ครม. เพิ่มอีก 11 จังหวัดพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา หลังประเมินผล 8 จังหวัดนำร่องเป็นที่น่าพอใจ

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 65 มีมติประกาศกำหนดให้ 10 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปฏิรูปการบริหารและการจัดการศึกษาเพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมการศึกษา ตามที่ คณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ที่มี ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแล้ว ได้แก่ สุโขทัย แม่ฮ่องสอน กระบี่ ตราด สระแก้ว กรุงเทพมหานคร จันทบุรี ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี ซึ่งเป็นการประกาศเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มี 8 จังหวัด พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ได้แก่ ศรีสะเกษ เชียงใหม่ ระยอง กาญจนบุรี นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสตูล ซึ่งหลังจากที่ 11 จังหวัด ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งละจังหวัด จะแต่งตั้ง คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เพื่อดำเนินการสรรหา และจัดส่งรายชื่อคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาของจังหวัด ไม่เกิน 21 คน ส่งมายังสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (สบน.) เพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อไป

พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ตาม พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 เกิดจาก 2 แนวคิดหลัก คือ 1. Bottom-Up Solution แนวคิดการสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการลองผิดลองถูกของผู้ปฏิบัติในพื้นที่ต่าง ๆ 2. Sandbox (กระบะทราย) แนวคิดการสร้างพื้นที่ที่มีปัจจัยเกื้อหนุนให้ผู้ปฏิบัติสามารถทำการทดลองเพื่อสร้างนวัตกรรมได้ ดังนั้น พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จึงเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องกล้าทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ แก้ปัญหาด้วยแนวคิดใหม่ หากล้มเหลว ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็ลุกขึ้นมาปรับปรุงทดลองพัฒนาใหม่ จนกว่าจะได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี ซึ่งทั้ง 11 จังหวัด ดังกล่าว ได้ดำเนินการเสนอความพร้อมและคำขอจัดตั้งตามกระบวนการ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาแล้วว่า มีความพร้อมที่จะใช้แนวคิด Sandbox ในการนำร่องยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่

ปัจจุบันมีสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 541 โรงเรียน แยกเป็น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 444 โรงเรียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 45 โรงเรียน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 52 โรงเรียน โดยตั้งอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ 163 โรงเรียน เชียงใหม่ 104 โรงเรียน ระยอง 82 โรงเรียน กาญจนบุรี 60 โรงเรียน นราธิวาส 53 โรงเรียน ปัตตานี 32 โรงเรียน ยะลา 30 โรงเรียน และสตูล 17 โรงเรียน ซึ่งจากการติดตามผลการดำเนินงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ พบว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ เช่น กฎระเบียบส่วนใหญ่ได้รับการปลดล็อกแล้วโดยเฉพาะวิชาการ, จังหวัดมีเอกลักษณ์ มีส่วนร่วมในการพัฒนา, โรงเรียนนำร่องที่เปลี่ยนแปลงเด่นวิชาการ, มีการปรับหลักสูตร 89% , เลือกสื่อได้อิสระ 65% , ปรับการวัดและประเมินผล 78% ส่งผลให้เด็ก ๆ ได้รับโอกาสเรียนรู้แบบมีความหมายและประยุกต์ใช้ความรู้มากขึ้น มีกลไกเชิงพื้นที่รับฟังปัญหาและความต้องการของคนในพื้นที่ มีเป้าหมายร่วมกัน เกิดการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบในการพัฒนา แสวงหา และเลือกนวัตกรรมที่หลากหลายมาใช้ ให้เหมาะสมกับปัญหาและสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ขณะนี้การประเมินผลพื้นที่ทั้งระบบอยู่ระหว่างดำเนินการโดยคณะผู้ประเมินอิสระ ซึ่งจะผลสรุปได้ในสิ้นภาคเรียนที่ 2/2565 นี้

อ้างอิงจาก FOCUSNEWS วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565

RANDOM

ชาวเจ็ตสกี จับเข่าคุยกับกองทุน ในประเด็นดราม่า “ไปแข่งมีผลงานทำไมไม่ได้เงิน” ได้รับความกระจ่างที่เข้าใจผิด “ดร.สุปราณี” ฝากถึงทุกสมาคมให้แจ้งกติกาสมาชิกให้ชัด พร้อมที่จะหาทางช่วยเหลือด้วยการนำหารือบอร์ดกองทุน

NEWS

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ ม.ศรีปทุม เชิญชวนน้อง ๆ เยาวชน ร่วมประกวดไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ในหัวข้อ “WellTech Entrepreneur : Good Health and Well-being” ชิงทุนการศึกษา ส่ง Concept Idea เข้าประกวดได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 10 พ.ค. 67

error: Content is protected !!