เลิกไม่เลิก เลื่อนไม่เลื่อน เอเชียนอินดอร์ อยู่ที่ “บิ๊กป้อม” ที่จะนำนาวากีฬาไทยไปทางใด และเชื่อว่า”สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย” กำลังเฝ้ารอการตัดสินใจของไทยอย่างใกล้ชิด

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

   อยู่ที่เรื่องมติคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) เมื่อ 31 พ.ค.2566 กับการมีมติที่จะขอยกเลิกหรือเลื่อนการแข่งขันเอเชียนอินดอร์และมาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.2566  อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

   ด้วยเหตุผลอย่างเดียวที่ชัด ๆ คือ ตอนนี้ในช่วงรัฐบาลรักษาการนั้น กกท.ทำเรื่องของหารือสำนักงบประมาณ เพื่อที่จะเดินต่อไปขอความเห็นชอบ จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อที่จะขอเงินงบกลางจากรัฐบาล ยังไม่แน่ชัด ขณะที่ข่าวขั้นต้นนั้น ระบุแนวทางที่สองที่เดินไม่ได้คือ การของบจากเงินสะสมกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ไม่ได้อีก โดยข้อสรุปคือกองทุนไม่มีงบแบ่งให้

   มติการขอยกเลิก หรือขอเลื่อน จึงเกิดขึ้น จากบอร์ด กกท.ที่ทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบ ถึงแม้จะอ้าปากไม่ค่อยได้ก็ตาม แต่คงหนีความรับผิดชอบไม่ได้เพราะเป็นมติกลุ่ม

   ทันทีที่ข่าวออกมา กระแสในวงการกีฬาระดับคีย์แมนกีฬาของชาติ นานาชาติ หรือแม้แต่คนในองค์กรกีฬาทุกระดับของไทย ต่างก็กระซิบกันว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะขอยกเลิก แต่ไม่กล้าพูดดัง ๆ มากกว่านั้น เพราะเกรงจะโดนเพ่งเล็งโดยใช่เหตุ จากผู้ไม่ประสงค์ดี ไปฟ้องเจ้านาย

   คำว่าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกคนของวงการกีฬา กับที่นี่ Station THAI ก็ตรงกันคือ เราไม่เห็นด้วยอย่างสูงสุด เนื่องจากมองหลายส่วนที่เป็นผลกระทบนั้น “ไม่มีเหตุผลพอที่จะทำให้เกิดความเสียหาย” ซึ่งผมเชื่อว่า คนที่สนใจเรื่องนี้ได้อ่านบ้างแล้วว่า “เสียหายอะไรบ้าง”

   วันที่ 3 มิ.ย.2566 เริ่มโล่งใจ เมื่อ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเลขาบอร์ด กกท. เลขาบอร์ด กองทุน เปิดใจกับสื่อว่า ขั้นตอนนี้ยังอีกเยอะหากจะยกเลิกหรือเลื่อน ซึ่งก็ให้ทุกฝ่ายเตรียมงานเดินงานต่อไม่ได้หยุด และตอนนี้ก็กำลังคุยกับสำนักงบ และจะต่อไปคุยกับ กกต. เพื่อของบกลางมาใช้ ส่วนกรณีเงินกองทุนที่ระบุว่าไม่มี “ผู้ว่าก้อง” ยืนยันว่ามี…กระแสตอบรับจากคนฟังก็ใจชื้นขึ้น แต่ก็มีหลายส่วนงงนิด ๆ จากที่สรุปว่าเงินกองทุนมีจากปากท่าน กับเหตุผลที่ระบุก่อนหน้านี้ว่าไม่มีคือยังไง เพราะมันเป็นเหตุหนึ่งของการจะขอยกเลิกงาน

   ที่ งง ต่อไปจากเรื่องดังกล่าวคือ งง ว่า “ทั้ง 2 บอร์ด” นั้น มี “บิ๊กป้อม” พลเอก ประวิจร วงษ์สุวรรณ คนเดียวที่นั่งเป็นประธาน สรุปว่าทีมงานด้านหนึ่งของท่านเดือดร้อนอยากจะเดินหน้าต่อ แต่อีกทีมงานด้านหนึ่งของท่านขัดขาแบบไร้เยื่อใย โดยไม่ได้คำนึงถึงชื่อเสียงหน้าตาชาติ แม้แต่เงินทองที่จ่ายไปแล้ว และก็ลงทุนไปแล้ว เลยหรือ!!! เป็นคำถาม

   แต่ถึง “บิ๊กป้อม” จะบอกว่ารู้หรือไม่รู้ก็คงไม่เป็นไร เพราะสองบอร์ดที่ท่านเป็นผู้นำนี้อยู่ในเมืองไทย และเราเลือกจะใช้อำนาจตัดสินใจได้เต็มที่ ก็ดำเนินการไปหากไม่สนใจที่จะทบทวนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่อง “เงินจากกองทุน” ที่มันยังไง และไม่สนใจที่จะทบทวนมติบอร์ด กกท.

   แต่ท่าน “บิ๊กป้อม” ก็คงไม่ลืมว่าท่านยังมีอีกตำแหน่ง คือ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่ไม่ได้มีอำนาจเต็มอย่าง “สองบอร์ด” ที่กล่าวมา เพราะโดยสถานะของ “โอลิมปิกไทย” แม้จะเป็นองค์กรอยู่ในเมืองไทย แต่มีสถานะเป็นลูกน้องของ สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือ โอซีเอ เจ้าของสิทธิงานที่เราจะขอยกเลิก เพราะหากเรื่องการขอยกเลิกเดินไปถึงคณะรัฐมนตรี เมื่อ ครม.รับทราบเห็นชอบ “บิ๊กป้อม” ก็คงเซ็นในฐานะประธานโอลิมปิคไทย แจ้งไปยังโอซีเอ ทั้งในฐานะผู้ประสานงานของชาติเจ้าภาพ กับโอซีเอ และในฐานะลูกน้องของโอซีเอ

   จากนั้น “กำแพงใหญ่” คือ โอซีเอ ก็จะแสดงพลังให้เราได้เห็น หลังจากฟังเหตุผลจากเรา ดูการสูญเสียที่โอซีเอและฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับ ฟังเสียงจากชาติสมาชิกอีก 44 ชาติที่กระทบมากเพราะทุกชาติเตรียมทีมรอรับงานนี้ แล้ว โอซีเอ จะเป็นผู้สรุปเองว่า “จะเอาอย่างไร” กับไทยดี

   ถ้าโอซีเอ ตอบมาว่า ยินดีให้ไทยยกเลิกโดยไม่มีเงื่อนไขเพราะเข้าใจ ก็แสดงว่าสวรรค์คุ้มครองชื่อเสียงของประเทศไทย หรือถ้าตอบมาว่า ยินดีให้เลื่อนการแข่งขันเพราะเข้าใจ ก็ถือว่า “ยังถือว่าปราณี”

   แต่ถ้า โอซีเอ ยอมให้ยกเลิกเพราะไทยไม่ขอจัดก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ด้วยความไม่เข้าใจและจะด้วยประเด็นอะไรก็แล้วแต่เชื่อว่าจะต้องมีการลงโทษไทยแน่ แต่ไม่ใช่ไปลงรัฐบาลไทยเพราะโอซีเอ ไม่มีอำนาจนั้น ฉะนั้น “ดาบแรก” ที่จะเจอคือ ลูกน้องเขา คือคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยนั่นเอง

   ส่วนหากเกิดงานนี้ถึงการลงโทษไทยจริง ๆ จะถึงขนาดไหนนั้น คงไม่มีคำตอบ เพราะเท่าที่ดูการมีเหตุผลในแบบนี้ และกระชั้นชิดขนาดนี้ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์วงการกีฬาเอเชียหรือแม้แต่ระดับโลกก็ไม่เคยมี จึงไม่มีที่อ้างอิง

   สุดท้ายงานนี้ ก็ต้องดูการเดินเกมของ “ลุงป้อม” ประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และในฐานะรองนายกรัฐมนตรีล่ะครับว่า “จะพาเดินไปทางไหน”….ซึ่งคงอีกไม่นานเกินรอแน่ ๆ ขอรับ

RANDOM

จับตาเพื่อไทยครองเก้าอี้ “หัวโต๊ะกีฬา” ในรัฐบาลใหม่ หลังบิ๊กเพื่อไทยส่งสัญญาณแรก ถึง “ทีมบิ๊กป้อม” ทั้งบอร์ด กกท.และ บอร์ด กองทุน ควรทบทวน การกลับมาคิดจัดเอเชี่ยนอินดอร์ และมาเชียลอาร์ตเกมส์

NEWS

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เปิดรับสมัครข้อเสนอโครงการ เพื่อขอรับทุนวิจัยด้านการแพทย์และสุขภาพ (รอบที่ 3) ประจำปีงบประมาณ 2567 ส่งข้อเสนอโครงการได้ ตั้งแต่บัดนี้–31 พ.ค. 67

error: Content is protected !!