มทร.พระนคร ร่วมมือ ตำรวจนครบาล พัฒนาเว็บไซต์ “ฉลาดโอน.com” ป้องกันและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เปิดเผยว่า ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ผนวกกับ สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 (COVID-19) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้การซื้อขายสินค้า และการทำธุรกรรมทางการเงินในการชำระค่าบริการ หรือสินค้าต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า ธุรกรรมออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะสะดวกทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน แต่ก็แฝงด้วยภัยคุกคามจากผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาศัยช่องโหว่ ทั้งจากคน ระบบ และกระบวนการ ตลอดจนข้อกฎหมายที่ยังมีจุดอ่อน แอบแฝงเข้ามาหาผลประโยชน์ด้วยกลโกงรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความเสียหาย

กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ภายใต้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงได้สนับสนุนทุนวิจัย เพื่อให้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาระบบต้นแบบ  เพื่อช่วยในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดของมิจฉาชีพออนไลน์ โดยได้บูรณาการความร่วมมือกันระหว่าง ทีมอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร นำโดย ดร.เทอดพงษ์ แดงสี อาจารย์กร พวงนาค กับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 และงานประชาสัมพันธ์

ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางโครงการได้จัดทำแนวทางพัฒนาระบบต้นแบบ เพื่อสนับสนุนงานป้องกันและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ สำหรับช่วยในการติดตามหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ตาม พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และเป็นตัวกลางให้ประชาชนสามารถตรวจสอบคนโกง เบอร์โทรหลอกหลวง SMS หลอกหลวง และเป็นศูนย์ตรวจสอบรายชื่อบัญชีมิจฉาชีพออนไลน์ ผ่านศูนย์ปฏิบัติการเว็บไซต์ “www.ฉลาดโอน.com” เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจโอนเงินชำระค่าสินค้าหรือบริการต่าง ๆ

ด้าน ดร.เทอดพงษ์ แดงสี อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหัวหน้าโครงการ “การออกแบบและพัฒนาระบบต้นแบบเพื่อสนับสนุนงานป้องกันและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์” เปิดเผยว่า ปัจจุบันการทำธุรกรรมออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสั่งสินค้า อาหาร กู้เงินผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากสะดวกสบาย ซึ่งหากผู้ซื้อหรือผู้ขายที่ไม่ได้ทำการตรวจสอบตัวตนจริงของบุคคลที่ทำธุรกรรมด้วยความละเอียดถี่ถ้วน อาจทำให้มิจฉาชีพใช้ช่องโหว่ดังกล่าว ในการกระทำความผิดเพื่อหลอกเหยื่อผ่านช่องทางออนไลน์  การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการได้มีการรวบรวมข้อมูลมิจฉาชีพออนไลน์ ปัญหา และช่องโหว่ของคนโกงไว้ ณ ปัจจุบัน มากกว่า 80,000 รายการ พร้อมจะแบ่งปันความรู้ แนวทาง เทคนิคการเอาผิดดำเนินคดี อายัดบัญชีของคนโกง เพื่อจะได้ไม่ให้มีประชาชนถูกหลอกลวงโดยไม่รู้ตัวอีกต่อไป

โดยทาง เว็บไซต์ฉลาดโอน จัดกลุ่มการบริการออกเป็น 6 รูปแบบ คือ 3 เช็ก 2 ประเมิน 1 แจ้ง โดยมีรายละเอียด คือ เช็ก ชื่อบัญชี หรือเลขบัญชีคนโกง เพื่อป้องกันก่อนโอนเงิน เช็ก ตัวตนจริงของผู้ขาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เกิดความมั่นใจก่อนการโอน ประเมิน บัญชีโซเชียล เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้า หรือบุคคลที่ต้องการทำธุรกรรมด้วย ประเมิน เอกสารหลักฐานการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้ผู้เสียหายรับทราบถึงโอกาสในการแจ้งความดำเนินคดีสำเร็จ และ แจ้ง รายชื่อคนโกง เพื่อสร้างเครือข่ายผู้เสียหายร่วม ทำให้การดำเนินคดีมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

“จากที่ได้ทราบข้อมูลจากผู้เสียหายหลายราย ไม่สามารถหาหลักฐานมาเอาผิดมิจฉาชีพได้ เพราะมักจะมีการใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือบัญชีธนาคาร ที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ รวมถึงมูลค่าความเสียหายน้อย ทำให้ผู้เสียหายไม่อยากเสียเวลาในการแจ้งความดำเนินคดี จึงทำให้มิจฉาชีพเหล่านี้ได้กระทำความผิดในรูปแบบเดียวกันกับผู้เสียหายอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีมูลค่าความเสียหายรวมกันมหาศาล ดังนั้นการพัฒนาระบบที่เป็นศูนย์ข้อมูลกลาง เช่น ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ ของ ผู้กระทำความผิด บัญชีธนาคาร ประวัติ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลก่อนการทำธุรกรรม นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อ และช่วยลดความเสียหาย หรือโอกาสสูญเสียได้ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ ฝากให้ประชาชน และผู้เสียหายทุกคนเข้ามาใช้บริการตรวจสอบข้อมูล หรือช่วยกันแจ้งข้อมูลของมิจฉาชีพต่าง ๆ ได้ที่ เว็บไซต์ www.ฉลาดโอน.com นอกจากนี้ ทางเว็บไซต์ยังมีช่องทางการติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน LINE ที่ให้บริการแนะนำหรือให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ถูกโกง หรือผู้เสียหายที่ต้องการขอคำแนะนำ หรือขอความช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วย” ดร.เทอดพงษ์ กล่าว

RANDOM

NEWS

สำนักงาน ป.ป.ช. เชิญชวนผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดบทความวิชาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2567 ชิงเงินรางวัลรวม 185,000 บาท ส่งบทความได้ ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 14 พ.ค. 2567

error: Content is protected !!