กมธ. อุดมศึกษาฯ ส.ว. ยกย่อง มจธ.เป็นศูนย์วิจัยด้าน BCG ของประเทศ

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

 

คณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา เข้าเยี่ยมชมผลงานวิจัยและนวัตกรรม ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ และหนึ่งในประเด็นที่ คณะกรรมาธิการฯ ให้ความสนใจ คือ การดำเนินการของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อน BCG (Bio-Circular-Green Economy) ของประเทศ

โดย พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา กล่าวว่า มจธ. เป็นมหาวิทยาลัยที่มีผลงานวิชาการและผลงานวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ และได้นำไปประยุกต์ใช้ทั้งเรื่องการเกษตร อาหาร สุขภาพ พลังงาน และสังคม สอดคล้องกับแนวเศรษฐกิจ BCG

“มจธ. นอกจากเป็นศูนย์ทางวิชาการแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนา BCG ด้านพลังงาน รวมถึงด้านอื่น ๆ เป็นตัวอย่างของภาคการศึกษาที่ทำงานร่วมกับภาคเอกชน และประชาสังคม ภายใต้การสนับสนุนของภาครัฐ สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศได้ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อมูลที่ได้รับไปจัดทำรายงานและขยายผลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการสนับสนุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การพัฒนากำลังคน และโดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ COVID-19 อาทิ การผลิตยา และการผลิตวัคซีน ที่จะต้องมีการพิจารณาผลักดันงบประมาณสนับสนุนต่อไป”

 

รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า การดำเนินการเรื่อง BCG ของ มจธ. อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์วิจัย BCG Model@KMUTT อันเป็นโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ของ มจธ. ที่จะพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ มจธ. มีความเข้มแข็งไปพร้อมกับการขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบที่เป็นสินค้าทางการเกษตรแบบครบวงจร มีการนำของเหลือใช้มาพัฒนาและเพิ่มมูลค่าให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ พร้อมกับลดของเหลือใช้ตามหลักการของ BCG ซึ่ง มจธ. มีโรงงานต้นแบบที่ตอบโจทย์ BCG ในด้านต่าง ๆ  ทางด้าน Bio Economy หรือ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ เรามีความเชี่ยวชาญ 4 ด้าน ได้แก่ Food, Feed, Biofuel และ Pharmaceuticals ในด้าน Circular Economy หรือ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เรามุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีครบวงจรที่นำของเหลือใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น การผลิตไบโอแก๊สจากน้ำเสียในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง การผลิตไบโอเอทานอลจากของเหลือใช้ในอุตสาหกรรมเกษตร เป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใน Green Economy หรือ ระบบเศรษฐกิจสีเขียว เราได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง จนถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานทดแทนทั้งในอุตสาหกรรม ชุมชน และในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่ยั่งยืน เป็นต้น

ด้าน ผศ. สุชาดา ไชยสวัสดิ์ ผู้บริหาร มจธ.บางขุนเทียน กล่าวว่า โรงงานต้นแบบสกัดสารสำคัญมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยแก้ปัญหาคอขวดของการขยายผลงานวิจัยด้านสารสำคัญที่สกัดจากพืช จากห้องแล็บไปสู่ระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เพราะแม้นักวิจัยจะสามารถหาวิธีสกัดสารสำคัญในห้องแล็บได้ แต่การขยายกำลังผลิตในเชิงพาณิชย์ มีความจำเป็นต้องศึกษาถึงปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง และการปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะสม ซึ่งโรงงานต้นแบบ มจธ. มีความพร้อมของห้องปฏิบัติการ บุคลากร และเครื่องมือ ที่จะให้บริการกับหน่วยงาน และผู้ประกอบการ ให้สามารถขยายขนาดกำลังผลิตสารสำคัญที่สกัดจากพืชจากระดับห้องแล็บไปสู่การผลิตระดับโรงงานในเชิงพาณิชย์ได้แบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว โรงงานต้นแบบจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ลดการใช้ทรัพยากร ลดของเสีย และการใช้ประโยชน์จากของเสียเหลือทิ้ง รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากร ในอนาคต

มจธ. มีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์และคุณค่ากับชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ผลักดันให้การดำเนินงานตามกรอบของ BCG เกิดความยั่งยืน เป็นเศรษฐกิจสีเขียว ทั้งนี้ ปัจจุบัน มจธ. มีผลการดำเนินงานด้าน BCG Model @KMUTT ที่เป็นรูปธรรม และมีองค์ความรู้ที่พร้อมต่อการพัฒนาและส่งต่อ อาทิ โรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ (National Biopharmaceutical Facility – NBF) โรงงานต้นแบบสกัดสารสำคัญ และศูนย์เรียนรู้พลังงานชนบท เป็นต้น

RANDOM

error: Content is protected !!