มูลนิธิเอสซีจี เปิดแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ผ่านหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล สร้างการอยู่รอดให้เยาวชน จบไว มีงานทำ

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

จากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และ สภาการพยาบาล ได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการผลิตบุคลากร “ผู้ช่วยพยาบาล” เข้ามาช่วยและแบ่งเบางานของพยาบาล แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่คลี่คลายมากนัก เพราะอัตราส่วนพยาบาลต่อจำนวนประชากร ยังคงเป็น 1 ต่อ 250 และตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2577 จะต้องผลิตบุคลากรเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้อัตราส่วนพยาบาลต่อประชากรเป็น 1 ต่อ 200 ก็ตาม

โรงพยาบาลศิริราช ในฐานะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ นอกจากการผลิตแพทย์และพยาบาลให้กับวงการแพทย์แล้ว ยังได้เปิด “หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล” ขึ้น เพื่อผลิตบุคลากรมาช่วยในส่วนงานของโรงพยาบาลศิริราช และ สถานพยาบาลในเครือข่าย โดยเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนภายใต้การบริหารจัดการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และจากความต้องการผู้ช่วยพยาบาล ทำให้เกิดเป็นความร่วมมือกับ มูลนิธิเอสซีจี ในการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในหลักสูตรนี้ มาตั้งแต่ ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน

ที่ผ่านมา มูลนิธิเอสซีจี สนับสนุนทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการให้ทุนในสาขาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ตามแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน ได้มีการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในสายอาชีพ ทั้งทักษะวิชาชีพและทักษะชีวิตอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในโลกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง เช่น การสนับสนุนทุนการศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตร “ผู้ช่วยพยาบาล” กับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 179 ทุน เป็นงบประมาณกว่า 4 ล้านบาท

รศ.นพ. ตรีภพ เลิศบรรณพงษ์ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในปัจจุบันเรายังขาดแคลนบุคลากรจำนวนมาก แม้ว่าจะมีแผนเพิ่มอัตราการผลิตบุคลากรให้มากขึ้น แต่สถาบันที่ผลิตบุคลากรนั้นยังมีจำกัด และแต่ละแห่งยังมีข้อจำกัดในขีดความสามารถในการผลิตบุคลากรในจำนวนที่จำกัดด้วย ในส่วนของศิริราชเอง สามารถผลิตผู้ช่วยพยาบาลได้ปีละประมาณ 200 คน ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งของภายในโรงพยาบาลและในตลาดแรงงาน ทำให้พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลในปัจจุบัน ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักและทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน

“เมื่อก่อนเรามุ่งผลิตพยาบาลเป็นหลัก แต่กว่าจะได้พยาบาล 1 คน ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี ทั้งที่งานของพยาบาลหลายส่วนไม่ได้ซับซ้อนมากนัก สามารถโอนให้ผู้ช่วยพยาบาลรับผิดชอบได้ ซึ่งผู้ช่วยพยาบาลใช้เวลาในการเรียนเพียง 1 ปี หากเราผลิตผู้ช่วยพยาบาลได้ เหมือนเราได้พยาบาลเพิ่มมาอีก 4 เท่า นอกจากนี้ อาชีพผู้ช่วยพยาบาลยังเป็นอาชีพที่มีโอกาสเติบโตได้ ทั้งในสายอาชีพและการเรียนต่อ ทำให้หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากเยาวชนเพิ่มมากขึ้น

ด้าน คุณรัชนีพร ภัทรปกรณ์ หัวหน้าโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล กล่าวเสริมว่า โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลมุ่งสร้างผู้ช่วยพยาบาลที่มีความรู้ความสามารถ มีเจตคติที่ดีในการประกอบอาชีพ ผ่านการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตามหลักสูตรและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาตนเองและทักษะที่จำเป็น เช่น ทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะด้านภาษา และทักษะเรื่องการทำงานเป็นทีม เพราะในการทำงานจริง ผู้ช่วยพยาบาลจะต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก ต้องใช้ภาษาได้ดี และสื่อสารได้ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวผู้ป่วย เมื่อเข้ามาเรียนแล้ว นักเรียนผู้ช่วยพยาบาลจะได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาการที่จำเป็น และฝึกปฏิบัติในห้องผู้ป่วยจำลอง โดยฝึกกับหุ่นและเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ก่อนจะฝึกปฏิบัติกับคนไข้จริง โดยหมุนเวียนไปฝึกกับผู้ป่วยในหลายแผนก เพื่อให้มีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เพราะการดูแลผู้ป่วยแต่ละเคสจะมีความแตกต่างกันไป โดยผู้ช่วยพยาบาลใช้เวลาเรียนเค่ 1 ปี จบมามีงานรองรับทันที

“ผู้ช่วยพยาบาลจะได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการไม่ซับซ้อนมาก และอยู่ภายใต้การดูแลของพยาบาลและอาจารย์อย่างใกล้ชิด งานที่ผู้ช่วยพยาบาลต้องดูแลรับผิดชอบจะเป็นงานในส่วนของการดูแลความสุขสบาย และกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย เช่น เช็ดตัว ดูแลความสะอาดปากและฟัน ดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ทั้งผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้เอง และผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารผ่านทางท่อสายยาง การวัดสัญญาณชีพ การช่วยฟื้นคืนชีพในลักษณะของ basic life support รวมถึงอาจมีการช่วยคุณหมอทำหัตถการบางอย่าง ช่วยจดบันทึกข้อมูล หากพบความผิดปกติจะต้องรายงานแพทย์ หรือ อาจารย์พยาบาล เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยในเบื้องต้นได้อย่างทันท่วงที

ทางด้าน คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการ มูลนิธิเอสซีจี กล่าวต่อว่า จากปัญหาการตกงานของนักเรียนทุน รวมถึงปัญหาการ mismatch ทำให้ทางมูลนิธิฯ ต้องปรับวิธีการให้ทุนการศึกษาใหม่ โดยหันมาเน้นให้ทุนการศึกษาในหลักสูตรที่จบเร็ว ทำงานได้เร็ว และมุ่งเน้นส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในส่วนของอาชีพผู้ช่วยพยาบาลที่ปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานค่อนข้างสูง ทั้งจากปัญหาการขาดแคลนพยาบาล และความต้องการผู้ช่วยพยาบาลมาดูแลผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย การเรียนหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มูลนิธิฯ เน้นให้การสนับสนุนและส่งเสริม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด ที่มุ่งเน้นส่งเสริมและพัฒนาทักษะให้สามารถอยู่รอดได้ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้เริ่มสนับสนุนทุนการศึกษาในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลกับทางศิริราชมาตั้งแต่ ปี 2563 เริ่ม จาก 23 คน จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 179 ทุน ด้วยกัน และทุกคนมีงานทำ 100%

ในงานเสวนาครั้งนี้ ยังมีนักเรียนทุนผู้ช่วยพยาบาล และรุ่นพี่นักเรียนทุน ผู้ช่วยพยาบาลที่ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อหลักสูตรพยาบาล เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย โดย “น้องน้ำผึ้ง” ภัชราภรณ์ กาลเขว้า นักเรียนทุนมูลนิธิฯ (รุ่นปัจจุบัน) หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล กล่าวว่า ก่อนมาเรียนคิดว่าอาชีพผู้ช่วยพยาบาล ไม่ได้มีความยุ่งยาก ไม่ได้มีความซับซ้อน แต่พอมาเรียนแล้วถึงได้เห็นว่า อาชีพนี้มีความลึกซึ้งมากกว่าที่มองจากภายนอก ซึ่งทุกสิ่งที่เรียนมาในภาคทฤษฎีและการฝึกในหอผู้ป่วยจำลอง นำมาใช้งานได้ทั้งหมดที่ฝึกมา เช่น การวัดค่าความดัน ก็ต้องรู้ว่าค่าปกติอยู่ที่เท่าไร หากค่าสูงเท่าไรจะต้องรีบรายงานพี่พยาบาล หรือ การเช็ดตัวให้ผู้ป่วย ที่เป็นการเช็ดเพื่อทำความสะอาด กับ การเช็ดตัวเพื่อลดไข้ จะมีวิธีการเช็ดที่แตกต่างกัน การแปรงฟันให้กับผู้ป่วย การจัดท่านอนให้กับผู้ป่วยพักฟื้นจากการผ่าตัด ที่จะต้องนอนในท่าไหน จึงจะไม่เจ็บแผล ฯลฯ นอกจากนี้ทุกทักษะยังมีความจำเป็นสำหรับการทำงานในอาชีพนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะทักษะเรื่องภาษา ทักษะการสื่อสาร หรือ ทักษะการทำงานเป็นทีม เพราะผู้ช่วยพยาบาลต้องทำงานร่วมกับหลาย ๆ คน ที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบแตกต่างกันไป แต่อาจจะมีความเกี่ยวโยงกันได้ เพื่อจะได้ประสานงานกันต่อได้อย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วย สำหรับตนเองขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 4 เดือน ก็จะจบหลักสูตร และได้ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลเต็มตัว หลังจากนี้ ก็จะตั้งใจทำงาน และหาโอกาสไปเรียนต่อยอด เพื่อเป็นพยาบาลต่อไปในอนาคต

ขณะที่ “น้องยุ้ย” เบญจมาศ ไชยศร ศิษย์เก่าผู้ช่วยพยาบาลที่เคยได้รับทุน กล่าวว่า ตนตัดสินใจมาเรียน เพราะประทับใจการทำงานของพยาบาล และคิดว่าเป็นอาชีพที่ดูแลคุณพ่อคุณแม่ได้ ฐานะที่บ้านก็ไม่ได้ดีพอที่จะเรียนพยาบาลได้ เลยเลือกเรียนในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลก่อน เพราะเรียนระยะสั้น จบมาก็สามารถทำงานได้เลย ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมาเรียนแล้ว ได้ทำงานจริง และมีประสบการณ์ที่ได้พบเจอคนหลากหลายรูปแบบ ทั้งเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วย ก็ทำให้รู้ว่าจะรับมือในแต่ละเคสได้อย่างไร โดยทักษะที่จำเป็นสำหรับอาชีพนี้ มองว่า เป็นเรื่องของการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร เพราะไม่ได้มีแต่เพียงผู้ป่วยที่เราพูดคุยด้วย แต่ยังต้องประสานงานกับคนอื่น ๆ ในการทำงานอยู่ตลอดเวลา สำหรับโอกาสในการเติบโตนั้น อาชีพนี้สามารถต่อยอดได้ โดยหลังจากที่ตนทำงานได้ประมาณ 3 ปี ตอนนี้ได้ไปเรียนต่อหลักสูตรพยาบาล ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และตั้งเป้าว่า เมื่อเรียนจบแล้ว จะมุ่งมั่นทำงานในสายงานนี้ ซึ่งเป็นสายงานที่ชอบและมีใจรักอย่างจริงจังต่อไป

หลังจบการเสวนาพิเศษแล้ว ทางหัวหน้าโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล พร้อมด้วย ทีมคณาจารย์ ยังได้จัดสาธิตการทำงานของผู้ช่วยพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ถึงลักษณะงานของผู้ช่วยพยาบาล โดยจัดสาธิตการปฏิบัติงาน 3 ลักษณะงาน ที่หอผู้ป่วยจำลอง คือ การอาบน้ำทารกแรกเกิด การให้อาหารผู้ป่วยทางสายยาง และการดูแลผู้ป่วยหลังการผ่าตัด แม้ว่างานที่ผู้ช่วยพยาบาลดูแลรับผิดชอบจะไม่ใช่งานที่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็ต้องใช้ทักษะ ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถ เพราะเป็นการดูแลให้ความสะดวกสบายและเกิดความปลอดภัยแก่ผู้ป่วยตลอดเวลาที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล

ติดตามความคืบหน้าของกิจกรรมโครงการ Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด และติดตามข้อมูลข่าวสารของ มูลนิธิเอสซีจี ได้ที่ www.scgfoundation.org เฟซบุ๊ก และ TikTok : LEARNtoEARN

RANDOM

สจล. พานวัตกรอวดไอเดียโชว์ของ ‘แบตเตอรี่กราฟีน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม , อีเซีย (EASEA) ลูกประคบไฮเทค – อีวีทัล (eVTOL) ระบบเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและดิจิทัล’ ดันนวัตกรรมไทยสร้างชื่อในเวทีโลก งาน CES 2024 ที่สหรัฐอเมริกา

พิพิธภัณฑ์ครุฑฯ จัดโครงการ “พิพิธภัณฑ์ครุฑ ร่วมปลูกฝัง สืบสาน ความซื่อสัตย์ กตัญญู และความดี สู่เยาวชน ครั้งที่ 2” เปิดให้ชมฟรี! หนุนเยาวชนตระหนักถึงหน้าที่พลเมืองดี มีศีลธรรม คุณธรรมในการดำเนินชีวิต รู้คุณค่าผืนแผ่นดินไทย

กองทุนการศึกษา เอ็กซอนโมบิล สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี มอบทุนการศึกษา 20 ทุน สำหรับนิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มีผลการเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2566 หมดเขตยื่นใบสมัคร 10 พ.ย. นี้

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!