“ผู้ว่าก้อง”ตั้ง 4 รองให้สรรหาระดับ 9 กกท. 3 (4) ตำแหน่ง ด้วยความคาดหวังสร้างสิ่งดีให้องค์กร เรื่องนี้เป็นเรื่องคนใน คนนอกโตแค่ไหน ก็ไม่ควร “เผือก” เรื่องพรรค์นี้ซักครั้ง

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

 ดูความเคลื่อนไหว ในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หลังจากที่ระดับ 10 ( 2 รองผู้ว่าการ และ 1 ที่ปรึกษา 10) ทั้ง 3 ตำแหน่งลงตัวแล้ว คราวนี้ ก็คงเล็งลงไปที่ ระดับ 8 ที่จะขึ้นมาแทนระดับ 9  ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปสู่ระดับ 10 แล้ว โดยตำแหน่งระดับ 9 ที่เหลืออยู่ 3 ตำแหน่ง ก็คือ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ / ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และ ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา เพื่อเปิดให้ พนักงานระดับ 8 ของ กกท.ได้ลุ้นขึ้นสู่ตำแหน่งตามสิทธิ์ (แม้ว่าในโครงสร้างใหม่ชอง กกท.ยังมีตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญ ระดับ 9 (ที่มีการปรับโครงสร้างใหม่มาพร้อม ๆ กับ การมีตำแหน่งที่ปรึกษา 10) อีก 1 ตำแหน่งที่อาจจะสรรหาไปพร้อม ๆ กันก็ได้)

 Station-THAI นั่งมองอยู่ห่างๆ กับการแต่งตั้งคณะทำงาน ซึ่งผู้ว่าการ กกท.ดร.ก้องศักด ยอดมณี แต่งตั้งขึ้น เป็นคณะกรรมการพิจารณา สรรหา คัดเลือกพนักงาน เพื่อเสนอให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายและสำนัก (นักบริหารระดับ 9) ทดแทนผู้ที่ขึ้นสู่ระดับ 10 ทั้ง 3 ตำแหน่ง

 โดย “ผู้ว่าก้อง” เลือกให้ รองโปรดปราน สมานมิตร ที่เก๋าที่สุด เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการอีก 3 ท่านคือ รองสุรศักดิ์ เกิดจันทึก ที่ปรึกษามีชัย อินวู๊ด และมีรองวิบูณ จำปาเงิน เป็นกรรมการและเลขานุการคณะทำงานชุดนี้ และปิดท้ายที่ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

 สิ่งที่สังเกตได้ชัด ๆ คือ คณะทำงานชุดนี้ เป็นคนในทั้งหมด และ เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่จะมีการเลือกคนขึ้นทั้ง 3 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้เห็นการมองของ “ผู้ว่าก้อง” ทำได้ตรงจุด เนื่องจากการจะเลือกใครขึ้น นั้น บุคคลที่เป็นรองและที่ปรึกษาซึ่งเคยนั่งตำแหน่งนั้นมาก่อน “ควรจะเป็นผู้ที่มีสิทธิใช้ประสบการณ์งานเก่าของตนเอง” สรรหาคนที่เหมาะสมต่อตำแหน่งระดับ 9 นั้นมากที่สุด

  แสดงให้เห็นว่า กกท.อยากที่จะเล่นเอง เลือกเอง ซึ่งคนอื่นจะคิดอย่างไรก็ว่าไป แต่ที่นี่ Station-THAI มองว่าดีมาก เพราะ ระดับ 9 เป็นตำแหน่งในฝ่ายปฏิบัติการที่สำคัญมาก และถือเป็นหัวใจของงานแต่ละส่วนของ กกท.ซึ่งการได้เลือกคนเอง ย่อมดีกว่าการได้มา “แบบอะไรก็ได้”

 พูดมาขนาดนี้แล้ว “ไอ้พวกคนนอกที่เตรียมแทรกแซง”…ก็อย่าไปสะเออะกับงานเขา

 วันนี้ (13 ก.พ.2566) เป็นวันสุดท้ายของการยื่นสมัครแล้ว ก็ได้นั่งอ่านกฎกติกามารยาทในการสรรหาแล้ว ก็ดู ๆ ทั่วไปไม่มีอะไร ทุกอย่างอยู่ในความเหมาะสม

 และได้แต่เฝ้าดูต่อไปว่า ในเมื่อเริ่มเดินทางในจุดต่าง ๆ ดีแล้ว ก็อยากที่จะเห็น “ความสง่างามในองค์กร” จากจุดเริ่มต้นจนจบกระบวนการที่ดี “มีศักดิ์ศรี” ต่อตัวองค์กรเอง

 โดยข้อเท็จจริงนั้น คงไม่ใช่เรื่องยากหากไม่มีปัจจัยแทรกที่เหนือการควบคุม

 เพราะทุกวงการ เขาจะดูการขึ้นสู่ตำแหน่ง หรือที่เรียกว่าอาวุโสของแต่ละคนที่หมายถึงการถูกยอมรับระดับหนึ่งแล้ว / ทุกวงการเขาจะดูจากประสบการณ์-ผลงานจากการทำงานที่เกี่ยวข้องในตำแหน่งที่เขาเลือกสมัคร ที่หมายถึงการได้คนที่ใช่ผ่านงานด้านนั้นมาแล้วก็จะเดินงานต่อได้ทันที ไม่ใช่มาเป็นภาระของฝ่ายธุรการ หัวหน้างาน หัวหน้ากองต้องมาสอนงานให้อีก ส่วนวิสัยทัศน์นั้นเมื่อคนที่เคยผ่านงานด้านนั้นมาก็จะแสดงได้ว่าอะไรคือวิสัยทัศน์เขาเองที่สอดคล้องควรนั่งในตำแหน่งนั้น ๆ และ 2-3 สิ่งนี้น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุด และจักมีคำตอบที่ชัดเจนต่อคนในและนอกองค์กรสมบูรณ์แบบที่ควรจะเป็น

 ส่วนขั้นตอนต่อไปเมื่อสรุปแล้วนำเสนอผู้ว่าการนั้น ที่นี่มองว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะผ่านทันทีเพราะระดับ 4 รองผู้ว่าการที่ตั้งมาเลือกคนให้ ถ้าหาดีและถูกใจ “บิ๊กก้อง” ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะว่ายังไง ส่วนการเสนอบอร์ด กกท.ถ้ามีเหตุผลดี ๆ ในที่มา ก็คงไม่ใช่ปัญหาอีกเช่นกัน

 นี่คือเรื่องที่อยากเห็นการสร้างตัวตนที่ดีมีธรรมาภิบาลของคนในองค์กร กกท.ในกรณีนี้ ส่วนจะได้ 3 และหรือได้แถมผู้เชี่ยวชาญระดับ 9 อีก 1 หรือไม่ก็ไปว่ากันเองถ้าคนในได้เลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

 ปิดท้ายก็ยังอยากย้ำว่า “ไม่อยากเห็นคนนอกไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหนมาเผือกเรื่องในองค์กรเขา” ด้วยการอยู่เฉยๆ รู้จักให้เกียรติคนในเขาทำเต็มที่ซักครั้ง…ก็จักขอบคุณแทนคนในองค์กรเขาครับ.

RANDOM

error: Content is protected !!