จุฬาฯ เปิดตัว แอปพลิเคชัน PDPlus ติดตามอาการผู้ป่วยพาร์กินสันแบบเรียลไทม์ เพิ่มคุณภาพชีวิต

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ โรงพยาบาลจุฬาฯ เปิดตัว แอปพลิเคชัน PDPlus ช่วยผู้ป่วยพาร์กินสันบันทึกอาการแบบ​ Real time พร้อมระบบเตือนทานยา เกมทดสอบประเมินการเคลื่อนไหว และระบบรายงานผลให้แพทย์ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) เป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาทที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สถิติปี 2553 ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคพาร์กินสันราว 60,000 คน ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขนี้ดูจะสูงขึ้นตามจำนวนประชากรสูงวัยในสังคมที่เพิ่มขึ้น โดยสถิติล่าสุด เผยว่า 3 % ของประชากรสูงวัยในประเทศมีอาการของโรคพาร์กินสัน (ราว 360,000 คน จากจำนวนประชากรสูงวัยราว 12 ล้านคนในปัจจุบัน)

โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่รักษาได้ โดยการรักษาหลักจะเป็นการรักษาด้วยยาเพื่อควบคุมอาการของโรค เช่น
อาการสั่น อาการเคลื่อนไหวช้า อาการแข็งเกร็ง การทรงตัวผิดปกติ อาการเดินติดก้าวไม่ออก
หากโรคดำเนินไปมากขึ้น จะมีการตอบสนองต่อยาไม่สม่ำเสมอ มีช่วงเวลาที่ตอบสนองต่อยาลดลง และมีระยะเวลาที่อาการดีลดลง หรือมีอาการหมดฤทธิ์ยาก่อนมื้อยาถัดไป มีอาการยุกยิกหรืออาการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ

“อาการของผู้ป่วยพาร์กินสัน จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในแต่ละวัน แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยบันทึกอาการและการรับประทานยาอย่างละเอียด ซึ่งการเขียนบันทึกข้อมูลลงกระดาษ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแลเท่าไรนัก” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พญ.พัทธมน ปัญญาแก้ว และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.พญ.อรอนงค์ โพธิ์แก้ววรางกูล กล่าวถึงที่มาของความร่วมมือกับทีมจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในการออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชัน PDPlus เพื่อตอบโจทย์การดูแลผู้ป่วยโรคพาร์กินสันอย่างครอบคลุม

“เป้าหมายในการรักษาโรคพาร์กินสัน ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คือการทำให้อาการของผู้ป่วยไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน​ ซึ่งการพัฒนาแอปพลิเคชันนี้ก็มีเป้าหมายเดียวกัน ผู้ป่วยสามารถบันทึกอาการได้ทันที มีระบบเตือนการทานยา มีเกมที่เป็นแบบทดสอบประเมินการเคลื่อนไหว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสังเกตและเข้าใจอาการตัวเองมากขึ้นว่าอยู่ในระดับใด รวมถึงมีระบบรายงานผลวิเคราะห์ข้อมูลอาการผู้ป่วยอย่างละเอียดเพื่อให้แพทย์ติดตามอาการผู้ป่วยได้อย่างใกล้ชิด และปรับยาตามอาการได้ง่ายขึ้น” ผศ.พญ. พัทธมน กล่าว

แอปพลิเคชัน​ PDPlus เริ่มนำร่องใช้งานในกลุ่มผู้ป่วยของทางศูนย์ฯ แล้ว และได้เสียงตอบรับที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ป่วยสามารถใช้แอปพลิเคชันนี้บันทึกอาการและทำแบบทดสอบประเมินอาการ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาล

ผศ.(พิเศษ)ดร.พญ.อรอนงค์ กล่าวเสริมว่า แอปพลิเคชัน PDPlus เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และกลุ่มผู้ป่วยอื่น ๆ ที่ต้องการทำแบบทดสอบประเมินการเคลื่อนไหว เช่น กลุ่มผู้ป่วยพาร์กินโซนิซึ่ม กลุ่มผู้ป่วยที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก โรคคอบิดเกร็ง เป็นต้น และไม่จำเพาะว่าต้องเป็นผู้ป่วยของศูนย์ฯ เท่านั้น

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน PDPlus ประกอบด้วย 3 ฟังก์ชันหลักด้วยกัน คือ

1. บันทึกอาการผู้ป่วยแบบ real time พร้อมสรุปอาการรายวันให้ผู้ป่วยทราบอาการของตนเองในแต่ละวัน
ผู้ป่วยสามารถกดเลือกอาการตามจริง จากตัวเลือก “ปกติ แย่ ยุกยิก” และถ้าแย่ ลักษณะอาการเป็นแบบใด เช่น อาการสั่น เกร็ง เคลื่อนไหวช้า ก้าวขาไม่ออก แข็ง เป็นต้น ต่อจากนั้น ก็สามารถระบุความรุนแรงของอาการว่า “พอทำกิจกรรมได้” หรือ “รบกวนชีวิต” และเมื่ออาการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ก็ให้กดเลือกอาการตามจริง นอกจากนี้ ยังมีการสรุปผลอาการในแต่ละวันให้ผู้ป่วยทราบว่า อาการดี หรือ อาการแย่

2. รับประทานยาถูกต้อง ตรงเวลา ด้วยระบบเตือนการรับประทานยา
ระบบในแอปพลิเคชันจะช่วยเตือนว่าผู้ป่วยต้องรับประทานยากี่ตัว ปริมาณเท่าไร ยามื้อถัดไปคือกี่โมง​ ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยไม่ลืมรับประทานยา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผู้ป่วยโรคพาร์กินสันบางรายจำเป็นจะต้องรับประทานยาถี่ ทุก 3-4 ชั่วโมง หรือรับประทานยาครั้งละหลายตัว บางรายมีทั้งยารับประทาน ยาแปะ

เมื่อรับประทานยาแล้ว ระบบก็ให้กดบันทึกว่า “รับประทานยาไปแล้ว” เพื่อให้แพทย์รู้ว่าผู้ป่วยรับประทานยาตรงเวลาหรือไม่ และผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ยาออกฤทธิ์ช้า หรือหมดฤทธิ์เร็วก่อนยามื้อถัดไป หรือมีอาการยุกยิกหลังรับประทานยา หากอาการไม่ดีทั้ง ๆ ที่รับประทายยาตรงเวลา แพทย์จะได้ปรับยาให้ตรงกับผู้ป่วย

3. เกมแบบทดสอบการเคลื่อนไหวสำหรับประเมินการเคลื่อนไหว
เกมหรือแบบทดสอบ​ในแอปพลิเคชัน ไม่เพียงช่วยประเมินการเคลื่อนไหว แยกอาการผู้ป่วยพาร์กินสัน​กับคนปกติ​เท่านั้น​ แต่ยังใช้ประเมินอาการของผู้ป่วย​ในแต่ละช่วงว่าอาการดีหรือไม่ดี เกมและแบบทดสอบใช้สื่อเสียงและสี เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้สูงอายุ ให้อยากเล่น และรู้สึกสนุกที่เล่นอย่างต่อเนื่อง​ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ติดตามอาการของผู้ป่วยได้โดยละเอียด

เกมมีทั้งการทดสอบการเคลื่อนไหวและการใช้ความคิดในกิจกรรมเดียว​ ผู้ป่วยในกลุ่มพาร์กินสัน นอกจากจะมีปัญหาในการเคลื่อนไหวแล้ว​ ยังมีการคิดการตัดสินใจและความจำถดถอยด้วย ดังนั้น การให้ผู้ป่วยทำสองอย่างพร้อมกัน หรือทำสลับไปมา ก็จะช่วยให้เปรียบเทียบอาการได้ว่าผู้ป่วยทำได้ดีขึ้นหรือไม่​ และการแสดงผลมีความถูกต้องแม่นยำและน่าเชื่อถือมากกว่าการให้ผู้ป่วยทดสอบการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียว​

อย่างไรก็ตาม ผศ.พญ. พัทธมน และ ผศ.(พิเศษ) ดร.พญ.อรอนงค์ กล่าวถึงแผนพัฒนาแอปพลิเคชัน PDPlus ติดตามอาการ​ผู้ป่วยพาร์กินสันในอนาคตว่า จะเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ป่วยสามารถรีเช็กอาการของตัวเองได้​ทันที เมื่อผู้ป่วยกดบันทึกอาการ​ ระบบจะเชื่อมต่อให้ผู้ป่วยทำแบบทดสอบวัดประเมินอาการโดยอัตโนมัติ เช่น หากผู้ป่วยรู้สึกว่ามีอาการสั่น ก็กดบันทึกและทำแบบทดสอบว่า มีอาการสั่นจริงหรือไม่ หรือแบบนี้ไม่เรียกว่าอาการสั่น

ในส่วนของแบบทดสอบประเมินการเคลื่อนไหวก็จะเพิ่มเติมแบบทดสอบสำหรับวัดประเมินกลุ่มอาการอื่น ๆ เช่น อาการอ่อนเพลีย หรือปัญหาการนอน การทรงตัวและการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

“เราอยากให้มีการใช้แอปพลิเคชันนี้ในวงกว้างมากขึ้น ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน แต่อยากขยายไปจนถึงกลุ่มคนปกติ เพราะการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานไม่ได้มีประโยชน์เพียงติดตามอาการ แต่ข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็นฐานข้อมูลใหญ่ ระดับ Big data เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวินิจฉัยแยกโรคในอนาคตว่า ลักษณะอาการแบบนี้ จัดเป็นกลุ่มคนปกติ หรือกลุ่มผู้ป่วยพาร์กินสัน หรือกลุ่มผู้ป่วยโรคอื่น รวมไปถึงการพยากรณ์โรคในระยะเริ่มต้น หรือใช้ในการพัฒนาการรักษาใหม่ ๆ ในอนาคต” ผศ.(พิเศษ) ดร.พญ.อรอนงค์ กล่าวทิ้งท้าย

ดาวน์โหลดและสมัครใช้งานแอปพลิเคชัน PDPlus ได้ทั้งทาง App Store (https://apps.apple.com/do/app/pdplus-movement-diary/id1580906294)
และ Play Store (https://play.google.com/store/apps/details?id=swoft.pdplus) หากมีข้อสงสัยในการใช้งานแอปพลิเคชัน สอบถามได้ทางแอปพลิเคชัน Official Line ID: ChulaPD

 

RANDOM

สพฐ. เดินหน้าหนุนการเรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เฟส 2 ขับเคลื่อนการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีดิจิทัลต่อเนื่อง พร้อมเช่าอุปกรณ์การเรียนการสอน รองรับ 29,312 โรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ

NEWS

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ ม.ศรีปทุม เชิญชวนน้อง ๆ เยาวชน ร่วมประกวดไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ในหัวข้อ “WellTech Entrepreneur : Good Health and Well-being” ชิงทุนการศึกษา ส่ง Concept Idea เข้าประกวดได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 10 พ.ค. 67

error: Content is protected !!