ตอนที่ 8 : ระบบการศึกษาอังกฤษ : หนังสืออุดมการณ์โอลิมปิกของคูเบอร์แต็ง : แปลโดย : ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ระบบการศึกษาอังกฤษ

            เมื่อคูเบอร์แต็งเดินทางถึงอังกฤษ ระบบการศึกษาได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของโทมัส อาร์โนลด์ ซึ่งเป็นนักบวชและครูใหญ่โรงเรียนรักบี้เป็นระยะเวลาสิบสี่ปีตั้งแต่ ค..1828 โดยท่านได้พัฒนาและยกฐานะโรงเรียนไปสู่ความเป็นสถาบันด้วยการให้ความสำคัญแก่การกีฬาอย่างจริงจัง ระบบการศึกษาอังกฤษที่ส่งเสริมบุคคลในด้านความคิดริเริ่ม เสรีภาพต่อการเล่นเป็นทีมซึ่งสนับสนุนการพัฒนารอบด้านของมนุษย์และค่านิยมการแข่งขันนั้น จะติดตัวไปตลอดชีวิต

            ความกระจ่างชัดต่อคุณลักษณะทางการศึกษาที่อาร์โนลด์ประสบผลค่อยๆปรากฏแก่คูเบอร์แต็ง อาร์โนลด์สร้างเสริมจิตศึกษาที่จะนำไปสู่การค้นพบจิตของร่างกายเพื่อให้เกิดความรับผิดชอบตนเองต่อการสร้างสรรค์ผลงาน พุทธิศึกษาที่สร้างคุณค่าแก่ดุลยพินิจ และพลศึกษาที่ทำให้ค้นพบความลับแห่งภูมิปัญญาของการกีฬาซึ่งเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อการเตรียมตนเอง

            คูเบอร์แต็งกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 18 เมษายน ค..1887 ณ กรุงปารีส แก่สมาชิกของสมาคมเศรษฐกิจและสังคมซึ่งตามด้วยการอภิปรายข้อเสนอของคูเบอร์แต็ง โดยเขาได้นำส่วนต่างๆที่สำคัญของสุนทรพจน์นี้บรรจุไว้ในหนังสือของตนเองชื่อ L’Education en Angleterre 

ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ

            การเริ่มต้นหัวข้อสนทนาในครั้งนี้ หน้าที่หลักของข้าพเจ้าคือการกำหนดหัวเรื่องหนึ่งที่มีขอบเขตกว้างซึ่งข้าพเจ้าขอเสนอให้พิจารณาโดยเฉพาะ อันที่จริง ขอบเขตของข้าพเจ้าจักต้องไปไกลกว่าอังกฤษ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ระบบการศึกษาอังกฤษมีหลายรูปแบบโดยมีรูปแบบประถมศึกษา มัธยมศึกษา เอกชนและพับลิก สามัญและอาชีวะ แต่ความแตกต่างเหล่านี้ไม่สำคัญสักเท่าไรในอังกฤษเมื่อเทียบกับประเทศอื่นเช่น ฝรั่งเศส เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นหลักทั่วไปซึ่งเป็นธรรมเนียมนิยมของชาวอังกฤษไม่ว่าจะยากดีมีจนในการเลี้ยงดูลูกหลาน ทั้งนี้ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ระบบการศึกษาอังกฤษ” ที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควรจะเป็น แต่กลับมีความหมายพิเศษและสนองตอบแก่ระบบหนึ่งที่มีความชัดเจนยิ่ง

            ช่วงเย็นนี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวต่อท่านเกี่ยวกับรูปแบบมัธยมศึกษาสายสามัญของรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าจะไม่พรรณนารูปแบบโรงเรียนไปมากกว่านี้และจะไม่แบ่งการศึกษาตามท่านบิชอร์ป ดูพานลูปเป็นสี่ประเภทกล่าวคือ ศาสนา เชาวน์ปัญญา วินัย และพลศึกษา ทั้งนี้ ไม่มีสิ่งใดอยู่นอกเหนือจิตวิญญาณของระบบการศึกษาอังกฤษ ศาสนามีบทบาทสำคัญแต่แยกส่วนไป วินัยในที่นั่นหมายรวมถึงกฎคำสั่งภายในเท่านั้น สิ่งที่บิชอร์ปแห่งออร์ลีนส์เน้นย้ำความสำคัญแก่โรงเรียนมัธยมศึกษาฝรั่งเศสนั้น ระบบการศึกษาอังกฤษละทิ้งเนื่องจากอันตรายและขัดแย้งกับธรรมชาติ พวกเขาปฏิเสธข้อบังคับของทุกขณะที่ไม่ต้องการสิ่งใดยกเว้นแต่การปฏิบัติตามซึ่งเป็นคุณธรรม เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาดูเหมือนจะไม่แยแสหรือแม้กระทั่งจะเกิดความเข้าใจต่อลักษณะของสิ่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ยอมรับมาตรการป้องกันซึ่งสัญชาติญาณของพวกเขาได้ตัดขาดจากสิ่งที่กฎหมายยอมรับและไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในโรงเรียนมัธยมศึกษาแต่ประการใด

            การพลศึกษานั้น ไม่เพียงจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในระบบการศึกษาอังกฤษ แต่ยังมีอิทธิพลต่อทั้งระบบโดยรวมในบทบาทเชิงจริยธรรม ข้อสังเกตประการสุดท้ายคือ โรงเรียนต่างๆที่ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงด้านแผนการศึกษาและปรากฎรายละเอียดต่างๆที่ข้าพเจ้าจะทอดสายตาผ่านไปคือ “โรงเรียนพับลิก” เช่น ฮาร์โรว์ รักบี้ อีตัน วินเชสเตอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนคาทอลิกซึ่งควรกล่าวว่า เป็นองค์กรที่แตกต่างไป รวมทั้งโรงเรียนขนาดเล็กหรือที่พวกเราเรียกว่า “ชมรม” ซึ่งมักจะตั้งอยู่ในท้องถิ่นสักแห่งและจะมีครูหนึ่งหรือสองท่านคอยรวบรวมเด็กเล็กสิบห้าหรือมากกว่านั้นซึ่งพ่อแม่คิดว่าควรจะต้องแยกพวกเขาก่อนที่จะโตพอสำหรับการเข้า “โรงเรียนพับลิก”

             1.การสอนไม่ใช่การศึกษา โดยมีความแตกต่างพื้นฐานระหว่าง “การสอน” ซึ่งหมายถึงการให้ความรู้ การมอบสติปัญญาและการผลิตนักวิชาการ และการศึกษาที่จะพัฒนาสมรรถนะ ยกระดับสติปัญญาและสร้างมนุษย์” คำกล่าวนี้อาจเป็นสัจธรรมยกเว้นแต่ในฝรั่งเศสปัจจุบันที่ความสับสนอลหม่านได้เกิดขึ้นระหว่างสองแนวคิดนี้ ซึ่งอาจกล่าวได้ทั้งในอดีตและในปัจจุบันด้วยเหตุผลมากขึ้นทั้งปวงว่า “การสอนคือทุกสิ่ง การศึกษาค่าเพียงดิน”

            เป้าหมายหลักของครูในอังกฤษ คือ การสร้างมนุษย์และทำให้พวกเขาสามารถสอนตนเองได้ตลอดไป เป้าหมายคือบุคลิกภาพและวิธีการที่ดี อย่างไรก็ตาม คงจะผิดพลาดที่จะคิดว่า หลักการนี้จะทำให้พวกเขาละเลยความหมั่นเพียร ความแตกต่างชัดเจนระหว่างการสอนและการศึกษาที่พวกเขาตระหนักแปลความได้ว่า สิ่งหนึ่งสามารถแยกขาดจากอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งทั้งสองไม่สามารถไปด้วยกัน และที่สำคัญสุด ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นไม่เท่ากันในช่วงวัยที่ต่างกัน เป็นที่ประจักษ์ว่า ในช่วงต้นของปฐมวัย เด็กอังกฤษจะผูกพันต่อความสุขกลางแจ้ง ความแกล้วกล้าคือสิ่งติดปาก ทุกคนรู้ซึ้งถึงฉากประทับใจของเทเนที่เด็กคนหนึ่งขี่หลังม้าแคระมุ่งทุ่งหญ้าใกล้กระทิงตาขวางและตะโกนไปด้านหลังแก่พี่สาวคนโตของตนเองว่า “เฮ้ เด็กสาว ไม่ต้องกลัง ฉันจะกรุยทางเอง” เด็กทั้งหลายได้รับการเลี้ยงดูในต่างจังหวัดเท่าที่มากสุดจะเป็นไปได้และรสนิยมส่วนตัวของพวกเขาต่อการออกกำลังกายถูกกระตุ้นในทุกโอกาส อย่างไรก็ตาม พวกเขาเรียนหนักในช่วงอายุแปดถึงสิบสองปี ในโอกาสอื่น ข้าพเจ้าได้พรรณนาถึงความจริงจังของการสอบเข้า “โรงเรียนพับลิก” (อายุระหว่าง 12 และ 13 ปี) และหากเราเปรียบเทียบแผนการเรียนเหล่านี้กับสิ่งที่นักศึกษามหาวิทยาลัยจะเรียนในอีกหกหรือเจ็ดปีข้างหน้า ก็คงจะตะลึงว่า สิ่งที่นักเรียนทั้งจะได้เรียนเพิ่มเติมในช่วงนี้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ ภายหลังการสอนในระหว่างที่เราได้ประโยชน์จากจิตใจที่เปิดกว้างและผ่อนคลายของเด็กในการปลูกฝังแนวคิดพื้นฐานของความรู้ทั้งปวงและการสร้างนิสัยการทำงานที่ดีแก่เด็กแล้ว จะตามด้วยช่วงการศึกษาที่สำคัญยิ่งในอีกลักษณะหนึ่ง เนื่องเพราะความสำคัญยิ่งยวดซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวรโดยเหนือสิ่งอื่นใดยังหมายถึง ช่วงวิกฤติที่พวกเราเรียกว่า วัยงุ่มง่าม แต่พวกเรากลับให้ความสนใจน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่ากมากซึ่งข้าพเจ้าไม่ทราบสาเหตุ

            คราวนี้ เด็กที่อยู่ใน “โรงเรียนพับลิก” แห่งหนึ่งนั้น เขาทำอะไรอยู่ในที่นั่น? โทมัส อาร์โนลด์ จะบอกพวกเรา อาจกล่าวได้ว่า ชายยิ่งใหญ่ผู้วายชนม์ใน ค.ศ.1842 และดำรงตำแหน่งครูใหญ่ของโรงเรียนรักบี้เป็นเวลาสิบสี่ปีคือบิดาของระบบการศึกษาอังกฤษสมัยใหม่ ท่านคือบุคคลแรกที่ยอมรับและนำหลักการซึ่งเป็นรากฐานสู่การปฏิบัติ ข้าพเจ้าได้นำคำกล่าวด้านล่างนี้จากการรวบรวมของสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นคำพูดถึงการพัฒนาที่พวกเขาสามารถกระทำได้มากขึ้น โดยท่านได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าปรารถนาจะสร้างสุภาพชนชาวคริสต์ โดยเป้าหมายของข้าพเจ้าคือการสอนเด็กทั้งหลายให้ปกครองตนเองซึ่งดีกว่าการปกครองพวกเขาด้วยข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก” คำประกาศยิ่งใหญ่ที่ควรสะท้อนไปยังคนที่ต้องการปกครองโรงเรียนแบบเผด็จการด้วยกำปั้นเหล็กอย่างยิ่ง ดูพานลูปแห่งอังกฤษนี้ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความผิดพลาดเกี่ยวกับพันธกิจของพวกเขาซึ่งมิใช่การสร้างทาสแต่ควรจะเป็นเจ้านายมากว่า! เจ้านายใหญ่โตเหล่านี้ที่กฎหมายไม่เคยรับรองนั้น มีอิสระที่จะใช้และละเมิดต่อสิ่งใต้อำนาจของพวกเขา ความหวังที่จะถอดถอนอำนาจเบ็ดเสร็จจากพวกเขาและความพยายามที่จะกระทำนั้นเป็นสิ่งอันตราย ทั้งนี้ คนต้องรู้สึกความเป็นส่วนตัว รู้ถึงความเดียวดาย รู้จักความเข้มแข็งของตนเอง และได้รับการมอบหมายความรับผิดชอบยิ่งใหญ่อย่างเร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการต่อต้านอำนาจทั้งปวง

            นี่คือความคิดของอาร์โนลด์ ในวันหนึ่งเมื่อปัญหาต่างๆปรากฎขึ้นโดยนักเรียนหลายคนถูกไล่ออกซึ่งบ่งชี้ถึงการประท้วงของกลุ่มนักเรียนต่างๆ อาร์โนลด์ได้กล่าวคำเหล่านี้ต่อนักเรียนทั้งหมดว่า “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีนักเรียนจำนวน 300, 100 หรือแม้กระทั่ง 50 คน สิ่งสำคัญคือต้องมีสุภาพชนชาวคริสต์เท่านั้น” แนวทางนี้ตอบโต้มติมหาชนที่ผิดพลาดซึ่งแพร่หลายในอังกฤษขณะนั้นเช่นเดียวกับฝรั่งเศสในปัจจุบัน สังคมเชื่อว่า โรงเรียนมัธยมศึกษาคือสถาบันที่มีเป้าหมายต่อการแก้ไขพฤติกรรมเลวร้าย ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่ารังเกียจที่อาจช่วยให้โรงเรียนหนึ่งกลายเป็นสถานปรับพฤติกรรมและท้ายสุดคือ สถานโสโครกสำหรับเด็กซื่อสัตย์ทั้งหลายที่บังเอิญอยู่ที่นั่น ความรู้สึกว่า เด็กทั้งหลายมีสิทธิบางประการที่จะไม่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนนั้น เป็นความรู้สึกร่วมของบรรดาพ่อแม่ ยกเว้นความผิดอาญาถึงขั้นประหารชีวิตเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับความเห็นของโทมัส อาร์โนลด์ ที่เขียนในสักแห่งว่า “หน้าที่ประการแรก สอง และสามของผู้อำนวยการโรงเรียน คือ การขจัดท่วงท่าที่หม่นหมอง” คำกล่าวของท่านคู่ควรต่อการแสดงความเห็น ทั้งนี้ ไม่ใช่คำว่า “การไล่ออก” แต่เป็น “การขจัด” และคำคุณศัพท์ “ที่หม่นหมอง” คือมาตรการที่ไม่จำกัดเพียงความผิดในบางเรื่องแต่หมายรวมถึงทุกคนที่ไม่ได้ใช้เวลาในโรงเรียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้เนื่องเพราะ หากพวกเขาใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ก็จะเป็นการเหนี่ยวรั้งผู้อื่นไว้เช่นกัน โดยเหตุนี้ มาตรการนี้จึงไม่ใช่การลงโทษเสมอไป ซึ่งบ่อยครั้งจะหมายถึงการเตือนเพื่อแจ้งพ่อแม่ให้นำลูกตนเองกลับไป สิ่งนี้สอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวคิดอังกฤษกล่าวคือการคัดเลือก ไม่ว่าจะเป็นกายภาพหรือจิตใจ เป้าหมายเพื่อชนชั้นนำเสมอ เพราะแม้กลุ่มผู้นำจะมีจำนวนน้อย แต่จะสร้างคุณประโยชน์ได้มากกว่าชนชั้นกลางจำนวนมหาศาล ดังนั้น บุคคลที่มีพร้อมในบางสิ่งจะครอบครองสิ่งทั้งปวง ดังที่ปรากฎในพระคัมภีร์

            ในสายตาของคนอังกฤษ ชีวิตในรั้วโรงเรียนจะเป็นการดีหากมีความเชื่อมโยงกับชีวิตครอบครัว การจับเด็กและกักเขาพร้อมเด็กคนอื่นไว้ในห้องปิดรวมทั้งการตัดขาดจากการสื่อสารกับญาติสนิทและโลกภายนอกนั้น ถือเป็นความโหดร้ายอย่างยิ่งกับพวกเขา นักเรียนควรแวดล้อมด้วยความอบอุ่นที่สุด ความเอาใจใส่ในการที่พวกเขาจะไม่ไร้ซึ่งอุปนิสัยของสังคมที่ดี และพวกเขาต้องไม่บกพร่องด้านสุขอนามัยรวมทั้งสุนทรียภาพแวดล้อมพวกเขาในวัยเยาว์ ประเด็นสำคัญที่ทำให้โรงเรียนพับลิกแตกต่างจากโรงเรียนศาสนาคือ นักเรียนมีการกระจายตัวไปยังบ้านของครูทั้งหลายซึ่งมีจำนวนสิบถึงสามสิบคนต่อหลังหนึ่ง หากนักเรียนมีจำนวนมากเกินที่จะทานข้าวกับครูในแต่ละวัน ครูจะเชิญพวกเขามาดื่มชากันเป็นอย่างน้อย ข้าพเจ้าได้รับโอกาสเข้าร่วมในวาระต่างๆ การบริการไร้ที่ติและแม้อาหารจะเรียบง่ายแต่รสชาดเป็นเลิศ พวกเขาไม่ได้เรียงแถวเป็นระเบียบกันเข้ามาและไม่จ้องแขกอย่างประหม่า เนื่องเพราะการคุ้นชินกับผู้มาเยือน การทำตัวสุภาพและการพาแขกเยี่ยมชมสถานที่อย่างสง่างาม ณ หอพักหนึ่งคือ “บ้านพักประจำ” ของโรงเรียนอีตัน ข้าพเจ้าจำได้ถึงการเข้าไปเคาะประตูเรียกเด็กชายคนหนึ่งที่รู้จักโดยมีลูกสาวของครูท่านหนึ่งร่วมไปด้วยกัน เธอเข้าข้างในพร้อมกับข้าพเจ้าและกล่าวสนทนาอย่างสุภาพ เจ้าบ้านน้อยของข้าพเจ้าเพิ่งกลับจากการเล่นคริกเก็ตซึ่งเขามีความคิดที่น่าสนใจต่อการล้างมือของเขาและกล้าพอที่จะขอน้ำร้อนด้วย! ช่างเหมือนผู้หญิง คุณว่าไหม? คุณคาดว่าอย่างไร? คงจะมีเพียงชาวอังกฤษที่จะตระหนักว่า หากคุณไม่ให้น้ำร้อนแก่เด็ก พวกเขาก็จะไม่ล้างมือ!

            2.สองประการหลักในระบบการศึกษาอังกฤษซึ่งเป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จคือ เสรีภาพและการกีฬา

            หนทางสู่เสรีภาพสำหรับเด็กฝรั่งเศสมีแต่กำแพงซึ่งภายในเหมือนที่คุมขัง หลังจากนั้น กำแพงจะถูกย้ายออกไปโดยฉับพลัน ในทางตรงกันข้าม ระบบการศึกษาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะโยกย้ายข้อจำกัดทั้งปวง จากนั้น ในช่วงพัฒนาจากวัยหนุ่มสาวสู่ผู้ใหญ่ สิ่งกีดขวางขนาดเล็กจะส่งสัญญาณอันตรายของก้นเหวลึกแก่พวกเขา ความเป็นจริงสำหรับชาวอังกฤษคือ แม้เด็กวัยเรียนจะมีเสรีภาพมากกว่าฝรั่งเศส แต่นักเรียนโตกลับมีน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการไม่ปิดบังโลกแก่เด็กทั้งหลาย การซ่อนปีศาจคือการให้ความสำคัญอย่างแท้จริงดังเช่นการใช้ม่านบังภาพเปลือยจะยั่วยวนลูกของท่านให้เปิดม่านนั้น ซึ่งเป็นการพวกเขาคิดว่า นี่เป็นสิ่งต้องห้าม

            ข้าพเจ้าขอย้ำว่า การศึกษาต้องเป็นบทนำแก่ชีวิต มนุษย์จะมีเสรีภาพ เด็กก็เช่นกัน ประเด็นคือการสอนเด็กให้ใช้เสรีภาพของตนและเข้าใจความสำคัญของเสรีภาพนี้ ใครก็ตามที่เยี่ยมชมโรงเรียนอังกฤษ ไม่ว่าจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองหรือชนบทขนาดเล็กซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน จะตะลึงงันกับภาพที่น่าฉงนของเด็กเล็กและเด็กโตที่เดินผ่านเป็นกลุ่ม ข้ามถนน เข้าร้านขายของหรือวิ่งเล่นในสนาม โดยพวกเขาไม่เคยสวมเครื่องแบบที่มาจากค่ายทหาร แต่พวกเขากลับแต่งกายคล้ายกันซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในความสง่างามของเครื่องแต่งกายตนเอง

            การพิจารณาวันเรียนโดยคร่าวจะทำให้เข้าใจดีขึ้นถึงเสรีภาพที่พวกเขาได้รับและการใช้เสรีภาพให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ เมื่อเริ่มต้นของชั้นเรียนแรกนั้น พวกเขาสามารถเข้าห้องเรียนก่อนหรือออกไปเดินเล่นได้ ในฤดูร้อน เด็กเล็กจะไม่เคยพลาดในการติดตามพระอาทิตย์ด้วยการวิ่งกลางทุ่งตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ทั้งนี้ จะไม่มีระฆังที่จะปลุกพวกเขาในฉับพลันหรือช่วงสิบห้านาทีที่ไม่พึงปรารถนาเพื่อการทำความสะอาดในตอนเช้าซึ่งโดยปรกติจะหมายถึงการจุ่มปลายนิ้วในถาดน้ำขนาดเล็ก

            แม้ชาวอังกฤษจะไม่ชอบหอพักซึ่งไม่ใช่เพราะประเด็นด้านความสะอาด แต่พวกเขาก็พบว่า ความสันโดษและความสะอาดเป็นสองแนวทางที่ทรงประสิทธิผลของการศึกษา การอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนตลอดเวลาที่มอบแก่เด็กทั้งหลายโดยเป็นการอุปโลกซึ่งไร้มูลว่า พวกเขาต้องแบกรับชีวิตหนักหน่วงเกินกว่าที่ใครจะบอกได้ เมื่อใดก็ตามที่กลุ่มสามารถสร้างจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ดีแล้ว นักเรียนจะรวมกลุ่มเพื่อความได้เปรียบอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นในชั้นเรียนหรือเกมกีฬา ในการเรียนหรือหอพัก การแข่งขันไม่มีความหมาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมเด็กนักเรียนอังกฤษจึงมีห้องของตนเองเกือบตลอดเวลาหรืออย่างน้อยก็มีพื้นที่แยกกันบ้างระหว่างทำงาน โดยรูปแบบนี้ หอพักจึงประกอบด้วยห้องต่างๆซึ่งเสมือนโดดเดี่ยวอย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง ในโรงเรียนมัธยมศึกษา เด็กผู้ชายพักอาศัยด้วยสิ่งละอันพันละน้อยรายล้อมทำให้ระลึกถึงบ้านและครอบครัวตนเอง พวกเขาสนุกสนานกับการตบแต่งห้องเล็กของตน บนผนัง เราจะเห็นรูปภาพพ่อแม่ เพื่อน และการล่าสัตว์ โดยปรกติจะมีดอกไม้ หนังสือเล่มเล็ก การแสดงอาวุธต่างๆ…ซึ่งเป็นสถานที่ทำการบ้านของพวกเขาในเวลาที่ต้องการ การบ้านจะต้องเสร็จภายในวันที่กำหนด เพียงเท่านั้น พื้นที่ปลอดภัยนี้แทบจะไม่มีการล่วงละเมิด โดยครูจะข้ามเส้นน้อยครั้งเท่าที่จำเป็นในลักษณะของผู้เยี่ยมเยือนมากกว่าผู้ตรวจตรา

            ชั้นเรียนดำเนินไปตามกำหนดเวลาโดยขึ้นอยู่กับนักเรียนว่า จะเข้าเรียนตรงเวลาหรือไม่ พวกเขาไม่ต้องเรียงแถวเข้าชั้นเรียนและตามเสียงกระดิ่ง

            มีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงอิสรภาพในเกมกีฬาของพวกเขาหรือไม่? คำตอบคือเต็มเปี่ยม คริกเก็ต ลอนเทนนิสและฟุตบอลไม่เคยมีการบังคับ นักเรียนอังกฤษไม่เคยต้องทำสิ่งแปลกประหลาดดังที่บิชอป ดูพานลูปกล่าวไว้ “ท่านครับ ท่านจะรู้บ้างไหมว่าพวกเราอึดอัดเพียงใดที่ต้องทำตนเองน่าขบขันแบบนี้” ข้าพเจ้าจะไม่ลงในรายละเอียดของนันทนาการทุกชนิดที่พวกเขาต้องเลือกซึ่งคงจะไม่เป็นการดีและไม่น่าสนใจนัก แต่ในทุกพื้นที่นอกเหนือจากเกมกลางแจ้งแล้ว ข้าพเจ้าเห็นสระว่ายน้ำปรับอุณหภูมิ โรงยิม เวทีมวยและสนามเทนนิส รวมทั้งห้องปฏิบัติการที่พวกเขาสามารถริเริ่มโครงงานไม้และการลงมือปฏิบัติอื่นๆ กิจกรรมทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นเวลา ข้าพเจ้าขออนุญาตเสริมว่า ประตูต่างๆถูกเปิดทิ้งไว้ตลอดและการเดินออกไปชนบทเป็นสิ่งที่กระทำได้เสมอ เมื่อพวกเขากลับห้องตนเองช่วงเย็นเพื่อมีความสุขกับการพักผ่อนที่ปรารถนานั้น นักเรียนจะไม่ถูกห้ามนั่งโต๊ะเพื่อทบทวนบทเรียนหรือเขียนจดหมายภายใต้แสงเทียนของตนเองซึ่งจะไม่ถูกสั่งให้ดับเทียนในเวลาหนึ่งใด

            อิสรภาพนี้ได้รับการหล่อเลี้ยงจากเส้นเลือดหลักคือความรับผิดชอบและสายการบังคับบัญชาหรือการตรวจสอบนักเรียนด้วยกันเอง ความรับผิดชอบนั้น ข้าพเจ้าหมายถึง การประนามหรือต้นทุนที่ต้องยอมรับของบุคคลที่กระทำผิด การสำนึกผิดหรือการเปลี่ยนทัศนคติของผู้กระทำผิด จะไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์แต่อย่างใด การประนามนี้อาจประกอบด้วยการมอบหมายงาน แต่หากความผิดค่อนข้างรุนแรง การลงโทษจะเกิดต่อร่างกาย เพื่อให้ท่านเข้าใจถึงความนิยมของไม้ตี ไม่ทราบว่า ข้าพเจ้าต้องยกกรณีที่นักเรียนประท้วงในครั้งหนึ่งเนื่องจากความสงสัยถึงการยกเลิกคำสั่งกลางคันหรือไม่ การตีไม่ใช่การเหยียดหยามแต่เป็นการแข่งขันความกล้าหาญโดยคนที่ถูกตีนั้น ต้องต่อสู้อดกลั้นน้ำตาหรือการร้องไห้ของตนเอง ในโรงเรียนศาสนาบางแห่ง วิธีการดั้งเดิมโดยการใช้กำลังบังคับถูกแทนที่ด้วยการตีไม้บรรทัดอย่างแรงที่นิ้วมือหรือหลังฝ่ามือ วิธีการนี้สะดวกมากขึ้นแก่ผู้ดูแลการลงโทษ แต่นวัตกรรมนี้กลับไม่ใช่เรื่องดีนัก ซึ่งไม่ใช่มือที่ควรถูกเลือกซึ่งมักจะเกิดการบาดเจ็บเสมอ…ข้าพเจ้าจะไม่สาธยายเพิ่มเติมในประเด็นนี้ แต่มีการลงโทษอีกชนิดหนึ่งที่คล้ายลักษณะการให้รางวัลในการแข่งขันซึ่งบ้างครั้งจะมีเงินจำนวนเล็กน้อย ระบบการปรับเงินได้รับความนิยมแพร่หลายโดยเฉพาะในกรณีของความเสียหายที่สามารถชำระค่าซ่อมแซมได้ หากนักเรียนคนหนึ่งค้างชำระหนี้ระดับหนึ่งและพ่อแม่ตนเองปฏิเสธให้ความช่วยเหลือ เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า เขาก็ต้องจำหน่ายหนังสือเล่มเล็กและภาพเขียนของตนเองเพื่อระดมทุนที่ต้องการ จากนั้น เด็กคนนี้จะเรียนรู้พฤติกรรม เขารับผิดชอบความเสี่ยงของตนเองและต้องคาดคะเนผลของการกระทำล่วงหน้า โดยมีการจัดเตรียมการให้คำปรึกษาที่ดีแก่เขาหากจะไปหาและต้องการคำแนะนำ จะมีบางคนใกล้ชิดที่คอยระมัดระวังให้เขาแต่จะหันหลังให้ และจะตอบคำถามเมื่อได้รับการติดต่อ แต่จะไม่แนะนำหากไม่มีการร้องขอ

            ในโรงเรียนดูราวกับว่า การกระทำความผิดและตัวความผิดที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยจะเป็นที่เดือดร้อนนัก (ดังที่เฟเนลอนกล่าวว่า นักบุญปกป้องเด็กบริสุทธิ์ให้แก่พวกเรา) แต่อาจได้รับความสนใจยิ่งจากเพื่อนร่วมชั้น ความพยายามต่อต้านอำนาจนิยมได้กลายเป็นที่มาของการสรรเสริญ ชาวอังกฤษลงความเห็นว่า วิธีการที่ดีสุดคือการทำให้อำนาจ (หรือบางส่วนเป็นอย่างน้อย) อยู่ใกล้กับบริบทที่การต่อต้านอาจเกิดขึ้น หลักนิยมประการหนึ่งของพวกเขาคือ เสถียรภาพจะเกิดขึ้นด้วยการให้บุคคลจำนวนมากสุดที่พยายามคงสภาพเดิมได้เข้าร่วมเท่านั้น การปรับใช้คติพจน์นี้แก่สังคมเด็กคือการปฏิบัติที่ห้าวหาญอย่างไม่ต้องสงสัย อาร์โนลด์ไม่รังเกียจที่จะลงมือทำและคนอื่นก็เช่นกัน อาร์โนลด์ประเมินมาตรการดังกล่าวในลักษณะนี้ “ทั้งในทฤษฎีและการปฏิบัติ  ข้าพเจ้าไม่สามารถยอมรับระบบปัจจุบันใน “โรงเรียนพับลิก” ของพวกเราซึ่งนิยมมอบความอิสระที่ล้นเหลือแก่เด็กทั้งหลาย ยกเว้นแต่ว่า นักเรียนชั้นโตจะสามารถปฏิบัติตนให้เป็นตัวกลางระหว่างคณะครูและบุคคลอื่นในโรงเรียน พร้อมเผยแพร่ตัวอย่างและทำให้ผู้อื่นคล้อยตามรวมทั้งจรรยาบรรณ มากกว่าหลักปฏิบัติบกพร่องที่ครอบงำแพร่หลายในสังคมเด็กซึ่งได้รับเสรีภาพต่อการตัดสินสิ่งดีและไม่ดีด้วยตนเอง” สำหรับอาร์โนลด์แล้ว นักเรียนชั้นซิกฟอร์ม (ชั้นสุดท้าย) และโดยเฉพาะรุ่นพี่และผู้ดูแลเช่น นักเรียนจำนวนสิบห้าคนที่ได้รับอำนาจจะคล้ายเป็น “เจ้าหน้าที่ในกองทัพบกและกองทัพเรือ” โดยเขาเสริมว่า “เมื่อข้าพเจ้าได้รับความเชื่อถือจากพวกเขา จะไม่มีตำแหน่งใดในอังกฤษที่ข้าพเจ้าต้องการมากกว่าที่นี่ แต่หากพวกเขาไม่สนับสนุน ข้าพเจ้าต้องถอนตัวเช่นกัน” คำกล่าวนี้คล้ายหัวหน้าคณะบริหารประเทศกล่าวต่อรัฐมนตรีของตนเองหรือไม่? อำนาจของผู้ดูแลถูกปรับเปลี่ยนหลายครา ส่วนใหญ่จะเป็นการหยุดยั้งการละเมิดของการปรนนิบัติซึ่งเป็นเสมือนทาสชนิดหนึ่งที่มาจากครั้งแรกเริ่มของระบบนี้ ในวันนี้ นักเรียนเก่ารู้จักภารกิจของตนเองมากขึ้นและละเมิดอำนาจตนเองไม่บ่อยครั้ง ครูท่านหนึ่งของฮาร์โรว์เขียนถึงข้าพเจ้าว่า “อำนาจของพวกเขาได้รับการยอมรับและเด็กของพวกเรารู้สึกภูมิใจที่ได้รับการดูแลจากนักเรียนอายุมากสุดมากกว่าพวกเรา” โดยเป็นความจริงถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานบ้านและจะต้องรับโทษตีเมื่อแล้วเสร็จก็ตาม

            ณ จุดนี้ ข้าพเจ้าได้แนะนำสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ พลังของมติมหาชน ซึ่งเป็นอำนาจที่ครูนำไปใช้และพวกเขาไม่พยายามที่จะยั้งมือแต่ประการใดโดยจะสั่งการเพื่อให้ตนทำงานสะดวกขึ้น โรงเรียนอังกฤษของพวกเขาคือสังคมที่แท้จริงด้วยกฎหมาย ค่านิยมและบุคลิกลักษณะของตนเอง ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า สังคมนี้มีจรรยาบรรณของตนเองซึ่งนักเรียนต่างพยายามที่จะไม่ละเมิด เด็กอังกฤษนิยมจัดการข้อขัดแย้ง (ข้อขัดแย้งที่รุนแรง) ด้วยกำปั้นโดยเกียรติภูมิจะได้การยอมรับด้วยตาฟกช้ำหรือเลือดกลบจมูก นอกจากนี้ คู่ต่อสู้เกิดความสนุกสนานจากการถูกลงโทษเนื่องจากการดวลหมัดนี้เป็นสิ่งต้องห้าม แต่อย่างน้อยพวกเขาได้สู้กันท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้นพร้อมด้วยการร่วมเป็นสักขีพยานที่ดีทำให้พวกเขาไม่พลาดต่อการฝึกหัดที่มีเกียรติในสถานการณ์ดังกล่าว

            ถึงขณะนี้ ข้าพเจ้าได้กล่าวเฉพาะด้านวัตถุซึ่งหมายถึงร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีด้านสติปัญญาและศาสนาอีกด้วย นอกเหนือจากเสรีภาพในการเดินทางแล้ว ยังมีเสรีภาพในการคิดและนับถือศาสนา ข้าพเจ้าไม่ประสงค์ที่จะลงรายละเอียดในหัวข้อที่ไม่ต้องการจะกล่าวถึงและจะจำกัดข้อสังเกตตนเองให้กระชับเกี่ยวกับคุณลักษณะสำคัญของการสอนกล่าวคือ วิธีการสอน นักเรียนฝรั่งเศสต้องผ่านบันไดหนึ่งขั้นในแต่ละปีซึ่งไม่เหมือนนักเรียนอังกฤษที่จำเป็นต้องมีคะแนนจำนวนหนึ่งเพื่อขึ้นชั้นสูงขึ้นและการสอบสองหรือสามครั้งต่อปีจะกำหนดและควบคุมการขึ้นชั้นเรียนนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กฉลาดและขยันสามารถเลื่อนชั้นได้รวดเร็วกว่าคนอื่น ระบบนี้ตรงข้ามกับฝรั่งเศสที่จะไม่มีใครสามารถแซงหน้าหรือล้าหลังคนอื่นในเวลาหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ไม่มีหลักสูตรเฉพาะของชั้นปีที่เจ็ดที่แตกต่างจากชั้นปีที่หก วิชาประวัติศาสตร์ถูกสอนแบบองค์รวมโดยนักเรียนต่างวัยจะพบว่าพวกเขาใช้หลักสูตรเดียวกัน

            ปัจจุบัน นักเรียนในโรงเรียนเกือบทุกแห่งถูกจัดแบ่งเพื่อให้ส่วนใหญ่เข้าเรียนในหลักสูตรคลาสิกหรือวิทยาการ ชั้นเรียนเสมือนเป็นห้องประชุม การบ้านได้รับการมอบหมายในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อให้พวกเขาทำงานอย่างลุ่มลึกขึ้นและเพื่อให้งานเป็นของส่วนตัว ท้ายสุดแล้ว ครูต้องการให้นักเรียนตนเองจัดทำรายงานเกี่ยวกับหนังสือที่พวกเขาต้องอ่านและเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องแสดงความคิดเห็น เชาว์ปัญญาได้รับการพิจารณาด้วยความเคารพและความจริงจังระดับหนึ่งเช่นเดียวกับบุคลิกภาพและร่างกาย

            สังคมโต้วาทีคือความแปลกประหลาดประการหนึ่งของระบบนี้ อย่างที่ท่านทราบ สิ่งเหล่านี้คือการประชุมที่ขั้นตอนการประชุมได้รับการปฏิบัติอย่างละเอียดและเป็นที่ฝึกหัดการพูดในที่สาธารณะของนักเรียน โดยสังคมแบบนี้ปรากฎอยู่ทั่วไปในสหราชอาณาจักรแม้กระทั่งเมืองเล็กที่สุด นอกจากนี้ ยังพบในอาณานิคมต่างๆด้วยและ มร.เดอ ฮับเนอร์ ได้กล่าวถึงโรงเรียนฮินดูที่เขาพบว่า นักเรียนเข้าร่วมการโต้วาทีภายใต้การดูแลของครูอังกฤษของพวกเขา…คุณพอจะทราบหัวข้อไหม? ท่านคงจะไม่คาดเดา…หากไม่ใช่สิ่งชื่นขอบของชาวอินเดียที่จะเขย่าไข่แดงอังกฤษ! พวกเราต้องฟังการโต้วาทีเพื่อจะเข้าใจในเสรีภาพของความคิดเห็นที่พวกเขามีต่อความไม่เห็นด้วย ตัวอาร์โนลด์เองได้จัดทำวารสารที่รักบี้ซึ่งบทความต่างๆได้รับการเขียนโดยนักเรียนที่โรงเรียนและบางครั้งโดยนักศึกษาปีหนึ่งที่เพิ่งจบไป ตัวอย่างนี้ถูกกระทำตามทุกโรงเรียนโดยไม่มีแห่งใดที่ปราศจากสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์หรือรายปักษ์ของตนเอง ท่านสามารถนึกภาพนักเรียนมัธยมศึกษาต้นของพวกเราที่จะได้รับอนุญาตให้พิมพ์จิตนาการเหลือเชื่อในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ไหม? ในอังกฤษ สิ่งนี้ดูราวเป็นเรื่องปรกติและก็เป็นเช่นนั้นในความจริง การตรวจสอบไม่ใช่สิ่งต้องการเสมอ เสรีภาพในความคิดเห็นคงจะเป็นสิ่งสะเทือนขวัญในฝรั่งเศสเนื่องเพราะจะก่อให้เกิดความไม่ลงรอยในครอบครัว ในอังกฤษ ความไม่ลงรอยนี้ไม่กระทบต่อความผาสุกภายในบ้าน แม้กระทั่งพ่อที่เป็นอนุรักษ์ที่สุดจะไม่โกรธเคืองที่ได้ฟังลูกชายตนเองสารภาพหมดเปลือกด้วยศรัทธาที่จะละทิ้งค่านิยมของโรงเรียน “ลูกชายข้าพเจ้าคือผู้ปกครองบ้าน” ชาวไอริชผู้หนึ่งกล่าวกับข้าพเจ้า “เขาชื่นชมแกลดสโตน แต่ตัวข้าพเจ้าเกลียดชัง”

            นอกเหนือจากความเห็นทางการเมืองแล้ว ความเชื่อทางศาสนาก็ได้รับประโยชน์จากการยอมรับความแตกต่างที่กว้างขวางนี้ แต่พวกเราต้องไม่ลืมว่า ข้อเท็จจริงนี้เป็นผลเฉพาะอย่างยิ่งจากลักษณะของนิกายโปรเตสแตนท์ที่ยืดหยุ่นเป็นอย่างมากต่อการรองรับทัศนคติที่แตกต่างสุดขั้ว เด็กทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมพิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์หรือการแสดงต่อสิ่งนี้ โดยเหตุดังนั้น ที่นี่จึงมีการต่อสู้ที่ผู้ดูแลต้องฟันฝ่าในสิ่งที่อาร์โนลด์เรียกขานว่า “เกมรุกฆาตปีศาจ” อย่างน้อยทุกวันอาทิตย์ คำสอนศาสนาได้มอบแก่นักเรียนซึ่งต้องแสดงความตั้งใจและความเคารพ โดยทั่วไป ผู้คัดค้านจะไม่แสดงความปรารถนาให้เด็กของพวกเขาปฏิเสธการเข้าร่วมรายการเหล่านี้ แต่หากพวกเขาแสดงความจำนง ความประสงค์นี้ก็จะได้รับความเคารพ ชาวคาทอลิกจะไม่เข้าโรงเรียนเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเกรงจะประสบปัญหาต่อการปฏิบัติศาสนกิจที่นั่น (ในเมืองเล็กที่ไม่ค่อยมีโบสถ์คาทอลิก) แต่ส่วนใหญ่เพราะพวกเขาหวาดกลัวอิทธิพลของค่านิยมโปรเตสแตนท์ที่ทรงอิทธิพลในท้องที่นั้น

             3.ท่านสุภาพชน ข้าพเจ้าได้มาถึงส่วนสำคัญสุดของระบบการศึกษาอังกฤษสำหรับข้าพเจ้าซึ่งหมายถึงบทบาทของการกีฬาต่อการศึกษาทั้งด้านร่างกาย จริยธรรม และสังคมไปพร้อมกัน พวกเรามีเหตุผลในการพิจารณาสองประการ ประการแรก ข้าพเจ้าเชื่อว่า แม้พวกเราอาจวาดหวังถึงการปฏิรูปบางประการในระบบการศึกษาของพวกเรา แต่จะต้องใช้การกีฬาเพื่อนำทางเท่านั้น นอกจากนี้ ข้าพเจ้าแลเห็นว่ากระแสแนวโน้มกำลังได้รับความนิยมในแนวทางนี้โดยพวกเราอาจใช้ประโยชน์ได้

            การกีฬาคือการเคลื่อนไหวและคุณประโยชน์ของการเคลื่อนไหวต่อร่างกายได้รับการพิสูจน์ผ่านช่วงเวลายาวนาน ความแข็งแรงและความคล่องแคล่วได้รับการยกย่องอย่างยิ่งใหญ่จากอนารยชนและอารยชน ทั้งสองสิ่งนี้ได้รับผลจากการออกกำลังกายและการฝึกหัดดังคำโบราณที่กล่าวว่า ความสุขพอประมาณในกรอบจริยธรรม (ภาษาลาตินคือ mens sana in corpore sano)

            ข้าพเจ้าต้องหลีกเว้นจากสิ่งทั่วไปและจำกัดตนเองภายในดินแดนอังกฤษที่ข้าพเจ้าเลือกไว้ ข้าพเจ้าเห็นว่า ไม่มีสิ่งใดสามารถแสดงถึงความรู้สึกของสาธารณะในประเด็นนี้ได้ดีกว่าข้อความจากนิยายเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างสูงซึ่งความเป็นไปของโรงเรียนได้รับการถ่ายทอดอย่างดีเยี่ยม ข้าพเจ้าจะใส่เครื่องหมายข้อความแก่ย่อหน้านี้ซึ่งข้าพเจ้าพยายามอย่างยิ่งที่จะแปลให้ถูกต้องเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็นำมาซึ่งความลำบากยิ่งเนื่องเพราะความคิดของผู้เขียนไม่ใคร่จะสอดคล้องต่อความเห็นของพวกเราสักเท่าไรนัก บทนี้มีชื่อว่า Muscular Christianity โดยเขียนว่า

            “ในหลักสูตรที่ข้าพเจ้ารำ่เรียนเพื่อบอกเล่าแก่ตนเองเกี่ยวกับความเป็นชาวคริสต์ที่แข็งแกร่งนั้น เป้าหมายและวิธีการต่างที่สมาชิกลงมือใช้ ข้าพเจ้าได้รับรู้ว่า คู่ขนานไปกับสังคมนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งสมาชิกคู่ควรที่จะถูกขนานนามว่า นักกีฬา โดยจุดตัดระหว่างคนสองกลุ่มนี้สามารถพิจารณาจากความได้เปรียบที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงและคล่องแคล่ว ซึ่งกลุ่มหนึ่งดูเหมือนจะไม่ยี่หระต่อการมีร่างกายและพวกเขาเดินพาเหรดจากมุมโลกหนึ่งสู่อีกมุมหนึ่งเพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือตอบสนองความรู้สึกตนเอง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งได้สืบทอดคติพจน์ของชนชั้นสูงโบราณว่า ร่างกายของมนุษย์จักต้องได้รับการฝึกฝนและพัฒนาอย่างดีเยี่ยมโดยเจ้าของเพื่อประโยชน์แก่การปกป้องคนอ่อนแอ ความเจริญทั้งปวงอันเกิดจากความยุติธรรม และความมีชัยต่อโลก”

            เมื่อกล่าวถึงผู้ชนะ ผู้แต่งพูดถึงสิ่งนี้อย่างกระชับและมีความหมาย ดังนี้

            “เด็กน้อย เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพผู้มีคำเปล่งเสียงร่วมกันต่อความเกรงกลัวพระเจ้าและการทำระยะทาง 400 กิโลเมตรในเวลา 400 ชั่วโมง”

            เป็นที่ประจักษ์ชัดถึงความคิดเห็นที่เป็นกลุ่มก้อนซึ่งการกีฬาได้รับการยกย่องเนื่องเพราะถูกจัดอันดับเท่ากับความเกรงกลัวต่อพระเจ้า การรับใช้พระเจ้าด้วยกำปั้นแข็งแกร่งเป็นเงื่อนไขของการรับใช้ที่ดีต่อพระเจ้า การสร้างสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงคือสิ่งจำเป็นต่อการปฏิบัติอย่างเต็มที่เนื่องเพราะคนจะเสียเวลาจากการป่วยและเวลาหมายถึงเงินตรา คำแนะนำในพระคัมภีร์ที่ให้ท่านยื่นแก้มซ้ายเมื่อพวกเขาตบแก้มขวานั้น ไม่ใคร่ได้รับการปฏิบัตินัก โดยถูกแทนที่ด้วยคำขวัญของสหราชอาณาจักรคือ “หากท่านตบ ข้าพเจ้าจะตี” สำหรับข้าพเจ้าแล้ว สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นแนวคิดปัจจุบันต่อบทบาทของร่ายกายที่แข็งแรงและการกีฬาในโลกใบนี้ และแม้ว่าคติพจน์เหล่านี้จะไม่ได้ถูกจัดรูปแบบอย่างชัดเจนนัก แต่ก็อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของผู้ดีอังกฤษทุกคนซึ่งรู้วิธีการค้นหาในยามที่พวกเขาต้องการ ทั้งนี้ ขอพวกเรากลับไปให้ความสนใจที่การศึกษาอีกครั้งหนึ่ง

            ข้าพเจ้าขอพวกเราร่วมเดินทางไปกับโทมัส อาร์โนลด์ที่จะกลับขึ้นบนเวทีอีกครั้งและตั้งคำถามนี้แก่ท่านว่า “เราสามารถเร่งรัดการปฏิรูปที่พัฒนาผู้ใหญ่จากเด็กโดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำอันตรายต่อสมรรถภาพร่างกายและสติปัญญาของเขาได้หรือไม่?” คำถามนี้สร้างความทรมานแก่อาร์โนลด์เป็นเวลานาน ท่านรับรู้ว่า เด็กทุกคนต้องผ่านระยะวิกฤตนี้และเชื่อว่า “โรงเรียนพับลิก” มีความได้เปรียบที่จะเร่งช่วงนี้ให้เร็วขึ้นได้ ในมุมมองของท่าน ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าความคิดที่พุ่งทะยานไปก่อนร่างกาย ในขณะพัฒนานั้น เชาว์ปัญญาต้องมีกรอบใหญ่ที่แข็งแรงพอที่จะควบคุมและต่อต้านการเติบโตนี้ เด็กยังคงต้องเป็นเด็กโดยแม้จะมีร่างผู้ใหญ่ก็ตาม กล่าวได้ว่า เราต้องเร่งพัฒนามนุษย์ทั้งด้านจริยธรรมและกายภาพของเด็กคนนี้ซึ่งมีสัญชาติญาณและแรงปรารถนาที่ไม่ดีซึ่งจะเจ็บปวดจากการกระทำผิดของตนเอง เขาต้องได้รับกล้ามเนื้อและเจตจำนงก่อนอย่างอื่นซึ่งคือสิ่งที่อาร์โนลด์เรียกว่า “ความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง” ความคิดริเริ่ม ความกล้าหาญ ความแน่วแน่ อุปนิสัยการพึ่งตนเองและความรับผิดชอบในสิ่งผิดของตนเอง…สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือคุณสมบัติที่เราไม่สามารถชดเชยเมื่อเวลาล่วงไปแล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่จะบ่มเพาะพวกเขาในวัยเด็กมากกว่าความพยายามที่จะปลูกฝังแนวคิดวิทยาศาสตร์ในวัยเยาว์ แนวคิดต่างๆที่อันตรธานอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลว่า พวกเขาได้รับการอบรมช้าเกินไป

            ผลของความกังวลนี้คืออะไร? เราจะนำหลักการต่างๆนี้สู่การปฏิบัติได้อย่างไร? เหนือสิ่งอื่นใด ผลสุดท้ายคืออะไร? ในสังคมหนึ่งย่อมมีกลุ่มคนชั่วร้ายและคดโกง ทั้งนี้ เด็กทั้งหลายคือเมล็ดพันธุ์ของผู้ใหญ่ พวกเราได้ยินการร้องเรียนในโรงเรียนประจำของพวกเราว่า งานหนักเกินไป อากาศไม่บริสุทธิ์พอ และสุขลักษณะหลายด้านถูกเมินเฉยอยู่บ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้เป็นความผิดพลาดที่น่าเสียใจแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดในความเป็นจริง สิ่งเลวร้ายกว่านั้นมีมาก อันตรายปรากฎเป็นนิจต่อชีวิตการอยู่ร่วมกัน อาจดูราวกับว่าอันตรายนี้แทบจะไม่เกิดขึ้นในระบบการศึกษาอังกฤษที่ข้าพเจ้าได้เสนอแก่ท่านสุภาพชน ท่านอาจกล่าวว่า คงจะเป็นเรื่องจริงที่อากาศบริสุทธิ์ในชนบท ดุลยพินิจของการแบ่งงาน และการปฏิบัติเคร่งครัดต่อข้อบังคับสุขอนามัย จะสร้างสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ดีเลิศ แต่การไม่เหลียวแลและอิสรภาพที่มากเกินจะเพิ่มข้อเสียของประสบการณ์เสมอ หากสิ่งนี้ไม่ใช่ประเด็นหรือหากว่า ข้อเสียเหล่านี้ไม่ค่อยพบและผลกระทบไม่รุนแรงเท่าใดนัก ก็จะเป็นเหตุผลทั่วไปและทรงพลังที่สำคัญต่อการรรับรู้ โดยมีข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาในที่นี้กล่าวคือ แนวปฏิบัติของระบบการศึกษาปัจจุบันซึ่งดำรงอยู่มาช้านานก่อให้เกิดแต่ผลดีเท่านั้น “โรงเรียนพับลิก” จัดเตรียมวัยเยาว์พร้อมด้วยคุณธรรมที่เทเนแสดงความเลื่อมใสแก่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดกับเคมบริดจ์ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ประการหนึ่ง แต่หลักฐานสำคัญคือประจักษ์พยานของบุคคลผู้มีตำแหน่งในโรงเรียนและประสบการณ์ยาวนานที่มอบตำแหน่งเพื่อประเมินจริยธรรมของนักเรียนได้ดีกว่าบุคคลอื่น เอาละ บุคคลทั้งปวงที่ข้าพเจ้าสอบถามในหัวข้อนี้ล้วนต่างมีคำตอบเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดสรรเสริญความมีจริยธรรมและได้แสดงชัดเจนว่า การกีฬาคือคำตอบของเรื่องนี้ บทบาทของการกีฬาคือการปลอบประโลมการรับรู้ การผ่อนคลายจินตนาการ การยับยั้งการคดโกงบนเส้นทางโดยการแยกออกมาซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้แพร่กระจาย และท้ายสุดคือการสร้างคุณลักษณะเพื่อการต่อสู้

            เฉกเช่นร่างกาย จิตใจถูกครอบงำตลอดเวลาด้วยแรงปรารถนาที่จะชักจูงและปกครองจิตใจ ข้าพเจ้าขอกล่าวย้ำว่า นี่คือสิ่งต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากสุดที่จะเป็นไปได้ ชาวอังกฤษเชื่ออย่างแรงกล้าต่อความจำเป็นของความใฝ่ฝันในวัยนี้ ในขณะเดียวกัน พวกเขาตระหนักว่า แม้สิ่งนี้จะเป็นเรื่องดีแต่ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทำให้เด็กใฝ่ฝันถึงอเล็กซานเดอร์หรือซีซาร์ พวกเขาต้องการสิ่งมีชีวิตและเป็นจริงมากกว่านี้ ฝุ่นละอองของเมืองโอลิมเปียยังคงกระเพื่อมจิตวิญญาณการแข่งขันเข้มแข็งและเป็นจริงที่สุด พวกเขาโปรดปรานการมุ่งมั่นสู่เกียรติภูมิ พวกเขายินดีต่อความมุ่งมั่นสู่เกียรติภูมิด้วยการเล็งเห็นถึงผู้ใหญ่สมวัยที่ภูมิใจในการต่อสู้ สิ่งเหล่านี้เป็นอันตรายแก่การเรียนหรือไม่ทั้งเวลาที่ใช้และความหมกมุ่นต่อการครุ่นคิดตลอดเวลาซึ่งเป็นผลจากลักษณะธรรมชาติของการแข่งขันเหล่านี้? ทั้งนี้ มีคำกล่าวว่า ชีวิตของนักวิชาการกับนักกีฬาเป็นสิ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ในความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพบผู้นำด้านการออกกำลังกายที่เป็นผู้นำด้านวิชาการด้วยอยู่บ่อยครั้ง ความเป็นเลิศในด้านหนึ่งทำให้พวกเขาปรารถนาความเป็นหนึ่งในทุกเรื่อง ไม่มีสิ่งใดจะประกันความสำเร็จได้ดังเช่นอุปนิสัยเอาชัย ท้ายสุดนี้ หากเป็นอันตรายดังว่า ชาวอังกฤษทั้งหลายคงจะกล่าวว่า “น่าเสียดาย” เพื่อแสดงความรู้สึกของพวกเขาถึงบุคคลที่สามารถปรับปรุงตนเองด้านเชาวน์ปัญญาแต่ขาดจริยธรรมรวมทั้งการเน้นผลลัพธ์ของการสอนมากกว่าจริยธรรม แต่สิ่งนี้ไม่ใช่มุมมองของ “คนสมัยใหม่” ที่เรียกร้องการเรียนเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นอันตรายแก่การกีฬา

            เพื่อประมวลความเห็นของพวกเราเรื่องผลผลิตของการกีฬาที่มีต่อกรอบจริยธรรมนั้น การกีฬายังช่วยส่งเสริมความกล้าหาญด้วย เราต้องตระหนักว่า เยาวชนไม่ได้อยู่ในสภาวะที่มีประโยชน์และน่ารื่นรมย์ตลอดเวลาในความเหนื่อยล้าที่ผู้เล่นหน้าใหม่ประสบ การฝึกหัดที่น่าเบื่อ ความเจ็บปวดจริง และแม้กระทั่งอันตรายที่เกิดจากการขาดสติปัญชัญญะและความเยือกเย็นชั่วขณะ การกีฬาเป็นการแข่งขันที่ตรากตรำและเข้มงวด โดยไม่มีสิ่งใดที่จะหล่อหลอมจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งได้ยิ่งกว่า (หรืออาจจะแข็งแกร่งเกินไป) แต่ในบางคราว พลังกายอาจเกลายสภาพเป็นความแข็งกระด้างและป่าเถื่อน ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญเดียวกัน

            นอกจากนั้น เกมกีฬายังจัดเตรียมโอกาสที่ดีในการเรียนรู้ด้านสังคม นักเรียนที่จัดตั้งสมาคมกีฬาของตนเองจะรับผิดชอบเต็มที่ต่อการจัดการแข่งขัน พวกเขาจะรวมกลุ่มกัน คัดเลือกผู้นำของตนเอง และจากนั้นจะเชื่อฟังผู้นำด้วยวินัยอย่างเข้มแข็ง

            พันธกิจของประธานชมรมคือการกำกับดูแลการแข่งขันและการเฉลิมฉลอง เลขาธิการเรียกประชุมและเหรัญญิกนำเสนอรายการบัญชีต่อที่ประชุมสามัญ…แบบจำลองสังคมโดยรวม พวกเขาไม่เพียงต้องจัดซื้อและบำรุงรักษาอุปกรณ์ใหม่สำหรับการแข่งขัน แต่รวมถึงการสร้างอาคารสง่างามพร้อมห้องประชุมและพื้นที่แต่งตัวด้วย สิ่งเหล่านี้ได้รับการจัดสรรอย่างจริงจังและการดำเนินงานของสมาคมเหล่านี้แสดงถึงความคิดและเหตุผลที่ดีขององค์กรของพวกเขาซึ่งนับเป็นผลสัมฤทธิ์ที่นักเรียนมัธยมศึกษาของพวกเราไม่สามารถบรรลุได้ นิตยสารของมหาวิทยาลัยที่ตีพิมพ์โดยนักเรียนประกอบด้วยข่าวกีฬาทั้งหลายซึ่งให้รายละเอียดของการแข่งขันที่น่าชื่นชมกับตัวแทนของมหาวิทยาลัยคู่แข่งทั้งหลาย

            4.ท่านสุภาพชน ในตอนต้นของการเสวนานี้ ข้าพเจ้าพยายามที่จะนำเสนอแก่ท่านในเรื่องเป้าหมายที่ผู้อำนวยการโรงเรียนอังกฤษแสวงหา จากนั้นจึงหันมาที่วิธีการเพื่อการบรรลุเป้าหมายนั้น ข้าพเจ้าได้อภิปรายหลักพื้นฐานสองประการกล่าวคือ เสรีภาพและการกีฬา โดยท่านพบว่า สองคำสั้นๆนี้ได้สรุประบบทั้งหมด ในเวลานี้ ข้าพเจ้าต้องเติมช่องว่างของผลลัพธ์ระหว่างข้อดีกับข้อเสียที่สร้างความกังวลใจ

            ประการแรก ข้าพเจ้าต้องชี้ถึงการไม่ปรากฎผลร้ายประการใดแก่นักเรียนเมื่อสำเร็จการศึกษา ทุกท่านสังเกตเห็นถึงการระเบิดอารมณ์รุนแรงอยู่บ่อยครั้งเมื่อจบจากโรงเรียนมัธยมศึกษาที่พวกเราชาวฝรั่งเศสมีความผูกพันอยู่ บางคนอาจคิดว่า โรงเรียนคือเรือนจำ ผู้หลบหนีที่ไม่ได้มุ่งสู่โรงเรียนรัฐขว้างหนังสือของตนเองทิ้งทันทีเมื่อมีโอกาสซึ่งเป็นการดีสำหรับการรักษาอิสรภาพของตนเอง ไม่ต้องมีข้อจำกัดทุกฝีก้าวอีกต่อไป ไม่ต้องมีการอยู่กับเพื่อนร่วมชั้นตลอดอีกต่อไป..ในที่สุดแล้ว พวกเขามีเสรีภาพที่จะหายใจ พวกเขามีจำนวนมากเท่าไรที่ลุ่มหลงมัวเมากับอากาศบริสุทธิ์เต็มปากในครั้งแรก! นอกจากผู้ที่ออกนอกทางแล้ว มีนักเรียนเก่ง (ที่พวกเราฝากความหวังไว้) กี่คนที่เสวยสุขส่วนตัวโดยไม่มีสิ่งใดจะพาพวกเขากลับมาได้ พวกเขาเหล่านี้คือความล้มเหลว คนใช้การไม่ได้ แม้บางคนอาจกลับสู่การเรียนในท้ายสุด แต่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิดขึ้นซึ่งหมายความว่า เวลายาวนานได้สูญหายไปและสิ่งต่างๆก็ถูกหลงลืมเช่นกัน

            ท่านสุภาพชน การผลักไสเด็กทั้งหลายของท่านเข้าสู่งานอาชีพแรกที่มีโอกาสเป็นสถานการณ์จริงอย่างยิ่ง แต่หากพวกเขาตอบกลับว่า “ข้าพเจ้าต้องการสร้างอาชีพตนเอง” ท่านเองจะเริ่มกังวลเพราะหวั่นเกรงต่อผลลัพธ์ ท่านไม่เชื่อเรื่องการสร้างอาชีพตนเองเนื่องเพราะผู้มีความตั้งใจดีในฝรั่งเศสมักจะหยุดกลางคันด้วยการขาดแรงจูงใจ ในอังกฤษ สิ่งนี้กลับเป็นกติกา กองทัพบก กองทัพเรือ องค์การฑูตและศาลรองรับเด็กจำนวนน้อยมากที่เติบโตจาก “โรงเรียนพับลิก” คนอื่นๆเมื่อพ้นจากโรงเรียน พวกเขาเดินออกมาพร้อมหยดน้ำที่ดวงตาทั้งสองและเข้าสู่ตลาดแรงงานในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ช่วงเวลางดงามที่สามารถเล่นกีฬาได้ตามใจไม่มีอีกแล้ว ขณะนี้คือเวลาแห่งความขยันหมั่นเพียร พวกเขาต้องประสบความสำเร็จ บางคนแสวงหาหนทางอยู่เนิ่นนานแต่ก็พบในที่สุด และยังมีงานอาชีพที่อาณานิคมในต่างประเทศซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับชาวอังกฤษที่นำ “ต้นแบบอังกฤษ” ติดตัวไปด้วยทุกแห่งที่ตนไป ไม่ว่าพวกเขาจะเป็น “ผู้ครอบครอง” ในนิวซีแลนด์หรือชาวสวนในอเมริกา พวกเขามีความได้เปรียบจากการได้เรียนพลศึกษาและจริยศาสตร์ที่ดีจากโรงเรียนตนเอง แม้ว่าเหตุหลักที่อาณานิคมของพวกเราอ่อนแอจะมาจากระบบการสืบทอดตำแหน่งที่แย่ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า การศึกษามีส่วนสำคัญ

            วัยรุ่นอังกฤษที่จบจากโรงเรียนจะมีพรสวรรค์ทั่วไปที่เต็มไปด้วยสามัญสำนึก เขาคุ้นเคยต่อกฎสังคมมากมายในโลกนี้ซึ่งได้พบในแบบจำลองที่เป็นโลกย่อส่วนรอบข้างตนเอง ทฤษฎีต่างๆเคลื่อนเข้าหาโดยไม่ทำให้เขาต้องทรุดกายลง เขาสามารถควบคุมตนเอง มีวิธีการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ รวมทั้งหัวใจใสซื่อและกระปรี้กระเปร่า แม้เขาอาจยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางเนื่องจากความมีทิฎฐิแต่ข้อบกพร่องนี้ก็เป็นผลจากเชื้อชาติมากกว่าการศึกษา สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังวาดภาพแก่ท่านคือชนิดบุคคลที่เป็นชนชั้นนำ หากท่านคุ้นเคยกับคนอังกฤษก็คงจะทราบว่า ชีวิตของคนขี้อาย อ่อนแอ และขี้เกียจไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ในความอลหม่านของการครองชีพ คนกลุ่มนี้จะถูกผลักไปด้านหลัง ทำให้แพ้และเหยียบย่ำ พวกเขาจะถูกโยนทิ้งเสมือนเป็นตัวถ่วง ไม่มีที่ไหนที่การคัดเลือกจะไร้ความปราณีกว่านี้อีกแล้ว เชื้อสายมนุษย์มีสองชนิดที่แตกต่างกันกล่าวคือ เชื้อสายของคนเปิดเผยตรงไปตรงมาและกล้ามบึกบึนพร้อมเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยตนเองและอีกเชื้อสายของคนอ่อนแอที่มีสีหน้าถอดใจและเจียมตนในความหดหู่ ทั้งนี้ ความเป็นจริงในโลกย่อมเกิดขึ้นในโรงเรียนเช่นกัน! คนอ่อนแอถูกทิ้งขว้าง คุณประโยชน์ของระบบการศึกษานี้ส่งเสริมเฉพาะคนแข็งแรงเท่านั้น

            อีกหนึ่งการวิพากษ์ที่สามารถทำลายระบบการศึกษานี้คือ ค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เทเนได้ประมาณต้นทุนเฉลี่ยต่อนักเรียนหนึ่งคนไว้ที่ 5,000 ฟรังก์ซึ่งมากเกินความเป็นจริง โรงเรียนฮาร์โรว์บังคับค่าใช้จ่ายที่ 3,500 ฟรังก์โดยต้องเตรียมไว้อีก 500 ฟรังก์ในปีแรก โรงเรียนรักบี้จะถูกกว่า (เล็กน้อยประมาณสิบห้าปอนด์) ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนในเครือศาสนาจะห่างไกลจากตัวเลขนี้มาก แม้เราจะเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายของโรงเรียนเหล่านี้อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยแล้ว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็จะไม่เกิน 2,500 สำหรับโรงเรียนเจซูอิตในเมืองเบอมอนต์ซึ่งใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายของโรงเรียนพวกเรา ช่วงต่างมีเหตุผลสมควรแก่ความแตกต่างระหว่างการศึกษาสองระบบนี้ อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบจะยุติธรรมก็ต่อเมื่อเราได้กล่าวถึงระยะเวลาการศึกษาของสองกรณีนี้โดยนักเรียนใช้เวลาสองหรือสามปีใน “โรงเรียนพับลิก” และมากสุดคือสี่ปี

            ความเห็นข้างต้นคล้ายแสดงความชื่นชมต่อชาวอังกฤษ แต่เราต้องไม่พลาดที่จะเห็นความเป็นจริงของสิ่งต่างๆนี้ว่า โรงเรียนคือฟางเส้นสุดท้าย หากพวกเขาสามารถจัดการได้โดยไม่ต้องมีโรงเรียน พวกเขาจะทำและไม่ตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย พวกเขายินยอมก็ต่อเมื่อโรงเรียนมีวันหยุดยาวที่อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านในช่วงคริสต์มาส อีสเตอร์ และฤดูร้อนเพื่อหวนคืนสู่ชีวิตครอบครัวเท่านั้น ดังที่ท่านทราบ บ้านเป็นลัทธิศาสนาของพวกเขา พวกเขาสบายที่จะออกจากบ้านเพราะรู้ว่า นี่คือแนวปฏิบัติของโลกนี้ พวกเขารู้สึกว่า บ้านคือโรงเรียนดีสุดเพื่อการศึกษา เด็กทั้งหลายเดินทางจากบ้านอย่างช้าที่สุดและกลับบ้านเป็นในระยะเวลาต่างๆ จนกว่าการศึกษาของพวกเขาจะสำเร็จ จะมีสถานที่ใดจะดีไปกว่านี้?

            ทั้งนี้ มีหลักการจำนวนมากที่ขัดแย้งกับพวกเรา เปิดเอกสารการศึกษาและท่านจะพบว่า ยิ่งนักเรียนโตขึ้นเท่าใด พวกเขาต้องเรียนหนักขึ้น และในโรงเรียนนั้น วิธีการเดียวในการคงไว้ซึ่งความไร้เดียงสาของพวกเขาคือต้องไม่ให้พวกเขาห่างจากสายตาแม้ชั่วประเดี๋ยวและการปฏิบัติตามคติพจน์ที่โด่งดังคือ สองไม่เอา-หนึ่งไม่มี-สามเสมอ รวมทั้งข้อบังคับต้องเปรียบเสมือนตารางเวลารถไฟที่ทุกสิ่งของพวกเขาต้องถูกคาดการณ์ได้ ไม่มีที่สำหรับความกำกวมไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ตลอดจนจดหมายที่ต้องถูกเปิดเผยและอ่านก่อนจะมอบให้แก่นักเรียนที่ไม่สามารถโต้ตอบด้วยเสรีภาพของตนเอง ลองค้นหาโรงเรียนของพวกเราสักหนึ่งแห่งที่การสอดส่อง หัวหน้าสถานศึกษา และหัวหน้านักเรียน ฯลฯ ไม่เพิ่มจำนวนขึ้น ที่นักเรียนไม่ต้องได้รับการอนุญาตให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จากนั้น ให้เหลียวมองประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นชาวคริสต์และมีอารยธรรมเช่นพวกเรา ณ ที่นั้น เมื่อนักเรียนโตขึ้น พวกเขาจะเล่นมากขึ้น โดยพวกเขาไม่เพียงจะถูกปล่อยไว้ตามลำพัง แต่ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเรียนพลศึกษาและจริยศาสตร์ของพวกเขา คำขวัญของพวกเขาคือ ข้อบังคับยิ่งน้อยยิ่งดี จดหมายของพวกเขาจะไม่ถูกตรวจสอบและพวกเขาได้รับอนุญาตให้สมัครเพื่อรับหนังสือพิมพ์และนิตยสารภาพ ความสันโดษถือเป็นสิ่งสำคัญและระบบทั้งหมดดำเนินงานด้วยครูใหญ่จำนวนน้อยที่สอนและจัดการไปพร้อมกัน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีสิ่งแตกต่างที่มากกว่านี้? จะมีใครคิดถึงความแตกต่างที่มากกว่านี้ได้บ้างไหม?

            ไม่มีการเรียงแถว ไม่มีกระดิ่ง ไม่มีบันทึก ไม่มีชั่วโมงเรียนตายตัว ความสงบเงียบ…และไม่มีฝูงชน! ท่านสุภาพชน หากเด็กทั้งหลายของท่านจะได้ยินข้าพเจ้ากล่าวถึงรายการยกเว้นเหล่านี้ พวกเขาคงจะปรบมือสนั่นให้แก่ทุกมาตรการ พวกเขาจะต้องการให้ท่านสัญญาว่าจะส่งพวกเขาข้ามช่องแคบ แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อว่า ความกระตือรือร้นของพวกเขาจะมลายหายวับในทันที พวกเขาจะพบว่าตนเองถูกปล่อยให้อยู่กับความสามารถของตนเองโดยจะรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ล้อมรอบกาย ความรับผิดชอบที่แท้จริงจะกลายเป็นภาระหนักอึ้งแก่พวกเขาและจะต้องใช้ความพลังงานถึงสองเท่าของเพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อเอาชนะสิ่งนี้ ในบางโอกาส “โรงเรียนพับลิก” จะรับและดูแลนักเรียนฝรั่งเศสซึ่งความแข็งแกร่งของจริยธรรมทำให้พวกเขาเหมาะที่จะเป็นผู้สมัครรับคัดเลือก พวกเขาออกจากโรงเรียนโดยไม่สูญเสียคุณลักษณะพิเศษซึ่งเป็นอภิสิทธิของชนชาติตนเองและพวกเขาได้เรียนรู้เรื่องความริเริ่ม ความแน่วแน่ ความกล้าหาญและสามัญสำนึกที่พวกเราอิจฉาจากโรงเรียนอังกฤษ นักเรียนฝรั่งเศสเหล่านี้ได้รับสิ่งที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อไล่กวดเพื่อนร่วมชั้นก่อนหน้าซึ่งล้ำหน้าพวกเขาในเรื่องการเรียน

            เมื่อเดินทางเข้าสู่เมืองโดเวอร์ จะพบทุ่งหญ้าเป็นแนวระดับอยู่ตรงกลางศูนย์กลางศาสนาของสหราชอาณาจักร ณ ที่นั้น บุคคลซึ่งรัฐบาลพวกเราต้องการจะริดรอนเกียรติภูมิของการสอนเพื่อสรรเสริญพระเจ้าและการรับใช้ฝรั่งเศสได้พบกับสถานลี้ภัยภายใต้การปกป้องจากประเทศหนึ่งที่มีเสรีภาพแท้จริง บางครั้ง พวกเรารู้สึกเศร้าใจที่การลี้ภัยนี้ไม่ได้ช่วยเหลือเด็กทั้งหลายที่อาศัยอยู่ได้ดีกว่านี้ ซึ่งถือเป็นความโหดร้ายแก่โรงเรียนมัธยมศึกษาฝรั่งเศสที่จัดตั้งในต่างแดน พวกเราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเปิดความคิดและธรรมเนียมนิยมให้กว้างขึ้นสักเล็กน้อย ได้หรือไม่?

            ในกรณีใดก็ตาม แม้นักเรียนที่แคนเทอเบอรีจะไม่สนุกสนานกับคุณประโยชน์ของระบบการศึกษาอังกฤษ แต่ดวงตาของพวกเขาจะได้ชำเลืองมองต้นไม้และทุ่งหญ้า ปอดของพวกเขาจะได้สูดลมเย็นสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสุดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสก็มีต้นไม้ ทุ่งหญ้าและอากาศบริสุทธิ์ แล้วพวกเราจะไม่เคยเห็นโรงเรียนที่สร้างขึ้นในชนบทของฝรั่งเศสบ้างหรือ? พวกเราจะไม่เคยพบความย่อยยับของกล่องศิลามหึมาซึ่งเป็นเขาวงกตของการศึกษาบ้างหรือ?

ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว

RANDOM

มูลนิธิสัมมาชีพคัดเลือก 5 บุคคลรับรางวัล “ปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบ”ปี 2565 เพื่อเชิดชูปราชญ์ท้องถิ่นที่นำความรู้ ประสบการณ์ สร้างสรรค์งานที่ก่อให้เกิดคุณค่าและเผยแพร่ความรู้ต่อสังคม ก่อให้เกิดการนำไปปฏิบัติในวงกว้าง

ราชมงคลพระนคร เปิดรับบทความวิชาการด้านวิชาชีพการออกแบบ – สถาปัตยกรรม เพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 (ประจำเดือนมกราคม – มิถุนายน 2567) ส่งบทความเต็มรูปแบบได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 15 เม.ย. 67

NEWS

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ ม.ศรีปทุม เชิญชวนน้อง ๆ เยาวชน ร่วมประกวดไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ในหัวข้อ “WellTech Entrepreneur : Good Health and Well-being” ชิงทุนการศึกษา ส่ง Concept Idea เข้าประกวดได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 10 พ.ค. 67

error: Content is protected !!