วิศวกรรมโยธา มจธ. เจ๋ง คิดค้นโครงสร้างต้านทานแผ่นดินไหว ระบบ HYSC นวัตกรรมในวันที่โลกสะเทือน

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

เมื่อแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยอีกต่อไป โดยเฉพาะหลังเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูดในเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึง 24 จังหวัดของไทย รวมถึงกรุงเทพฯ จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่า ประเทศไทยไม่ได้ปลอดภัยจากภัยแผ่นดินไหวอีกต่อไป และในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณใกล้แนวรอยเลื่อนหลัก กำลังเผชิญความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างอาคารจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ

ทีมวิจัยและอาจารย์ที่ปรึกษา

จากโจทย์ระดับประเทศนี้ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้แก่ “นัท” นายศิรวิทย์ เทียนทอง “ฟาโรห์” นายนภัสกร วงษ์หิรัญ และ “ทัช” นายปาณทัช ทองอู๋ ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการวิจัย “Seismic Performance of Self-Centering Column-Foundation Connections with Energy Dissipating Bolts หรือ การศึกษาพฤติกรรมการต้านทานแผ่นดินไหวของรอยต่อเสา-ฐานราก ระบบคืนศูนย์ด้วยตนเองทำงานร่วมกับสลักเกลียวสลายพลังงาน” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อจำกัดความเสียหายให้อยู่เฉพาะจุดเชื่อมต่อของโครงสร้างระบบสำเร็จรูป (Precast system) แทนที่จะกระจายไปสู่โครงสร้างหลักอย่างเสาและคาน ซึ่งซ่อมแซมได้ยาก และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ผศ. ดร.เอกชัย อยู่ประเสริฐชัย อาจารย์ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง

หลักการทำงาน 1

งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาระบบเชื่อมต่อระหว่างเสากับฐานรากแบบใหม่ เรียกว่า Hybrid Column Shoe Connection (HYSC) ซึ่งสามารถสลายพลังงานจากแผ่นดินไหว ลดความเสียหายของโครงสร้างหลัก และคืนตัวกลับสู่ตำแหน่งเดิม หลังการสั่นไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเชื่อมต่อแบบแห้ง (dry connection) ร่วมกับ ลวดอัดแรงแบบดึงทีหลัง (post-tensioned tendons) และสลักเกลียวช่วยในการสลายพลังงาน (energy-dissipating bolts) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ปลอดภัย ลดต้นทุนรวมถึงระยะเวลาก่อสร้าง

หลักการทำงาน 2

ระบบ HYSC ได้รับการออกแบบให้สามารถควบคุมความเสียหายให้อยู่เฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างเสากับฐานรากเท่านั้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบโครงสร้างหลัก เช่น ตัวเสา หรือ ฐานราก การใช้ลวดอัดแรงแบบดึงทีหลังประมาณ 50% ของกำลังประลัย จะช่วยเพิ่มความสามารถในการคืนรูปของโครงสร้างหลังจากได้รับแรงแผ่นดินไหว เช่นเดียวกับ การออกแบบสลักเกลียว (bolts) ให้มีขนาดหน้าตัดลดลงอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถสลายพลังงานจากการสั่นไหวได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อเสา โครงสร้างจึงสามารถฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องรื้อถอนหรือซ่อมแซมในวงกว้าง ซึ่งเป็นการลดทั้งต้นทุนและเวลาสำหรับการก่อสร้าง และการบำรุงรักษาในระยะยาว” นายปาณทัช ทองอู๋ เล่าถึงแนวคิดหลักของงานวิจัย

ตัวอย่างโครงสร้าง

ด้าน นายศิรวิทย์ เทียนทอง เล่าเสริมว่า ระบบ HYSC ถูกพัฒนาขึ้น โดยอิงจากสถานการณ์จริงของอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยประสบภัยแผ่นดินไหวในปี 2557 โดยในครั้งนั้น พบว่า อาคารส่วนใหญ่เกิดความเสียหายที่จุดต่อ และไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ทันที แม้โครงสร้างจะยังคงแข็งแรงอยู่ นวัตกรรมนี้จึงเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะอาคารที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งอาจไม่สามารถใช้ระบบป้องกันแผ่นดินไหวที่มีต้นทุนสูงเช่นในต่างประเทศได้

ตัวอย่างความเสียหายจากโครงสร้างแบบเดิม

“ตอนเราทดลองเทียบกับระบบเดิมที่ใช้อยู่ทั่วไป พบว่า ระบบ HYSC ควบคุมความเสียหายให้อยู่แค่ตรงจุดต่อ ไม่ลามไปถึงเสา แบบระบบ Monolithic Shoe Connection (MOSC) ซึ่งเป็นระบบแบบเดิม และโครงสร้างยังสามารถคืนตัวได้หลังจากเกิดการเคลื่อนตัวทางข้างถึง ±4.5% ซึ่งระบบ MOSC ทำไม่ได้ ที่สำคัญ คือ HYSC ดูดซับพลังงานได้มากขึ้น จากเดิมสลายพลังงานได้แค่ 12.5% เพิ่มเป็น 22.5% โดยที่ความแข็งแรงโดยรวมไม่ได้ลดลงเลย” นายนภัสกร วงษ์หิรัญ เล่าถึงผลการทดสอบที่เกิดขึ้น

ตัวอย่างความเสียหายจากโครงสร้างแบบใหม่ ระบบ HYSC

ผศ.ดร.เอกชัย อยู่ประเสริฐชัย อาจารย์ที่ปรึกษา ได้กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมนี้ว่า สิ่งที่นักศึกษาได้เรียนรู้จากโครงการนี้ ไม่ใช่แค่ทฤษฎีในตำรา แต่คือการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาจริง ผ่านกระบวนการคิด ทดลอง และเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งนี่คือหัวใจของวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นเป้าหมายของภาควิชาที่ต้องการสร้างบัณฑิตที่พร้อมทำงานจริงในภาคอุตสาหกรรม ที่สำคัญ คือ ผลงานนี้แสดงให้เห็นว่า การออกแบบโครงสร้างที่รับแรงแผ่นดินไหวได้ดี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีราคาแพงจากต่างประเทศเสมอไป แต่วิศวกรไทยควรมีทางเลือกในการออกแบบที่ยืดหยุ่น ใช้วัสดุในประเทศ ต้นทุนไม่สูง และเหมาะกับบริบทของพื้นที่เสี่ยงในประเทศไทย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่ความปลอดภัย และเป็นหลักประกันของคนไทยในอนาคต

แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในระดับการทดลองเชิงวิชาการ แต่ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำไปต่อยอดใช้จริงในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐและเอกชนเริ่มให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยทางโครงสร้างที่สามารถลดความเสียหายและความสูญเสียจากแผ่นดินไหวทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนไทย นวัตกรรมที่พัฒนาโดยนักศึกษาวิศวกรรมโยธา มจธ. ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การ “ออกแบบจุดเชื่อมต่อ” แต่คือการ “เชื่อมโยงสู่อนาคต” ที่ปลอดภัยของคนไทยจากภัยแผ่นไหวที่อาจเกิดขึ้นอีก

RANDOM

กสศ. ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายการศึกษา จัดเทศกาล “FutureEd Fest 2024” มหกรรมสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักนวัตกรรมการศึกษา เพื่อสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้เพื่ออนาคต ในวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก

ป.ป.ช. เชิญชวนนักเรียน นักศึกษา บุคลากรภาครัฐและเอกชน ร่วมประกวดบทความวิชาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2567 ชิงเงินรางวัลรวม 185,000 บาท หมดเขตสมัครและส่งผลงาน 14 พ.ค. นี้

NEWS

กองทุนศรีบูรพา เชิญส่งผลงานประกวดวรรณกรรมรางวัล ยังศรีบูรพา (Young Sriburapha) ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 โดยมีแนวคิดของศรีบูรพาที่ว่า “ผู้ใดเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้นั้นเกิดมาสำหรับคนอื่น” อยู่ด้วย ส่งผลงานได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 31 กรกฎาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!