บันทึกกีฬาไทย

รำลึกถึง ย.โย่ง เอกชัย นพจินดา ตำนานคัมภีร์ลูกหนังคนไทยที่จากไปเมื่อ 6 มี.ค.2540

ย.โย่ง คัมภีร์บอล ตำนานที่ไม่มีใครลืม เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2540 นับเป็นวันที่มีการสูญเสียสื่อมวลชนสายกีฬา ที่ต้องจารึกว่าเป็นผู้บุกเบิก การเป็นคัมภีร์ลูกหนัง ให้กับวงการสื่อมวลชนไทย อย่างเช่น “ย.โย่ง” หรือ เอกชัย นพจินดา ไปอย่างกะทันหันด้วย โรคที่หมอโรงพยาบาลเปาโลระบุคือ “หัวใจล้มเหลว” ท่ามกลางการตกใจของผู้ที่ทราบข่าวในขณะนั้น ไม่ใช่แค่คนที่คุ้นเคยในฐานะเพื่อนพี่น้องร่วมวงการ หรือร่วมงาน แต่อาจจะกล่าวได้ว่าคนเกือบทั้งประเทศรู้จักแกเป็นอย่างดี เพราะนอกเหนือจากงานเขียนในหนังสือพิมพ์ บ้านเมืองที่เขาเริ่มทำงานเป็นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ.2516 จนกระทั่งย้ายฐานการทำงานไปอยู่ใต้ร่มเงาของค่าย สยามกีฬา จนกระทั่งปิดฉากชีวิต และนอกจากนั้น “ย.โย่ง” ยังได้เป็นผู้จัดรายการกีฬาทางสถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 99 พร้อมทั้งเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาทางช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2531 ด้วย คำอาลัยมีมากมายในช่วงนั้น ถึงคนที่ชื่อ ย.โย่ง ที่จากไปด้วยวัยเพียง 44 ปี เขาเป็นผู้บรรยายกีฬาที่อัจฉริยะ หมายเลข 1 ของเมืองไทย และไม่ใช่ชำนาญการบรรยายฟุตบอลอย่างเดียว แต่เขายังรู้ลึกถึงกีฬาชนิดอื่น ๆ อย่างแตกฉาน สามารถถ่ายทอดผ่านสื่อได้อย่างชัดเจน …

รำลึกถึง ย.โย่ง เอกชัย นพจินดา ตำนานคัมภีร์ลูกหนังคนไทยที่จากไปเมื่อ 6 มี.ค.2540 Read More »

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 4 สองนายใหญ่แห่งกรมพละก็กระเด็น

ภาค 4 ฟ้าผ่ากรมพละ : เด้งอธิบดี-รองอธิบดี ในช่วงปลาย ปี พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่บิ๊กๆ ในวงการกีฬา ทั้งเรื่อง ดร.ณัฐ อินทรปาณ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลาออกจาก กกท. เพราะเหมือนโดนหมิ่นครหา ต่อมาก็ ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์ ผู้ว่าการ กกท.ก็ยื่นหนังสือลาออก เพราะไม่สนองบิ๊กๆ การเมือง ต่อมาก็กรณี สิงห์ข้ามห้วย ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ กระโดดจาก มศว ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ กกท..แทน ดร.สมชาย แบบ “ฟ้าผ่า” ก่อนจะสิ้นปี พ.ศ.2539 ทางด้านกรมพลศึกษา หรือที่เรียกว่าดินแดนช้างสามเศียร ก็ไม่พ้น โดนด้วย เมื่อช่วงนั้น คณะรัฐมนตรีเปลี่ยนจากชุดที่นำนาวาโดย นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อผ่านการเลือกตั้งใหม่เสร็จสิ้น ก็มาเป็นยุคของ “บิ๊กจิ๋ว” พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และก่อนคริสต์มาสแค่วันเดียวคือวันที่ …

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 4 สองนายใหญ่แห่งกรมพละก็กระเด็น Read More »

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 3 : อ.ศักดิ์ชาย ข้ามห้วย คนใน กกท.ผิดหวัง

ภาค 3 สิงห์ข้ามห้วย คือ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ จากกรณีที่ผู้ว่าการ กกท. “ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์” ลาออกจากตำแหน่ง วันที่ 22 ต.ค.2539 คำขอสุดท้าย ในวันยื่นหนังสือลาออกของ “สมชาย” ต่อ รมต.กีฬารักษาการคือ ปองพล อดิเรกสาร ก็คือขอให้พิจารณาคนมาแทนคือคนใน กกท. จึงมีการเล็งกันว่า ถ้าเป็นไปตามนั้น นั่นก็หมายถึง นพ.เจริญทัศน์ จินตนเสรี รองผู้ว่าการ กกท.ที่อาวุโสสุด จะได้รับไม้ต่อ ในตำแหน่งผู้ว่าการ กกท.  และหากเป็นจริง วันที่ 28 ต.ค.2539 จะเป็นวันพิจารณา ในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือ บอร์ด กกท.ที่มี “รมต.ปองพล” นั่งหัวโต๊ะ จากนั้นเป้าหมายก็พุ่งไปที่ หากว่า “หมอเจริญทัศน์” ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าการ กกท.แล้ว จะมีตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท.ขาดอีก 1 ตำแหน่ง และข่าวการขวางคนนอก ที่จะเข้ามาเบียดนั่งเก้าอี้รองผู้ว่าการ กกท.ก็เกิดขึ้น …

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 3 : อ.ศักดิ์ชาย ข้ามห้วย คนใน กกท.ผิดหวัง Read More »

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 2 : ผู้ว่าการสมชาย ก็ไม่รอด ต้องลาตำแหน่ง

ภาค 2..สมชาย ก็ยอมหนี : ออกจากตำแหน่งผู้ว่า กกท. หลังจาก 8 พ.ค.2539 นั้น “รองณัฐ” ดร.ณัฐ อินทรปาณ ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นพนักงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยตำแหน่งตอนนั้นคือรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายวิชาการ ไปเรียบร้อย ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ขณะนั้นก็เปรย ๆ ว่า การสับเปลี่ยนตำแหน่งภายในหน่วยงานก็เป็นปกติ แม้แต่ตนเองก็เช่นกัน เพราะการแต่งตั้งผู้ว่าการ กกท.เป็นไปตามพระราชบัญญัติการกีฬา ที่บอร์ด กกท.มีอำนาจ หากว่าบอร์ดมีการพิจารณาว่าตนเองผิดพลาดก็พร้อมที่จะพิจารณาตนเอง (ข่าว 14 พ.ค.2539) จากนั้น “ดร.สมชาย” ก็เสนอคนใน กกท.ทั้งหมดให้บอร์ด เป็นผู้พิจารณาผู้ที่เหมาะสมขึ้นเป็นรองผู้ว่าการแทน “รองณัฐ” ที่ลาออกไป และวันที่ 12 พ.ค.2539 บอร์ด กกท.ก็มีมติเห็นชอบที่จะแต่งตั้ง นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ที่ตอนนั้นทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ กกท. ขึ้นเป็นรองผู้ว่าการ กกท.คนใหม่ และช่วงนั้น เหมือนทุกอย่างจะเงียบลง ปัญหาใน กกท.ไม่ค่อยมีข่าวคราวอะไรมากมาย …

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 2 : ผู้ว่าการสมชาย ก็ไม่รอด ต้องลาตำแหน่ง Read More »

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 1 : ดร.ณัฐต้องอำลาถิ่นหัวหมาก

ภาค 1.เด้งรองณัฐ-ก่อนลาออก บันทึกกีฬาไทยโดย Station THAI ขอเปิดประวัติศาสตร์วงการกีฬาปี พ.ศ.2539 โดยมองว่าปีนั้นทั้งปี แตกต่างจากปีอื่น ๆ แน่นอนเพราะ ระดับหัวแถวขององค์กรกีฬา โดนให้ออก ลาออก บีบออก ย้าย หรือโยกข้ามห้วยกันระนาว บันทึกเหล่านี้ใครที่เกี่ยวข้องคงโต้แย้งยากครับเพราะเป็นบันทึกจากสื่อในยุคนั้น ที่เขียนถึงกันแบบถ้วนหน้า เริ่มจากคำครหาและการลาออกของ “ดร.ณัฐ อินทรปาณ” ขณะนั้นเป็นรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายวิชาการ….หาคำตอบว่า ทำไม. จุดเริ่มต้นที่แตกหักคือ…..การประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด กกท. เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2539 โดยมีนายปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่ประธานบอร์ด กกท.โดยตำแหน่งนั้น หรืออาจจะเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นรัฐมนตรีกีฬา ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้นำเรื่องวาระอื่น ๆ เข้าสู่การหารือในบอร์ด กกท.ต่อกรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการประมูลอุปกรณ์ต่างๆ ในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติหัวหมาก (ที่กลายมาเป็นสนามราชมังคลากีฬาสถานในปัจจุบัน) ที่ตอนนั้นกำลังเริ่มวางแผนการก่อสร้าง และดำเนินการต่าง ๆ พร้อมๆ กัน ซึ่งพาดพิงถึงผู้ที่ดูแลการทำงานนี้อยู่คือ “ดร.ณัฐ” …

2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 1 : ดร.ณัฐต้องอำลาถิ่นหัวหมาก Read More »

การต่อสู้ครั้งเดียว ที่มีบันทึกไว้ว่าหนักที่สุด ของประวัติศาสตร์วงการกีฬา ในศึกชิงกันเป็นประมุขบ้านอัมพวัน ประธานโอลิมปิคไทย คราวนั้น!!!

     ตามบันทึกของวงการกีฬา ที่กล่าวถึงคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์กรกีฬาที่เกิดขึ้น เพื่อประสานงานกับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เพื่อดำเนินงานในประเทศไทย  ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2491 จนถึงปัจจุบัน กับเรื่องที่มาของผู้ที่จะได้รับตำแหน่งประมุขขององค์กรกีฬานี้ หรือที่เรียกว่า ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ นั้น แทบจะไม่มีอะไรที่หวือหวาให้น่าติดตามเลย เพราะส่วนใหญ่ถูกเชิญ หรือถูกรั้งไว้เพราะฐานอำนาจต่างๆ แบบไม่มีการแย่งชิงหรือท้าชิงอะไรกันหนักหนาให้ได้เห็น      ยกเว้นช่วงเดียว คือ ช่วงที่ “บิ๊กเหวียง” พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ซึ่งตอนนั้นนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคของไทยมาแล้ว 1 สมัย คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540-2544 และ เมื่อหมดวาระแรก ก็จะมีการเลือกผู้นำกันใหม่ ที่กำหนดไว้เป็นวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2544 ที่วงการกีฬาตอนนั้นเงียบสงบ พร้อมทั้งคาดหมายกันว่า “บิ๊กเหวียง” จะต้องได้เป็นผู้นำองค์กรนี้ ที่เราคุ้นกันเรียกว่า “บ้านอัมพวัน” ต่อเป็นสมัยที่สองอีก 4 ปี แน่นอน …

การต่อสู้ครั้งเดียว ที่มีบันทึกไว้ว่าหนักที่สุด ของประวัติศาสตร์วงการกีฬา ในศึกชิงกันเป็นประมุขบ้านอัมพวัน ประธานโอลิมปิคไทย คราวนั้น!!! Read More »

ตำนาน ‘จ่า’ ท้ารบ ‘เสธ.’ จ่าสิบเอกไฉน VS พันเอกอนุ

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ถูกบันทึกโดยหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า โคตรมันส์ ระหว่าง “จ่าไหน” หรือป๋าไหน จ.ส.อ.ไฉน ผ่องสุภา ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสตาฟฟ์ผู้ฝึกสอนทีมมวยสากลโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 23 ปี พ.ศ.2527 ซึ่งจัดแข่งขันที่ลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา ด้วยสไตล์ของ “ป๋าไหน” ที่เป็นคนตรงๆกล้าพูด จึงเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่าท้ารบกับ “เสธ.อนุ” พันเอก อนุ รมยานนท์ ที่สมัยนั้นถือเป็นผู้ทรงอำนาจทางการกีฬาเมืองไทย นั่งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาหลายแห่ง รวมทั้งการได้มาเจอกันกับ “จ่าไหน” ในฐานะตำแหน่งนายกสมาคมมวยสมัครเล่น ถ้าเทียบยศแล้ว ต้องถือว่าคนละชั้น และยิ่งถ้าเทียบอำนาจในวินาทีนั้น ยิ่งต้องบอกว่า “โคตรห่างไกล” ระหว่างทั้งสองคน…แต่จ่าไหน ไม่กลัว เสธ.อนุ เรื่องระหองระแหงตั้งแต่ก่อนไปแข่ง เมื่อสมาคมมวย แต่งตั้ง โจ เอ็ดเวิร์ด เคล้าส์ ผู้ฝึกสอนมวยจากสหรัฐมาทำหน้าที่ หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ช เพราะจ่าไหน ไม่ชอบสไตล์และแนวทางการทำมวยของ โจ แต่ก็ไปกันได้จนถึงการไปเก็บตัวที่สหรัฐ ข่าวเริ่มเปิดออกมาว่า ทีมมวยสากลไม่พอใจพฤติกรรมของโค้ชชาวอเมริกันคนนี้ที่เอาลูกเมียเข้าพักที่บ้านเช่าของทีมมวย และ มีเรื่องฉาวที่ถูกเปิดออกมาคือ ค่าเช่าที่พักที่สูงถึงเดือนละ 5 พันเหรียญสหรัฐ …

ตำนาน ‘จ่า’ ท้ารบ ‘เสธ.’ จ่าสิบเอกไฉน VS พันเอกอนุ Read More »

บอลไทย ชนะ เกาหลี ลุ้นสนุก ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

สื่อเกาหลีใต้ ตีข่าวใหญ่ บอลเกาหลี แพ้ไทย ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี พ.ศ.2541 ทีมไทยวันนั้น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เป็นฮีโร่ยิงประตูให้ไทย ชนะไป 2-1 ขณะที่ไทยเองเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนในสนาม ติดตามชมได้ที่ https://bit.ly/3v364hi  

“ยัน ขิ่น” นักกีฬาพม่า ในตำนานวันกีฬาแห่งชาติของไทย

ยัน ขิ่น นักกีฬาเหรียญทองแดงกีฬาเรือใบ ในการแข่งขันกีฬาเซียพเกมส์ หรือ กีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 เมื่อปี 2510 หลังจากคว้าเหรียญทองแดงแล้ว ก็ขอเปลี่ยนสัญชาติ มาเป็นคนไทย และได้ชื่อ เป็น นาย อดิสรณ์  ชาญพิเชฐ ได้ทำงานที่เมืองไทย และอยู่จนวาระสุดท้ายของชีวิตในเมืองไทย บันทึกนี้น่าจดจำ เพราะเขาคือคนในภาพประวัติศาสตร์วันกีฬาแห่งชาติของไทย ที่ต้องมีคนไทยจดจำนานเท่านาน ติดตามชมได้ที่  https://www.youtube.com/watch?v=S9IuVeOiV1I&t=21s

แปลกแต่จริงในวงการกีฬาไทย รับใช้ชาติไทยเป็นสิบปีแต่ไม่ใช่คนไทย

โรแลนด์ เฮอร์มเซ่น ยอดนักกีฬาไทย ผู้ติดทีมชาติในกีฬาวอลเลย์บอล ตั้งแต่เยาวชน จนทีมชาติชุดใหญ่ ร่วมแข่งขันซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ กีฬาทหารโลก แม้แต่ได้เป็นตัวแทนคนไทย วิ่งคบเพลิง โตเกียวเกมส์ ตั้งแต่ปี 2507 ที่ผ่านมายังไทย แต่ท้ายที่สุด เขาไม่ได้เป็นคนไทยที่แท้จริง ติดตาม เรื่องราวในชีวิตของเขาที่ต้องดิ้นรนกว่าสิบปีจนวัย 61 ปี จึงได้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ แต่ก็เหมือนชะตาคนที่โดนลงโทษ ในการได้เป็นคนไทยที่สมบูรณ์ตามที่เขาต้องการ เขาได้ชื่นชมชื่อใหม่นามสกุลใหม่เพียงไม่ถึงสองปีดี ก็ต้องจากโลกนี้ไป ติดตามเรื่องราวเขาได้ ที่ https://www.youtube.com/watch?v=oYePyy-xjN0&ab_channel=THAISportsAlmanac%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!