ตอนที่ 5 : นักเรียนของพวกเรา : หนังสืออุดมการณ์โอลิมปิกของคูเบอร์แต็ง : แปลโดย : ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

นักเรียนของพวกเรา

            ในหัวข้อนี้ คูเบอร์แต็งบรรยายประสบการณ์ตนเองต่อสถานการณ์ที่น่าหดหู่ของโรงเรียนมัธยมศึกษาฝรั่งเศสโดยเขาสงสัยว่า นักเรียนตระหนักถึงสถานการณ์ย่ำแย่ของตนเองและพวกเขาถูกจองจำและต้องยอมรับข้อประพฤติต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องประการใดต่อความคิดอิสระหรือไม่ การกีฬาควรมีประโยชน์ในเรื่องนี้ แต่นักเรียนจะเล็งเห็นคุณค่าของกีฬาหรือไม่? คูเบอร์แต็งเรียกร้องเพื่อนในคณะกรรมการรณรงค์พลศึกษาในระบบการศึกษาให้ใช้การกีฬาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆของโรงเรียนมัธยมศึกษา

            แม้จะไม่ได้นับจำนวนนักเรียนที่ข้าพเจ้าทำการศึกษาในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา แต่คงมีจำนวนมาก แท้จริงแล้ว ความใคร่รู้ที่แปลกและไม่น่าสนใจในขั้นต้นกลับกลายเป็นสิ่งพิเศษอย่างยิ่ง นอกจากนี้ นักสังเกตจะพัฒนาทักษะด้วยการสังเกตจริง รายละเอียดที่มองข้ามในขั้นต้นจะดึงดูดความสนใจซึ่งจะนำพาวิธีคิดของบุคคล เราจะใส่ใจรายบุคคลนอกเหนือจากองค์รวมแบบกลุ่ม เราจะเรียนรู้การบ่งชี้กลุ่มต่างๆเพื่อเข้าใจสิ่งที่เป็นจริงและจัดทำข้อสรุปต่างๆซึ่งเป็นวิธีการตอบสนองความใคร่รู้ของนวัตกรสมัยใหม่ต่อความเป็นจริง สิ่งต้องการทั้งหมดสำหรับวรรณกรรมของพวกเขาคือสิ่งที่ปรากฎจริง ดังนั้น พวกเขาต้องบันทึกสิ่งเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนก่อนบรรจุไว้ในผลงานของพวกเขา

            “ข้ามทางเดินเพื่อติดตามนักเรียนกลางวันออกจากโรงเรียน” “และจงเปิดตาและหูของคุณให้กว้างไว้” คือคำแนะนำที่มีเหตุผล ข้าพเจ้าบากบั่นในความพยายาม ข้าพเจ้าเดินตามพวกเขา จดจำท่าทาง สีหน้าและรอยยิ้ม ข้าพเจ้าพยายามจับคำพูดหรือบางส่วนของบทสนทนาโดยลงมือทำอยู่หลายครั้ง จากนั้น ข้าพเจ้าจะเข้าพบอย่างเป็นทางการโดยนำเสนอจดหมายลายมือของ มร.เกรอาร์ด ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงห้องใต้ดินหรือหลังคาหากต้องการได้ ใบหน้าของผู้อำนวยการโรงเรียนจะซ่อนความประหลาดใจอยู่เล็กน้อยจากความคุ้นชินต่อการพบกับผู้ตรวจงานซึ่งสวมแว่นตาและเสื้อคลุมสวยงามที่เข้ามาและจากไป ข้าพเจ้าจะทราบข้อมูลในทันทีที่ต้องการพร้อมเอกสารประชาสัมพันธ์และพวงกุญแจสำหรับการเข้าถึงทุกพื้นที่ สถานศึกษาเหล่านี้คล้ายคลึงกันกล่าวคือ โรงอาหารจัดโต๊ะเป็นแถวต่างๆและมีกลิ่นอับชื้น หอพักจัดเตียงจำนวนมากเป็นแถวและพื้นยกเสมือนเตรียมให้ครูสอนศิลปะการนอนหลับ บ่อยครั้งที่เราจะมองผ่านกระจกและเห็นนักเรียนใช้เวลาว่างในการเดินขึ้นลงด้วยความเคร่งเครียดของการครุ่นคิดถึงจุดสูงสุดของจิตวิญญาณมนุษยชาติ และผู้นำทางจะต้องไม่พลาดแสดง โรงยิมแก่ข้าพเจ้าที่มักจะว่างเปล่า ไม่มีอุปกรณ์ และมีอยู่เพื่อการชมของนักเรียนเท่านั้น ผู้อำนวยการและเหรัญญิกโรงเรียนจะยินดีกับตัวเองสำหรับสิ่งต่างๆ…นักเรียนคือความชื่นใจ เป็นต้น ความจริงแล้ว บุคคลผู้ทุ่มเทและมีคุณธรรมเหล่านี้ทำงานอย่างเต็มที่แม้จะได้รับผลตอบแทนไม่มากแต่ได้รับการเชิดชูเกียรติ สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ไม่ใช่บุคลากร แต่เป็นอุปกรณ์…พวกเขาจึงบอกว่ามีความสุข ผู้บริหารเสมือนยืนอยู่บนโชคชะตาที่น่าเศร้าแต่พวกเขาเหนี่ยวรั้งตนเองเพราะไม่ต้องแลกตนเองกับความล้มเหลว…

            คุณค่าของการเข้าชมโรงเรียนต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรียน การค้นคว้าเรื่องการสอนและที่น่าสนใจล้วนต่างปรากฎบนท้องถนน  

            หลังคาและผนังบ้านไม่สามารถปิดบังสายตาของผู้สัญจรมากไปกว่าเสื้อคลุมนักเรียนที่ซุกซ่อนสิ่งของภายใน ความจริงแล้ว สีหน้าหรือภาษาที่ใช้แทบจะไม่แสดงถึงบุคลิกภาพแต่ประการใด เสื้อคลุมนักเรียนมีมนต์เสกให้ผิวเหลือง มองเหม่อ ยิ้มเลื่อนลอยและอากัปกิริยาเชื่องช้ายิ่ง โดยจะไม่มีช่างเสื้อใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงเสื้อคลุมให้แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว เสื้อคลุมจะยังคงเป็นผลงานสุดยอดของความประดักประเดื่อและด้วยความไร้เหตุผลและประโยชน์ถึงที่สุด เสื้อคลุมจึงเป็นสิ่งประดิษฐ์ถาวรอย่างไม่น่าแปลกใจ คุณลักษณะเหล่านี้ประกันความคงอยู่ของสิ่งประดิษฐ์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความอิจฉา จึงเห็นควรที่จะบังคับให้เด็กฝรั่งเศสอายุสิบสองถึงสิบแปดปีทั้งหมดสวมเสื้อคลุมโดยโรงเรียนเอกชนคงถูกห้ามการออกแบบเสื้อนอกด้วยวัสดุนุ่มและสวยงามที่มีประโยชน์เต็มที่ของเครื่องแบบซึ่งสะดวกใช้งาน นวัตกรรมเหล่านี้คือการบิดเบือนความเสมอภาคและทำให้ชาวต่างชาติคิดว่า นักเรียนโรงเรียนรัฐแข็งแกร่งน้อยกว่า สติปัญญาด้อยกว่าและสง่างามน้อยกว่านักเรียนอื่น…และทุกคนต่างรู้ว่าความเป็นจริงคือสิ่งตรงข้ามกัน

            แม้เสื้อคลุมและหมวกจะทำให้นักเรียนของพวกเรามีความละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่พวกเขาก็สามารถถูกจัดตามกลุ่มของตนเองได้อย่างรวดเร็ว กลุ่มยอมแพ้คือ นักเรียนสูง ผอมและค่อมเล็กน้อยที่เสมือนกำลังย่ำเท้าฟันฝ่าชีวิตที่โหดร้าย โดยเขาแสดงถึงการถอนตัวอย่างน่าเศร้าและยอมแพ้การต่อสู้ ภายในสมองของคนเหล่านี้คงจะมีความปรารถนาต่อเสรีภาพและแรงกระตุ้นซ่อนเร้นของการต่อสู้ที่พวกเขาอ่อนแอเกินไปและลังเลสู่ความสำเร็จ นักเรียนอื่นจัดอยู่ในกลุ่มวิตกกังวลซึ่งพวกเขาแลดูหวาดระแวง ไม่นิ่งและอยู่ไม่เป็นสุข อาจกล่าวได้ว่า เขาจะรู้สึกผิดตลอดเวลาและพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของครูใหญ่ กลุ่มท้ายสุดที่สามคือ พวกถือตน เฉลียวฉลาด กระตือรือร้น ไม่ค่อยอยู่ในระเบียบ เสียงดังและบุคลิกคล้ายกัน และดื้อรั้น โดยคุณจะสังเกตเห็นนักเรียนกลุ่มนี้กลืนควันจากบุหรี่มวนโตอย่างไม่น่าชม คุณอาจเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าว “คำหยาบ” เสมือนต่อแฟนสาวคนหนึ่ง ทั้งสามกลุ่มนี้เป็นตราประทับชั่วชีวิต แม้ว่าในบรรดานักเรียนเหล่านี้จะมีนักเรียนที่ดีและซื่อตรงซึ่งมีความเข้มแข็ง ทุ่มเทและสติปัญญาสูง แต่บางสิ่งในวัยเด็กจะยังคงอยู่กับพวกเขาตลอดไป กลุ่มคุยโตจะออกแบบการปฏิรูป กลุ่มวิตกกังวลจะดำเนินการปฏิรูปและกลุ่มยอมแพ้จะกล้ำกลืนฝืนทนต่อการปฏิรูป

            พวกเขาพูดคุยอะไรกันขณะก้าวเดิน? เกี่ยวกับการสอบและชั้นเรียนของพวกเขาในบางครั้งแต่แทบทั้งหมดจะเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเหลือบเห็นในขณะก้าวเท้า หากปรากฎหญิงสาวเดินผ่านในเย็นหนึ่ง ทั้งกลุ่มจะหันหลังพร้อมรอยยิ้มและความคิดที่ล่อแหลม จากนั้น พวกเขาจะเริ่มเล่าเรื่องราวถึงสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน เรื่องเก่าเล่าใหม่พร้อมแต่งเติมเสมอ โดยสรุปแล้ว ความคิดเดิมที่เสื่อมโทรมจะผุดขึ้นตลอด การใช้เวลาว่างเกิดขึ้นแล้ว สิ่งเหล่านี้ผสมปนเประหว่างคณิตศาสตร์ ภาษาละตินและอย่างอื่น แต่ความคิดนี้ส่งผลจริงและความผิดพลาดจะหยุดยั้งพวกเขา โดยพวกเขาจะต้องก่อพฤติกรรมร้ายแรงครั้งแล้วครั้งเล่า

            พฤติกรรมเหล่านี้เกิดจากความเบื่อหน่ายและพวกเขาทำซ้ำจากความอ่อนแอ ข้าพเจ้าใคร่ครวญเห็นว่า นักเรียนโรงเรียนรัฐถูกละทิ้งจากความอคติ หากพิจารณาด้านคุณธรรม ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะแย่ไปกว่านักเรียนโรงเรียนเอกชนแม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้น ความแตกต่างนี้ไม่ก่อให้เกิดความภูมิใจแก่ผู้ใดโดยอาจมีข้อยกเว้นเล็กน้อย ความเบื่อหน่ายและความอ่อนแอแพร่กระจายไปทั่วพร้อมกับความหายนะที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ โรงเรียนมัธยมศึกษารัฐไม่มีการสอนจริยธรรม ครูสอนศาสนามักบรรจุศาสนามากเกินไปในการสอนในขณะที่ครูทั่วไปก็ไม่สอดแทรกจริยธรรมในการสอนที่เพียงพอ ครูทั่วไปไม่ใส่ใจพฤติกรรมนักเรียนเนื่องเพราะภารกิจหลักด้านวิชาความรู้ซึ่งพวกเขาทุ่มเทเอาใจใส่โดยรู้สึกว่า พฤติกรรมนักเรียนไม่ใช่กิจธุระและหน้าที่ของพวกเขา…ภาระของงานละเอียดอ่อนและสำคัญตกบนบ่าทั้งสองของเจ้านายของการเรียนซึ่งต้องกล่าวว่า ไม่มีการปฏิบัติแม้แต่น้อย เจ้านายของการเรียนในโรงเรียนรัฐใส่ใจแต่เพียงว่า นักเรียนให้ความเคารพต่อเขาหรือไม่ ยิ่งเขาให้ความสำคัญต่อสิ่งนี้มากขึ้นเท่าไร เขากลับจะควรค่าแก่ความเคารพน้อยลงเท่านั้น

            ทั้งนี้ พวกเรามีทางเลือกประหลาดระหว่างนักบวชหรือคนป่า โดยลูกข้าพเจ้าจะได้รับการศึกษาที่คับแคบจากทางเลือกแรกและไม่เรียนรู้อะไรจากคนป่า ทางแรกนั้น เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้กระพริบตาโดยปราศจากความเห็นจากครูของเขา ส่วนอีกทางนั้น ครูจะไม่สนใจใยดีหากว่าเขาทำการบ้านเสร็จและเรียนรู้บทเรียนต่างๆแล้ว! ผู้คนกล่าวถึงการเข้ารหัสการสอนจริยธรรม…ซึ่งหมายความว่า ไม่มีการสอนจริยธรรมแก่เด็กยกเว้นแต่ศาสนา ทั้งนี้ การสอนผู้ใหญ่ในเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงแต่เป็นคำสอนที่ถอดป้ายชื่อออกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เด็กจะไม่เข้าใจและไม่เรียนรู้หากไม่มีป้ายชื่อนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าพวกเราจะเป็นอย่างไรในอีกร้อยปี แต่วันนี้เป็นที่ชัดเจนว่า การศึกษาไม่เกิดขึ้นโดยปราศจากศาสนา ตัวอย่างเช่น ไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับพระเจ้าและชีวิต ข้าพเจ้าประสบกับความพยายามที่แย่และน่าขบขันของครูบางคนในการแปลงประโยคเพื่อหลีกเลี่ยงคำว่า พระเจ้า หรือการบอกเป็นนัยถึงชีวิตใหม่ แม้เราจะสามารถเติมเต็มชีวิตเด็กที่เติบโตจากอเทวนิยม แต่หากจะทำให้เป็นผู้ซื่อสัตย์แล้ว คุณย่อมไม่ผิดแต่ประการใด ไม่ว่าเขาจะเป็นคาทอลิกหรือลูเทอแรน คาลวินหรือออโธด็อกซ์ ศาสนาไม่ใช่บทเรียนเพื่อการเรียนรู้ แต่เป็นบรรยากาศสำหรับการหายใจ สิ่งนี้คือเหตุผลว่าทำไมโรงเรียนรัฐ (ซึ่งจำเป็นต้องรับเด็กจากหลายศาสนา) จักต้องเป็นโรงเรียนกลางวันและไม่ใช่โรงเรียนประจำ โรงเรียนทั่วไป โรงเรียนคาทอลิก โรงเรียนโปรเตสแตนต์หรือแม้กระทั่งโรงเรียนส่งเสริมความคิดอิสระควรถูกจัดตั้ง เพราะเหตุใดเล่า? เสรีภาพควรมีแก่ทุกผู้คน โดยเขาจะเล็งเห็นความแตกต่างระหว่างกลุ่มหนึ่งกับกลุ่มอื่น

            ผู้ขาดจริยธรรมที่เบื่อหน่ายและอ่อนแอล้วนต่างมีอิทธิพลต่อระบบการศึกษาฝรั่งเศสจากระดับบนสู่ล่าง ในโรงเรียนมัธยมศึกษารัฐซึ่งไม่มีการสอนจริยธรรมและวันหยุดที่ไม่มีคุณภาพแล้ว คุณจะพบสูตรการสร้างเด็กมัธยมศึกษาคนหนึ่งด้วย ข้าพเจ้าวกเข้าหาจุดด้อยของวันหยุดเนื่องเพราะเป็นเรื่องสำคัญ นักเรียนประจำของโรงเรียนศาสนาจะออกนอกโรงเรียนเดือนละหนึ่งหรือสองครั้งในขณะที่นักเรียนมัธยมศึกษารัฐจำนวนมากมีอิสระทุกวันอาทิตย์

            นักเรียนเหล่านี้จำนวนมากกลับไปสู่สิ่งแวดล้อมแปลกประหลาดกล่าวคือ บ้านเรือนที่ครอบครัวผิดเพี้ยนและแตกสลาย บางครั้งพวกเขากลับไปหาบิดา ลุง หรือผู้สอนที่มีภารกิจล้นมือจนไม่สามารถดูแลนักเรียนได้ ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ตามลำพังบนถนนของกรุงปารีสที่อุจาดและสกปรกโดยทุกคนตระหนักดีถึงอันตราย ความอายจะมลายหายไปจากสหายจิตใจดีที่พร้อมช่วยเหลือเสมอจากความพ่ายแพ้ในครั้งแรก ปิแอร์ โลทิเล่าถึงนักเรือใบบนถนนเบร็สต์ที่จับกลุ่มสนุกสนานและร้องเพลงเสียงดัง การแสดงออกอย่างเปิดเผยของพวกเขาทำให้ทุกคนเริ่มหัวเราะปลดปล่อยความคิดไปกับความลำบากตรากตรำที่ผ่านมาซึ่งทุกคนต่างขออภัยในความเอ็ดตะโรบนฝั่งก่อนจากไป ข้าพเจ้าเองก็เคยเห็นผู้ชายแต่งกายดีเดินซวนเซบนถนนในกรุงลอนดอนจากเสาไฟหนึ่งไปยังอีกเสาหนึ่งและบ่อยกว่านั้นคือ ตำรวจลากผู้หญิงที่เมาหัวราน้ำซึ่งเป็นภาพที่น่าหดหู่และทอดถอนใจที่สุด

            แต่สิ่งที่น่าขยะแขยงและเศร้าใจยิ่งกว่าคือ การได้เห็นเด็กนักเรียนในช่วงเวลานั้น คุณจะเห็นพวกเขาในร้านสุราแถวจตุรัสละตินและบนชั้นลอยในเขตยุโรปของกรุงปารีสโดยไม่ต้องกล่าวถึงนักเรียนที่ถูกเก็บจากข้างถนนในอาการอิ่มเอมกับความปรารถนาที่จะ “รู้ว่าชีวิตเป็นฉันใด” วันอาทิตย์ในฤดูหนาวบนถนนเดอ มอสโคและถนนเดอ ตูฮังนั้น จะมีกลุ่มคนต่างๆล้อมรอบโต๊ะที่มีขวดเบียร์สองสามขวด ผู้หญิงสองสามคน เด็กนักเรียนคนหนึ่งและนักศึกษาคู่หนึ่งของมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค…ช่างเป็นช่วงวิเศษสำหรับเยาวชนเหล่านี้ที่จะผ่อนคลายจากความเป็นไปตลอดสัปดาห์และเทคณิตศาสตร์ทิ้งให้หมด! พวกเขารู้สึกเยี่ยม แต่มีอะไรให้ทำที่นั่นหรือ? พวกเขานั่งคุยกันสักพัก ขบเคี้ยวของมันและไต่ถามความเห็นแก่กัน พอฝนเริ่มตกพรำ พวกเขาจะขยับทันทีเพื่อแนบชิดเพื่อนสาวที่พบเมื่อวันอาทิตย์ก่อน กลุ่มคนต้อนรับเด็กนักเรียนเพราะเขายังเยาว์วัย ความไร้เดียงสาของเขาเป็นที่ขบขันชั่วประเดี๋ยว…เขาจะกลับดึก มึนงงและรู้สึกว่า เขา “เป็นผู้ใหญ่” แล้ว เด็กโง่เขลา! เจ้าจะใช้ชีวิตด้วยความเสียใจ

            การสูญเสียความสง่างามก่อนกาลอันควรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ง่าย! ขอกล่าวอีกครั้งว่า ข้าพเจ้าไม่เชื่อในอันตรายของท้องถนน ให้พวกเด็กออกจากกรุงปารีสด้วยตนเองมุ่งสู่บางสิ่งที่ต้องการ เร้าอารมณ์และประทับใจพวกเขา…ก็จะไม่มีสิ่งใดชักให้เสียทาง แต่หากปล่อยพวกเขาให้มีอิสระทั้งวัน คบเพื่อนไม่ดีและทำตัวแก่แดด พวกเขาจะหลงทาง

            บทความชิ้นหนึ่งในวารสาร Journal des Debats (วันที่ 8 มิถุนายน) เขียนว่า “รุ่นพวกเราไม่แข็งแกร่ง แม้ว่าพวกเราเคยเล่นยิมนาสติกส์ในวัยเด็กและพนักงานดับเพลิงเกษียณก็มาที่โรงเรียนมัธยมศึกษาสองครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อทานกลางวันเสร็จ พวกเราลงสนามหญ้าของเด็กโตซึ่งมีผู้ชายน่าเกรงขามยืนรออยู่ตรงกลางระหว่างผู้คุมที่เป็นผู้ช่วยของเขา เขาบังคับให้พวกเราเข้าแถวและปฏิบัติต่อพวกเราด้วยความแข็งกระด้างแบบนายทหารที่ไม่เคยเรียนละตินและปลอบตนเองด้วยการเบ่งตะโกนความเขลาของตนเอง เขาคือคนดุร้ายสุดในบรรดาครูของพวกเราเนื่องเพราะเขากลัวจะถูกมองว่าอ่อนแอกว่าพวกเรา แท้จริงแล้ว นักเรียนบอกเขาด้วยความรังเกียจโดยเฉพาะเมื่อจบเกรดแปด พวกเราแสร้งทำกับเขาเสมือนพวกสโตอิกโบราณปฏิบัติต่อเทพโชคชะตากล่าวคือ การกระทำตามโดยปราศจากความพยายามในการหาเหตุผล แต่โชคไม่ดีว่า เขามีวิธีการที่น่าฟังและชัดเจนที่จะทำให้พวกเรารู้สึกถึงอำนาจของเขา เขาไม่ยี่หระต่อความรังเกียจของพวกเรา เขาจะทำตนเสมือนเป็นเทพองค์จริงจนกระทั่งพวกเราเหนื่อยล้า คำสั่งทั้งปวงไม่ว่าจะเป็น นั่งยอง ยืนขึ้น ยืดแขน ย่ำเท้า ยกลูกตุ้ม ยกน้ำหนัก และปิดท้ายด้วยการปีนป่ายอุปกรณ์ยิมนาสติกส์ที่ไม่ใช่แบบกระรอกแต่เป็นหุ่นกระบอก ซึ่งเป็นหลักสูตรเดิมไม่เคยเปลี่ยน และที่แย่สุดคือ กิจกรรมยืดหยุ่น” ด้วยประสบการณ์นี้ จะแปลกหรือไม่ที่ผู้เขียนบทความชิ้นนี้จะรู้สึกถึง “ความเย็นชายิ่งต่อความบากบั่นสู่ความแข็งแกร่งและความบิดเบือนต่างๆต่อชาตินิยม?”

            ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะนิสัยและน่าสนใจของผู้คนรุ่นก่อนกล่าวคือ การแสดงให้เด็กเห็นถึงมิติป่าเถื่อนและโหดร้ายของสรีระทั้งปวงซึ่งนับเป็นเวลายาวนานแล้วที่มุ่งเน้นให้เด็กหลีกพ้นจากการออกกำลังกายโดยทำให้กิจกรรมไม่เป็นที่น่าสนใจยิ่งแก่สายตาของเด็ก ทั้งนี้ เด็ก เยาวชนและผู้สูงวัยจำเป็นต้องถูกเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม บางคนมีพรสวรรค์พร้อมความกล้าหาญเพียงพอต่อการริเริ่มด้วยตนเองแต่เด็กเหล่านี้เป็นข้อยกเว้น เด็กอื่นมองม้าขี่ หน้ากากฟันดาบและจักรยานด้วยความรู้สึกปนเประหว่างความต้องการกับความกลัว ความปรารถนาของพวกเขาถูกเก็บซ่อนเว้นแต่จะมีใครช่วยทำให้พวกเขาเข้าใจ…แต่แล้วเวลาก็ผ่านไป

            เราต้องพึงระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะเด็กจะไม่ถูกกระตุ้นจากมุกตลกหยาบโลน ภาษารุนแรง และความล้มเหลวด้วยไม่ทราบว่าตนเองหลงทางอยู่ หากเด็กไม่เกิดความสนใจหรือรสนิยมในระดับหนึ่งต่อการออกกำลังกายหรืออาจกล่าวว่าพวกเขาถูกบังคับแล้ว พวกเขาจะมีความทรงจำเลวร้ายซึ่งรู้สึกถึงความเกลียดและไม่ชอบกีฬาทุกชนิดที่เราต้องการให้พวกเขาสนุกสนาน

            ทั้งนี้ พวกเขาต้องมีสิ่งหนึ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งอื่น นักแต่งนิยายผู้ต้องการให้ตัวเอกมีเสน่ห์นิยมทำให้เขาผอมเพรียว แข็งแกร่ง และพร้อมสำหรับกิจกรรมต่างๆที่เหมาะกับร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งเหมาะสมและดีในหนังสือแต่ไม่จริงในทางปฏิบัติ โดยปรกติแล้ว ย่อมจะมีคนที่มีทักษะบังคับร่างกายและสามารถเคลื่อนไหวตามใจตั้งแต่แรกเริ่มเสมอ แต่ความง่ายเช่นนี้ทำให้การออกกำลังกายไม่สร้างคุณประโยชน์ต่างๆแก่คนกลุ่มนี้ เนื่องเพราะพวกเขาเล่นกีฬาทุกชนิดและไม่ได้ทุ่มเทต่อกีฬาชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ ตามกฎทั่วไปแล้ว “กีฬาที่ง่ายไม่เกิดผลใด” อย่าบอกข้าพเจ้าว่ายิ่งฝึกหัดกีฬามากขึ้นเท่าใด จะทำให้เล่นง่ายขึ้น ในทางตรงข้าม ความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อไม่มีขีดจำกัดในทางปฏิบัติ เราจะบากบั่นตลอดเวลาสู่ขีดจำกัดที่ไม่เคยจะบรรลุ

            พวกเราจะชนะใจนักเรียนได้อย่างไร? พวกเขาชอบกีฬาหรือไม่? อย่างน้อยพวกเขาเปิดใจรับกีฬาหรือไม่? นักเรียนทุกคนของพวกเราล้วนต่างความเชื่อ เมื่อพวกเขาพาม้าเดินก้าวตามจังหวะ พวกเขามองทอดสายตาเหมือนการบริหารสายตา ครั้นถูกคาดคั้น พวกเขาจะกล่าวถึงมูรินยัคและวีจองท์อย่างไม่ยี่หระต่อผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย แม้พวกเขาไม่เคยขี่จักรยาน พวกเขาจะอธิบายว่า เป็นการง่ายในการหยุดจักรยานด้วยเพียงการทรงตัวเล็กน้อยบนคันถีบ…แต่ยังคงมีอ่าวขวางกั้น (หรือกำแพงที่ต้องทำลายลง) ระหว่างจุดยืนนี้กับจุดที่ต้องการให้พวกเขาตกแต่งม้าขี่ แสดงความเห็น ถือดาบในมือ หรือเรียนรู้การขี่จักรยานด้วยตนเองและเพื่อความสำราญของตนเอง สหายคณะกรรมการของข้าพเจ้า พวกเราจักต้องทุบกำแพงทิ้ง ใช่หรือไม่? ใช่! พวกเราจะกระหน่ำสายฝนทำลายกำแพงไม่ให้มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่

            ในสามหัวข้อนี้ พวกเราได้ผ่านตาเกี่ยวกับโรงเรียนกลางวัน โรงเรียนประจำของศาสนาและโรงเรียนรัฐ โดยข้าพเจ้าพยายามแสดงว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโรงเรียนกลางวันโดยความสำเร็จและการพัฒนาขึ้นอยู่กับแผนงานกีฬาที่ทรงพลังและสมัครใจที่จัดการโดยนักเรียนซึ่งยึดโยงกลุ่มใหญ่ของพวกเขาและส่งผลถ้วนทั่วทั้งโรงเรียน ทั้งหมดนี้จะทำให้ปัญหาต่างๆของระบบหมดสิ้นไปซึ่งอย่างน้อยก็เป็นจุดยืนของข้าพเจ้า โรงเรียนประจำของศาสนาเกือบทุกแห่งจะต่อต้านการปฏิรูปที่ขัดแย้งกับแนวคิดที่หยั่งลึกและกฎที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ทั้งในทางปฏิบัติและหลักการ ในท้ายสุด การต่อต้านในโรงเรียนรัฐจะเกิดจากนักเรียนแทนที่จะเป็นคณะครู การต่อสู้ที่ยืดหยัดและไม่ครั่นคร้ามจะเอาชนะจิตป่วยของพวกเขา…จะเป็นเช่นนั้น

RANDOM

เทศบาลเมืองพนัสนิคม ร่วมกับ โครงการวิจัยมหาวิทยาลัยศิลปากร เชิญชวนผู้สนใจร่วมประกวดภาพถ่ายเมืองพนัสนิคม ในหัวข้อ “พนัส เมืองแห่งวิถีชีวิตวัฒนธรรม” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 120,000 บาท สมัครและส่งผลงานภายใน 30 พ.ย. นี้

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เปิดรับสมัครข้อเสนอโครงการ เพื่อขอรับทุนวิจัยด้านการแพทย์และสุขภาพ (รอบที่ 3) ประจำปีงบประมาณ 2567 ส่งข้อเสนอโครงการได้ ตั้งแต่บัดนี้–31 พ.ค. 67

สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน ม.มหิดล เปิดรับสมัครคัดเลือก “อาจารย์” (กลุ่มสาขาวิชาพัฒนาสุขภาพ) 9 อัตรา คุณวุฒิ ป.เอก วิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือ สาธารณสุขศาสตร์ หรือ สาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง หมดเขตสมัคร 31 ตุลาคม นี้

NEWS

กองทุนอนุสรณ์สุนทรภู่ ร่วมกับ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย เชิญชวนเยาวชนและบุคคลทั่วไปที่สนใจ ร่วมประกวดบทร้อยกรอง “นิทานคำกาพย์” เนื่องในวันสุนทรภู่ ประจำปี 2568 สมัครและส่งผลงานได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 6 มิถุนายน

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!