอบรมหลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง จนต่อยอดแก้ปัญหาชุมชนได้สำเร็จ

RANDOM

NEWS

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เปิดรับสมัครข้อเสนอโครงการ เพื่อขอรับทุนวิจัยด้านการแพทย์และสุขภาพ (รอบที่ 3) ประจำปีงบประมาณ 2567 ส่งข้อเสนอโครงการได้ ตั้งแต่บัดนี้–31 พ.ค. 67

error: Content is protected !!