สสวท. ชวนเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านวัฒนธรรม “เทียนพรรษาทำมาจากอะไร?” เรียนรู้จากห้องเรียนวิทย์มีชีวิต ที่แหล่งเรียนรู้ประเพณีแห่เทียน จ.อุบลราชธานี

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

เมื่อถึงช่วงเทศกาลเข้าพรรษา หนึ่งในประเพณีที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย คือ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานี ประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นงานบุญประเพณีที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ของจังหวัด โดยมีการจัดงานสืบทอดกันมากว่า 100 ปี มีการจัดขบวนแห่เทียนพรรษาที่แกะสลักอย่างสวยงามตระการตา และมีการแสดงต่าง ๆ เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอีกด้วย นอกจากนี้ แหล่งเรียนรู้แห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ยังเป็นแหล่งรวมภูมิปัญญาและงานศิลป์ที่ผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง นอกจากความงามที่ตื่นตาตื่นใจ เทียนพรรษายังเป็นประตูบานหนึ่งที่พาเราไปสู่การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่อง “เทียนพรรษาทำมาจากอะไร?”

เทียนพรรษา : ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

เทียนพรรษา คือ เทียนขนาดใหญ่ที่จุดถวายพระภิกษุสงฆ์ในช่วงเข้าพรรษา แต่ในบริบทของงานแห่เทียน ถูกแปรเปลี่ยนจากเทียนถวายพระสงฆ์ให้กลายเป็นประติมากรรมแสนวิจิตร ซึ่งล้วนเริ่มต้นจาก “ขี้ผึ้ง” วัสดุหลักในการหล่อเทียน

โดยปกติขี้ผึ้งที่ใช้ทำเทียนมักได้จาก 2 แหล่งหลัก ได้แก่

1. ขี้ผึ้งธรรมชาติ (Beeswax) เป็นไขมันที่ผึ้งผลิตขึ้น เพื่อสร้างรังผึ้ง
2. พาราฟิน (Paraffin Wax) เป็นสารสังเคราะห์จากปิโตรเลียม มีราคาถูกกว่า และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

สารทั้งสองชนิดนี้ มีคุณสมบัติที่ทำให้สามารถหล่อขึ้นรูปได้ดี เมื่ออุ่นให้เกิดการหลอม และจะแข็งตัวเมื่อเย็นลง นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปผสมสีและกลิ่นได้ตามต้องการ โดยใช้ความรู้พื้นฐานทางเคมีที่เกี่ยวข้อง เช่น จุดหลอมเหลว ความหนืด และ การเปลี่ยนสถานะของสาร

เทียนกับการทดลองในห้องเรียน

กิจกรรมทดลองวิทยาศาสตร์อย่างง่ายที่สามารถทำได้ เช่น การเปรียบเทียบอัตราการหลอมเหลวของขี้ผึ้งชนิดต่าง ๆ การทดลองผสมสีในขี้ผึ้ง หรือการศึกษาการติดไฟของไส้เทียน กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความเข้าใจในสมบัติของวัสดุ แต่ยังช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และความตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

แหล่งเรียนรู้ประเพณีแห่เทียน : ห้องเรียนวิทยาศาสตร์มีชีวิต

แหล่งเรียนรู้ประเพณีแห่เทียนที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกงานหัตถศิลป์ โดยมีการจัดแสดงกระบวนการทำเทียนพรรษาแบบดั้งเดิม ตั้งแต่ การเตรียมขี้ผึ้ง การหล่อ การแกะสลัก ไปจนถึงการตกแต่งด้วยเทคนิคขั้นสูง

สถานที่ดังกล่าวจึงไม่ใช่เพียงพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แต่เป็น “ห้องเรียนมีชีวิต” ที่ผสานทั้งศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น เข้าไว้ด้วยกัน นักเรียนสามารถเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรมเวิร์กชอป ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจ ให้เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ไม่ได้มีเฉพาะในตำรา แต่ปรากฏอยู่รอบตัวเราทุกที่

สสวท. กับแนวทางการเรียนรู้ผ่านแหล่งเรียนรู้จริง

สสวท. ส่งเสริมให้ครูและนักเรียนใช้แหล่งเรียนรู้จริง เป็นฐานในการพัฒนาทักษะการสังเกต การตั้งคำถาม และการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ เพราะการเรียนรู้ที่ผสมผสานบริบทท้องถิ่น จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของวิทยาศาสตร์ ในชีวิตประจำวันอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน

การเรียนรู้เรื่อง “เทียนพรรษาทำมาจากอะไร” จึงไม่ใช่แค่การรู้วัตถุดิบ แต่ยังสะท้อนถึงกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่คู่สังคมไทย

หากเราตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว อย่างมีวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน แม้แต่เทียนพรรษาในงานประเพณี ก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่สนุกและสร้างสรรค์ได้ ดังนั้น เทศกาลเข้าพรรษาครั้งนี้ ลองชวนกันไปเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้แห่เทียนพรรษา และร่วมค้นหาคำตอบของคำถามง่าย ๆ ว่า “เทียนพรรษาทำมาจากอะไร?” แล้วคุณอาจจะได้พบกับโลกของวิทยาศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ในแสงเทียนอย่างไม่คาดคิด เรียนรู้วิทยาศาสตร์รอบตัวไปกับ สสวท. ได้ที่ คลังความรู้ SciMath สสวท. สนใจคลิกที่ https://www.scimath.org/fieldtrip-northeastern/item/13384-2024-10-19-20-56-54-30

RANDOM

NEWS

บันทึกกีฬาไทย ขอย้อนอดีตกับผลงาน ของ พลตรี อาณัติ รัตนพล ผู้ซึ่งคือ ยอดนักวิ่งระดับตำนาน ที่สร้างผลงานต่อเนื่องให้กับประเทศไทย ในลู่วิ่ง และในนามทีมชาติไทย มาเก็บไว้ที่นี่ The Station THAI

สมาคมถ่ายภาพฯ เชิญชวนผู้สนใจส่งภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ “ภูเขา” ที่สวยงามจากทั่วประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “ภาพสุดชิวกับวิวเขา” โดยภาพที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด 24 ภาพ จะได้รับรางวัลภาพละ 40,000 บาท เปิดรับผลงานตั้งแต่บัดนี้ – 24 กรกฎาคม

การไฟฟ้านครหลวง ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยฯ เชิญชวนผู้สนใจส่งผลงานร่วมประกวดภาพถ่าย “มหานครไร้สาย สู่ความทันสมัยแห่งอนาคต” ภายใต้ “โครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน” ชิงรางวัลรวม 120,000 บาท ส่งผลงานได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 15 สิงหาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!