นักวิจัย มข. สุดเจ๋ง พัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหิน สำเร็จเป็นครั้งแรกของอาเซียน กพร. เตรียมดันไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ครบวงจร

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ร่วมกับ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม (กพร.) แถลงข่าวโครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหินเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ โดยได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร. ธีรวุธ ตันนุกิจ ผู้แทนอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง นักวิจัยโครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออน ฯ ร่วมแถลงข่าว โดยมี ผู้บริหาร คณาจารย์ นักวิจัย สถานประกอบการ และ สื่อมวลชนร่วมงานจำนวนมาก ณ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกได้กล่าวถึงการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือก โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหินเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ นับเป็นความสำเร็จของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากการทำงานวิจัยอย่างหนักของทีมวิจัย นำทีมโดย รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง นักวิจัยโครงการฯ จนสามารถพัฒนาได้สำเร็จเป็นแห่งแรกในอาเซียน โดยแบตเตอรี่ตัวนี้ สามารถกักเก็บพลังงานทั้งจากแสงอาทิตย์ หรือจากกังหันลม แปลงมาเป็นกระแสไฟฟ้า แล้วเก็บในรูปแบบแบตเตอรี่ สิ่งนี้จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา ในอนาคตพลังงานแบตเตอรี่จะถูกลง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้มาก

ด้าน ดร. ธีรวุธ ตันนุกิจ ผู้แทนอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการสำรวจของ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ พบว่า ประเทศไทยมีแหล่งแร่โปแตช หรือกลุ่มแร่ชนิดโซเดียม ที่มักเกิดคู่กัน โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณมากที่สุด และปริมาณสำรองแหล่งแร่เกลือหินในประเทศไทยมี 18 ล้านล้านตัน เป็นแหล่งแร่สำรองที่มีปริมาณมหาศาล ซึ่งแร่ชนิดนี้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหิน โดยทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่พัฒนาเทคโนโลยีเอง ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และมีแหล่งแร่พลังงานมหาศาล

“โครงการนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในอาเซียน กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ส่งเสริมและผลักดัน เป้าหมายชาติต่อไป คือ เราต้องการสร้างอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ครบวงจร นำเกลือหินมาทำเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตแบตเตอรี่ อาจจะนำไปใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ใช้เป็นตัวพลังงานเพื่อทำสมาร์ทฟาร์มให้กับอุตสาหกรรมเกษตรต่อไป เป้าหมายของกระทรวง คือ ผลักดันอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งความสำเร็จนี้จะส่งผลให้อุตสาหกรรมไทยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดต่างประเทศต่อไป”

ขณะที่ รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง นักวิจัย ผู้จัดการโครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหินเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยในโครงการได้ทุ่มเทกำลังสุดความสามารถ ร่วมกันทำงานจนประสบความสำเร็จ ในการพัฒนาศึกษาวิจัยและทดลองแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหินในประเทศไทย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ทางเลือก โดยการใช้วัตถุดิบที่มีภายในประเทศทดแทนแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน ให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงเทียบเท่า ลิเธียมไอออน ในราคาที่ถูกลงกว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ ในสเกลที่เท่ากัน แบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจะเข้าไปเป็นตัวเสริม ในบางแอปพลิเคชั่นได้ดีกว่า แบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนและมีความปลอดภัยสูงกว่า

“อย่างไรก็ตาม ทางโครงการ ฯ ได้พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ทางเลือก ในระดับเซลล์จากโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และได้นำไปทดลองใช้งานจริงในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ใหม่ และระบบกักเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่สำหรับจักรยานไฟฟ้า แบตเตอรี่สำรองสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ และไฟส่องสว่าง เรามีโมเดลการใช้พลังงานแบตเตอรี่จากโซเดียม คือ E – Bike ที่ประหยัดพลังงาน และใช้งานได้จริง ในอนาคตทีมนักวิจัยมีแนวโน้มจะศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหิน โดยให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน ให้กลายเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีศักยภาพสูง ราคาประหยัด คุ้มค่ามากที่สุด ผลักดันให้ไทยกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของโลก ตามเป้าของกระทรวง ฯ ต่อไป” รศ.ดร.นงลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

RANDOM

error: Content is protected !!