สพฐ. เดินหน้าแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ด้วยนวัตกรรมการศึกษาแบบยืดหยุ่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ เพิ่มโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเส้นทางสู่การจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นด้วย 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ (ครั้งที่ 1) ผ่านระบบ Online กล่าวว่า เพื่อป้องกันปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ในช่วงเปิดภาคเรียน ปี 2568 นี้ ผ่านการจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น สอดคล้องกับเงื่อนไขชีวิตของเด็กทุกคน และสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่ง สพฐ. มีทิศทางและนโยบายสนับสนุนการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 15 ที่ได้กำหนดให้สถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้ 3 รูปแบบ คือ 1. การจัดการศึกษาในระบบ เหมือนหลักสูตรทั่วไปตามโรงเรียน 2. การศึกษานอกระบบ สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม และ 3. การศึกษาตามอัธยาศัย เรียนรู้ตามศักยภาพและความสนใจ

การดำเนินงาน 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ มีความก้าวหน้าที่สำคัญ คือ ได้ประกาศใช้คู่มือแนวทางการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ สำหรับสถานศึกษา ในสังกัด สพฐ. ปัจจุบันมี 54 โรงเรียนต้นแบบฯ เพื่อแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา โดยความร่วมมือระหว่าง กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ได้เริ่มต้นจุดประกายการจัดการศึกษาดังกล่าว และการขยายนวัตกรรม 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ให้ครอบคลุมอย่างน้อย 1 อำเภอ 1 สถานศึกษาที่ยืดหยุ่น ซึ่งหัวใจสำคัญของ 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ คือ การจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น โดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน ตามความถนัดอย่างเต็มศักยภาพ

พร้อมกันนี้ สพฐ. ยังได้ดำเนินโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” (OBEC Zero Dropout) ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ ในการทำงานร่วมกับ กสศ. โดยมีแนวทาง ดังนี้ 1. มาตรการค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ผ่านการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การค้นพบเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา 2. มาตรการติดตาม ช่วยเหลือ ส่งต่อ และดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา โดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแต่ละราย ทั้งด้านการศึกษา สุขภาวะ พัฒนาการ สภาพความเป็นอยู่ และ สภาพสังคม 3. มาตรการจัดการศึกษาและเรียนรู้แบบยืดหยุ่นมีคุณภาพ เหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาและพัฒนาเต็มศักยภาพของตนเอง และ 4. มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษา หรือ เรียนรู้ มีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหรือการเรียนรู้ ในลักษณะ Learn to Earn ให้เด็กและเยาวชน อายุ 15-18 ปี ได้พัฒนาทักษะการทำงานที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เหมาะสมตามศักยภาพ และมีรายได้เสริมระหว่างการศึกษา ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ได้เร่งดำเนินการร่วมกับ กสศ.

ขอบคุณข้อมูลจาก สพฐ.

RANDOM

กองทุนกีฬาเปิดทางฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ “ลดขั้นตอนให้สมาคมกีฬาเบิกงบ” แล้ว ด้าน”รองชุม” ระบุถึงจะช่วยแล้วแต่สมาคมต้องจัดการงานตัวเอง 28 เม.ย.66 ให้ยืนยันแผนงาน ไม่อย่างนั้นอาจจะมีปัญหา!!

NEWS

ซีพีแรม เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมปลุกจิตสำนึกรักษ์โลก ลด Food Waste ส่งผลงานเข้าประกวดคลิปวิดีโอ TikTok “ขอแค่ไม่ทิ้ง ก็เปลี่ยนโลกได้แล้ว” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 70,000 บาท สมัครและส่งผลงานได้ถึง 30 กันยายน

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!