กกท.จะไม่มีผู้ว่าการ คนที่ 14

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

การกีฬาแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “กกท.” มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Sports Authority of Thailand” เรียกโดยย่อว่า “SAT” จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2528 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102 ตอนที่ 149 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2528 เพื่อจัดตั้ง “การกีฬาแห่งประเทศไทย” (กกท.) แทน“องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย” (องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย จัดตั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2507) เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็น การยกระดับให้มีการบริหารงานอย่างเพียงพอต่อการขยายตัวของการกีฬาในชาติ และ เมื่อมีพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 ได้มีการจัดตั้งกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาขึ้น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 และให้การกีฬาแห่งประเทศไทย โอนไปสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแทนสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2545 เป็นต้นมา

ทำเนียบผู้บริหารสูงสุดตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ที่เรียกว่า ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย เริ่มต้นจาก หลวงสุขุม นัยประดิษฐ์ / นายกอง วิสุทธารมณ์ / นายวิลาส บุนนาค / ม.ร.ว.แหลมฉาน หัสดินทร / นายสมจิตร สิงหเสนี

จากนั้นในตำแหน่งของผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็จะไล่เรียง จากนายไพบูลย์ วัชรพรรณ์ / นายสมชาย ประเสริฐศิริพันธ์ / นายศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ / นายแพทย์เจริญทัศน์ จินตนเสรี / นายสันติภาพ เตชะวณิช / นายกนกพันธุ์ จุลเกษม / นายสกล วรรณพงษ์ และ ดร.ก้องศักด ยอดมณี

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ถือเป็นผู้นำคนที่ 13 ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่นั่งเต็มเก้าอี้ ซึ่งหมายถึงว่า ไม่นับรวมกลุ่มคนรักษาการผู้ว่าการ ในอดีต และเป็นผู้นำ ในฐานะผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน

ประเด็นของการเอ่ยถึง ผู้นำสูงสุดของการกีฬาแห่งประเทศไทย ณ วันนี้ก็คือ เมื่อดูตามวาระของ ดร.ก้องศักด ยอดมณี แล้วนั้น ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2565 นี้ก็จะหมดวาระ 4 ปี ตามสัญญาจ้าง ที่เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2561 เป็นต้นมา

เมื่อดูตามมาตรา 20 ของ พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย ระบุอำนาจของคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ ที่เรียกง่าย ๆ ว่าบอร์ด กกท. นั้นว่า ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

ซึ่งที่ผ่านมานั้นจะพบว่า การแต่งตั้งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นคนนอกของ กกท.มาบริหาร กกท.นั้น ทางบอร์ด กกท.ที่มีอำนาจเต็ม จะมีกระบวนการ 2 วิธีการหรือรูปแบบคือ การตั้งคณะทำงานแทน บอร์ด กกท. ขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อที่จะเป็นตัวแทนในการสรรหา ที่จะมาจากการเปิดรับสมัครผู้สนใจ โดยมีเงื่อนไขต่าง ๆ แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาเบื้องต้น การทดสอบวิสัยทัศน์ การทดสอบภาษาอังกฤษ แล้วคณะทำงานชุดนี้ ก็จะสรุปผู้ที่เหมาะสมจากการคัดเลือก ส่งให้กับบอร์ด กกท. เพื่อเป็นผู้พิจารณาขั้นตอนสุดท้ายในอำนาจนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบตามที่เสนอ หากไม่มีอะไรท้วงติง ก็เข้าสู่กระบวนการจัดจ้างคนผู้นั้นต่อไป

และอีกวิธีการ ก็คือ ในเมืองบอร์ด กกท.มีอำนาจเต็มอยู่แล้ว และใน พระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทยก็ไม่ได้ระบุว่าต้องใช้วิธีการใด วิธีการที่สองนี้จึงมีให้เห็นคือ บอร์ด กกท.จะมีการแต่งตั้งคนเดิม และเสนอให้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเลย ก็เป็นการจบเรื่องของการแต่งตั้งผู้ว่าการ กกท.

เมื่อมี 2 รูปแบบหรือ 2 วิธีการแบบนี้ที่ บอร์ด กกท.ในฐานะผู้แต่งตั้ง เป็นผู้มีอำนาจเต็มที่จะจัดการทั้งหมด จึงเป็นที่คิดได้ว่า จากวันโน้นถึงวันนี้ ผู้นำการกีฬาแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นยุคที่เป็นผู้อำนวยการ หรือ มาถึงยุคการเป็นผู้ว่าการ มีจำนวนคนที่นั่งทั้งวาระเดียวและ2วาระ ในตำแหน่งสูงสุดมาแล้ว 13 คน เมื่อเห็นอะไรต่าง ๆ ที่ผ่านมาของการกีฬาแห่งประเทศไทยยุคนี้แล้วนั้น

จึงสรุปได้แบบเชื่อมั่นในระดับสูงว่า “กกท.จะยังไม่มีผู้ว่าคนที่ 14” หรือไม่มีผู้ว่าการคนใหม่ต่อจาก ดร.ก้องศักด ยอดมณี.

RANDOM

NEWS

สำนักงาน ป.ป.ช. เชิญชวนผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดบทความวิชาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2567 ชิงเงินรางวัลรวม 185,000 บาท ส่งบทความได้ ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 14 พ.ค. 2567

error: Content is protected !!