ม้าแข่งที่สนามฝรั่ง นัดแรกรับศักราชใหม่ ในวันที่ 4 มกราคม 2569 นี้ น่าชม มีแข่ง 9 เที่ยว ไฮไลท์อยู่ที่เที่ยวแข่งระยะไกล ไมกี้-เพิร์ลพิท-บิ๊กเฮง ถูกจับตาว่าจะชิงวิน จริงหรือไม่ต้องติดตามกัน กับโปรแกรมแข่งและวิจารณ์โดยทีมงาน “บิ๊กบอย” ที่ส่องกล้องก่อนแข่งมาให้เพื่อความสนุกสนานกัน ด้านล่างครับ

เที่ยว 1 ม้าไทย คลาส 5 (The Hello 2026 Stakes) ระยะ 1300 เมตร
จากผลงานชนะมาแล้ว 1 ครั้ง ยูท่าห์ (3) ซึ่งเป็นม้าที่มีความสม่ำเสมอ จึงมีโอกาสคว้าชัยชนะครั้งที่ 2 ได้ในการแข่งครั้งนี้ ถึงแม้จะต้องออกจากซอง 10 ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลยก็ตาม แต่จ๊อกกี้ก็รู้จักม้าตัวนี้เป็นอย่างดี ไปที่ รักนาย (1) ที่ลดคลาสลงมา และน่าจะทำผลงานได้ดีในระยะ 1300 เมตร แต่สิ่งท้าทายและต้องพยายามฝ่าฟันไปให้ได้คือการแบกน้ำหนักท็อปเวทที่ 59.0 กิโลกรัม ส่วนทางด้าน วงเดือน (9) จะลงแข่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแขวนอาน และน่าจะพยายามฝากผลงานให้ดีที่สุดให้แฟนอาชาได้จดจำ

เที่ยว 2 ม้าไทย คลาส 4 (The Fortune Stakes) ระยะ 1300 เมตร
ธิดาดิน (1) ที่คว้าชัยในคลาส 5 เมื่อนัดวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา และจะพยายามทำผลงานต่อเนื่องในคลาส 4 อีกหน โดยมีจ๊อกกี้พงศกรที่รู้ใจม้าตัวนี้เป็นอย่างดี รับหน้าที่คุมบังเหียน ไปทางด้าน บลูมมิ่งวิล (6) ที่สร้างความประทับใจอย่างมากในไฟท์แรก ด้วยการเข้าอันดับ 2 และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในวิ่งระยะไกลได้ดี จึงน่าจะยิ่งเหมาะสมที่ต้องจับตา ส่วน วินมาร์ค (10) ต้องออกจากคอก 11 แต่หากจังหวะการแข่งขันเบียดได้เร็ว ก็มีลุ้นติดอันดับ

เที่ยว 3 ม้าไทย คลาส 3 (The Best Wishes Stakes) ระยะ 1300 เมตร
สมิงไพร (6) ซึ่งแสดงสปีดปลายที่น่าประทับใจจากการทดสอบเวลา และด้วยสายเลือดที่ดี หากสามารถเอาชนะการได้ซองนอกอย่างซอง 10 ได้ ก็มีโอกาสคว้าชัยสูง ส่วนทางด้าน ชาล็อต (2) เจองานไม่เป็นใจในเท่าไรนักในไฟต์ล่าสุด และครั้งนี้จึงควรได้รับโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง สำหรับ ฟาสเตอร์ (6) คว้าชัยอย่างสวยงามเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แม้ระยะแข่งจะยาวเกินไปเล็กน้อยสำหรับเขา แต่ก็ยังมีลุ้นติดอันดับได้

เที่ยว 4 ม้าไทย คลาส พรีเมียม (The Lucky Stakes) ระยะ 1300 เมตร
เซย์อิทโซ (1) ดูเป็นตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าชัยสูง โดยเฉพาะเมื่อได้จ๊อกกี้วิจิตรกรคุมบังเหียน จึงวิเคราะห์เอาว่าจะต้องมีแผนการขี่อย่างสมบูรณ์แบบแน่ ส่วนคู่แข่งหลักคือ ทิวดอร์เกรย์ (2) ที่ชนะมา 2 ไฟต์ติดต่อกัน และจะได้เปรียบน้ำหนักเบากว่า 1 กิโลกรัมเหนือ เซย์อิทโซ ไปทางด้าน ฟลายอเวย์ (12) เข้าอันดับ 3 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และฟอร์มดูดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกการออกสตาร์ท ต้องไม่พลาดการจับตามอง

เที่ยว 5 ม้าเทศ คลาส 4 (The Harmony Stakes) ระยะ 1100 เมตร
หญิง หญิง (3) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าชัยเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และแน่นอนจะพยายามทำผลงานซ้ำอีกครั้ง โดยแบกน้ำหนัก เพิ่มจากไฟต์ก่อนเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ไปทางด้าน เดอะสตาร์ (9) ซึ่งยังไม่ชนะในประเทศไทยเลย แต่ติดอันดับมาหลายครั้ง ในครั้งนี้จะได้จ๊อกกี้ศุภกรขี่เป็นครั้งแรก และยังมีความหวังในการลุ้นชัยเสมอ ส่วน ใจสั่งมา (11) ซึ่งเป็นม้าชอบระยะสั้น แต่ต้องดูนิดเพราะก่อนแข่งมักจะเป็นม้าที่จัดการยากเล็กน้อย

เที่ยว 6 The Bright Future Stakes (Thoroughbred Class 3 B) ระยะ 1100 เมตร
ไดมอนริง (8) มีแนวโน้มจะเป็นตัวเต็ง ด้วยผลงานการชนะมาหลายครั้ง และคอกบี.เอส.พี ก็ยังได้จ๊อกกี้พงศกรมารับหน้าที่คุมบังเหียนเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของม้าออกมาอีกจึงน่าเชียร์ ไปที่ มังกรมั่งมี (2) เป็นม้าชื่อดังที่เคยแข่งในสิงคโปร์ และมาเลเซียในชื่อ ACE SOVEREIGN มาแล้ว มีสถิติชนะ 5 ครั้งในระดับคลาส 4 และ 5 เป็นม้าที่ปรับตัวกับระยะได้หลากหลาย และอาจสร้างผลงานเด่น ในการแข่งเดบิ้วต์ครั้งแรกที่ประเทศไทย ส่วน บลูอาย (5) เจองานไม่เป็นใจเท่าไรนัก เมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่มานัดนี้เชื่อว่ายังสามารถฝากความหวังไว้ได้กับการได้จ๊อกกี้วิจิตรกรที่คุมบังเหียน

เที่ยว 7 ม้าเทศ คลาส 3 A (The Hope Stakes) ระยะ 1100 เมตร
ไวเปอร์คอมมานด์ (1) คว้าชัยอย่างน่าประทับใจเมื่อนัดวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา และมานัดนี้เชื่อได้ว่าจะพยายามอีกครั้ง แม้จะอยู่ภายใต้น้ำหนักท็อปเวท 60.0 กิโลกรัมก็ตาม ซ้ำยังได้แชมป์จ๊อกกี้ปี 2025 อย่างสันติภาพ คุมบังเหียนเป็นครั้งแรกด้วย ไปที่ มังกรอลังการ (6) เคยชนะหนึ่งครั้งในประเทศไทยเมื่อนัดวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แม้สองไฟต์ล่าสุดจะเข้าอันดับ 5 แต่ยังคงมีลุ้นเบียดแย่งชิงชัยชนะเช่นกัน ส่วน ซันฮีโร่ (3) จากคอกบี.เอส.พี เช่นกัน เมื่อดูทรงโดยรวมแล้วมีโอกาสลุ้นติดอันดับอยู่ไม่น้อย

เที่ยว 8 ชิงถ้วยเทอโรเบด 2026 (Thoroughbred Trophy 2026 – Conditions) ระยะ 1560 เมตร
เที่ยวนี้ เป็นเที่ยวไฮไลท์ ของวัน โดยแข่งในระยะ 1560 เมตร ซึ่งนักนี้ในที่สุดก็ถึงรายการสำหรับม้าที่ถนัดแข่งระยะไกล ที่มีหลายตัวเคยแข่งระยะไกลในมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ในไทยต้องจำใจลงแข่งระยะสั้นมาตลอด และนี่คือโอกาสพิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา เริ่มที่ ไมกี้ (2) เป็นม้าถนัดแข่งระยะไกล และเคยคว้าชัยในรายการนี้ เมื่อปีที่แล้ว ส่วน เพิร์ลพิท (11) เคยแข่งระยะ 2000 เมตรในออสเตรเลีย และจะใช้ความอึดเป็นอาวุธสำคัญเพื่อคว้าชัย ไปดูที่ บิ๊กเฮง (7) แข่งระยะ 1600 และ 1700 เมตรเป็นประจำในมาเลเซีย และได้จ็อกกี้วิจิตรกร ซึ่งเชี่ยวชาญการคุมบังเหียนระยะไกล จะช่วยดึงฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้แน่ โอกาสก็จึงสูง

เที่ยว 9 ม้าเทศ คลาส 2 (The Prosperity Stakes) ระยะ 1100 เมตร
มังกรชาตรี (5) ชนะมาแล้ว 2 ครั้งในประเทศไทยแบบไม่ต้องออกแรงมาก ไฟต์นี้ถือเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดเท่าที่เคยเจอ ที่ต้องผ่านให้ได้ ส่วน ฌ็องเซลิเซ่ (1) แบกน้ำหนักสูงสุด 60.0 กิโลกรัม และจะได้แข่งในระยะโปรด 1100 เมตร ก็มีสิทธิวินได้ สำหรับ คอนโดมิเนียม (4) เป็นม้าสายสปรินเตอร์แท้ และพัฒนาฟอร์มดีขึ้นทุกครั้งที่ได้ลงแข่ง มีโอกาสติด 1 ใน 3 อย่างมาก











