2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 2 : ผู้ว่าการสมชาย ก็ไม่รอด ต้องลาตำแหน่ง

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ภาค 2..สมชาย ก็ยอมหนี : ออกจากตำแหน่งผู้ว่า กกท.

หลังจาก 8 พ.ค.2539 นั้น “รองณัฐ” ดร.ณัฐ อินทรปาณ ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นพนักงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยตำแหน่งตอนนั้นคือรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายวิชาการ ไปเรียบร้อย

ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ขณะนั้นก็เปรย ๆ ว่า การสับเปลี่ยนตำแหน่งภายในหน่วยงานก็เป็นปกติ แม้แต่ตนเองก็เช่นกัน เพราะการแต่งตั้งผู้ว่าการ กกท.เป็นไปตามพระราชบัญญัติการกีฬา ที่บอร์ด กกท.มีอำนาจ หากว่าบอร์ดมีการพิจารณาว่าตนเองผิดพลาดก็พร้อมที่จะพิจารณาตนเอง (ข่าว 14 พ.ค.2539)

จากนั้น “ดร.สมชาย” ก็เสนอคนใน กกท.ทั้งหมดให้บอร์ด เป็นผู้พิจารณาผู้ที่เหมาะสมขึ้นเป็นรองผู้ว่าการแทน “รองณัฐ” ที่ลาออกไป และวันที่ 12 พ.ค.2539 บอร์ด กกท.ก็มีมติเห็นชอบที่จะแต่งตั้ง นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ที่ตอนนั้นทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ กกท. ขึ้นเป็นรองผู้ว่าการ กกท.คนใหม่

และช่วงนั้น เหมือนทุกอย่างจะเงียบลง ปัญหาใน กกท.ไม่ค่อยมีข่าวคราวอะไรมากมาย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังส่ง นักกีฬาไทยไปเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 1996 ที่เมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา และมีการเตรียมงานอีกด้านก็คือ การเตรียมการก่อสร้างสนามกีฬา และเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน ปี พ.ศ.2541

จนกระทั่งโอลิมปิกเกมส์ 1996 เสร็จสิ้น งานฉลองชัยก็อิ่มเอม แต่เรื่องการเมืองใหญ่ ที่มีนาย บรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นก็เริ่มปั่นป่วนหนักและทานพรรคร่วมไม่ไหวจนมีการยุบสภา และรักษาการเพื่อรอการเลือกตั้งครั้งใหม่ใน วันที่ 17 พ.ย.2539 ในวงการกีฬา รมต.ปองพล เองก็ถึงแม้จะเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการแต่ก็อำนาจเต็มในกำกับดูแลกีฬา  และยิ่งช่วงท้าย ๆ ยิ่งดูแข็งขันเป็นพิเศษ

จนมีข่าวออกมาในกระแส “ข่าวสังคมกีฬา” ในช่วงนั้นระบุชัดว่า “กลุ่มการเมืองถาโถมเข้าใส่แดนหัวหมากแรงมากผิดปกติ” มีการขอความร่วมมือมากมาย ทั้งบนโต๊ะและข้าง ๆ โต๊ะ …สื่อมวลชนกีฬาแสดงความคิดเห็นผ่านข้อเขียนมากมายบันทึกไว้

และทุกอย่างก็ระเบิดจริง ๆ จากคนที่ชื่อ “ดร.สมชาย” ผู้เป็นคนตรงไม่ใคร่ยอมหากทำงานกับคนประเภทผิดหลักการ

หนังสือพิมพ์วันที่ 23 ตุลาคม 2539 พาดหัวตรงกันในส่วนข่าวกีฬาว่า “สมชายลาออก” นั่นหมายถึงว่า 22 ตุลาคม 2539 ดร.สมชายได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นผู้ว่าการ กกท. ต่อนายปองพล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกในฐานะประธานบอร์ด กกท.ที่เป็นเจ้านายโดยตรง

และหลังจากยื่นจดหมายแล้วนั้น ดร.สมชาย ก็เปิดแถลงข่าวที่ตึกเอฟบีที คอมเพล็กซ์ (ข้างๆ กกท.) หัวหมาก ทันที ในวันเดียวกัน

และ ดร.สมชาย ก็ได้เปิดเผยว่า การลาออกครั้งนี้ ตนเองได้ตัดสินใจอยู่ 2-3 วัน และในที่สุดก็ร่างจดหมายลาออกและขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถูกบีบและถูกบังคับ และเรื่องนี้ตนเองได้เรียกประชุมคณะบริหาร กกท.หมดแล้วทุกฝ่ายแล้วว่า หากใครมารับตำแหน่งต่อก็ขอให้ปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม

#เป็นเหตุผลที่ดูดีอีกครั้งของการลาออกคือไม่มีปัญหาอะไร…แต่คนฟังก็คงงงแล้วลาออกทำไม

อย่างไรก็ตามในการแถลงข่าว ดร.สมชายยังระบุต่อไปว่า “สิ่งที่ตนได้ให้ข้อคิดกับรัฐมนตรีคืออยากให้พิจารณาคนใน กกท.ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ซึ่งขณะนี้อาวุโสที่สุดก็คือ นพ.เจริญทัศน์ จินตนเสรี”

ขณะที่นายปองพล คนรับหนังสือลาออกนั้น ได้ให้สัมภาษณ์วันเดียวกันว่า นายสมชายมายื่นใบลาออกกับตน อย่างไรก็ดีต้องรอผลจากการประชุมบอร์ด กกท.ในวันที่ 28 ต.ค. (2539) ที่จะพิจารณาให้นายสมชายเป็นที่ปรึกษา กกท.

#มาฟังกระแสข่าวที่งานการบันทึกเป็นรายงานข่าวและเขียนข่าวสังคมในยุคนั้น ต่อสาเหตุการลาออกของ ดร.สมชาย ว่าอย่างไรกัน

นสพ.ฉบับหนึ่งเขียนรายงานข่าวว่า เพราะมีผู้ใหญ่ฝ่ายการเมืองขอใช้สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ (สนามราชมังคลาในปัจจุบัน) เพื่อจัดคอนเสิร์ต ไมเคิล แจ๊คสัน แต่ถูกปฏิเสธจากคน กกท.ว่าไม่เหมาะที่จะใช้ เนื่องจากว่าจะกระทบส่วนงานที่ก่อสร้างไปแล้ว คำค้านนี้ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่มีต่อ ดร.สมชาย เพราะหากไม่ลาออกก็จะถูกปลด

และกระแสข่าวเพิ่มเติม ในช่วงนั้นที่เป็นข่าวเชิงลึก ที่เชื่อถือได้ เพิ่มเติมสาเหตุที่ ดร.สมชายออก และท่านได้เปรยกับผู้รู้ใจว่า “มีการของบจาก กกท.เพื่อไปบันดาลสุขแบบเกือบจะหมดกระเป๋า ยังจะขูดต่อไม่เลิก….ผมเบื่อพวกนี้”…จบ

โดยสุดท้าย ดร.สมชายก็ได้ออกจากตำแหน่งผุ้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่นั่งมายาวนาน 6 ปี หลังจากได้ขึ้นตำแหน่งนี้ต่อจาก นายไพบูลย์ วัชรพรรณ ผู้นำคนก่อนที่ถูกปลด และถูกให้ไปนั่งเป็นที่ปรึกษา กกท.ตำแหน่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมารองรับนายไพบูลย์จนเกษียณอายุราชการ และ ตำแหน่งที่ปรึกษา กกท.นี้ก็เป็นตำแหน่งที่รองรับอดีตผู้ว่าการ กกท.ดร.สมชาย ที่เข้าสู่ตำแหน่งนี้หลังจากลาออกจาก ผู้ว่าการ กกท.จนเกษียณอีก 7 ปีต่อมาเช่นกัน.

#ติดตามภาค 3 สิงห์ข้ามห้วยที่ชื่อ “ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ” ครับ.

RANDOM

กัมพูชา ตัดเพาะกาย และยืนยันใช้ชื่อมวยขะแมร์ต่อสมาชิกในการจัดซีเกมส์32 โดยไม่แจ้งเหตุผล หลังทราบข่าวสมาคมมวยไทยจะไม่ส่งแข่งแน่ และ คนเพาะกายไทย ยันเรื่องนี้รู้เหตุผลเจ้าภาพ ย้ำไม่จัดก็ดีหากจะจัดแล้วด้อยค่ากีฬาเพาะกายก็ไม่ควรจัด

error: Content is protected !!