มจธ.ร่วมมือ ม.เกียวโต จัดเวทีที่มุ่งเน้นการนำเสนอความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
สืบเนื่องมาจากการปล่อยก็าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นเรื่องเร่งด่วนของประชาคมโลก การประชุมระดับสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ที่จัดขึ้น ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมาจึงมีความเข้มข้นและจริงจังเป็นพิเศษ โดยผู้นำประเทศต่างๆทั่วโลกประมาณ 70 ประเทศรวมทั้งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ได้ประกาศเจตนารมณ์ในที่ประชุมเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในส่วนของประเทศไทยนั้น ได้ตั้งเป้าหมายภาวะความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero GHG emission) ในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งต่อมาได้มีการประกาศความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Net-Zero เพิ่มขึ้นอีกเป็นประมาณ 130 ประเทศ (รวมประเทศที่ประกาศเจตนาที่จะตั้งเป้าหมายในไม่ช้าด้วย) รศ.ดร.บัณฑิต ฟุ้งธรรมสาร ที่ปรึกษาอธิการบดีด้านวิจัยและนวัตกรรม มจธ. และประธานคณะกรรมการวิชาการของ SEE 2022 กล่าวว่า จากภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระตุ้นให้ทุกประเทศต้องมีมาตรการที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีหมุดหมายสำคัญ 2 ช่วง คือ ภายในปี ค.ศ. 2030 จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 45-50% และภายในปี ค.ศ.2050 จะต้องลดเหลือสุทธิเป็นศูนย์ …