“ครูเบล” อดีตนักศึกษาทุนแลกเปลี่ยน 10 ประเทศ แนะเด็กไทยควรเตรียมตัว 1-2 ปี ก่อนบินเรียนสิงคโปร์

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ปัจจุบันแนวโน้มผู้ปกครองต้องการส่งบุตร-หลานไปเรียนต่อที่ประเทศสิงคโปร์ มีเพิ่มขึ้นทุกปี ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศสิงคโปร์มีระบบการศึกษาอยู่ในอันดับต้น ๆ แต่ก่อนที่จะส่งบุตร-หลานไปเรียน เด็กจำเป็นต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ 1 – 2 ปี ทั้งการติวภาษาอังกฤษ – คณิตศาสตร์ เพื่อสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลในประเทศสิงคโปร์ โรงเรียนเอกชน และ โรงเรียนนานาชาติ

คุณศุภนุช ชือรัตนกุล (ครูเบล) อดีตนักศึกษาทุนแลกเปลี่ยน 10 ประเทศ และ ครูติวสอบ Admissions Exercise for International Students (AEIS) ที่ 1 ของการเรียนประเทศสิงคโปร์ ให้ข้อมูลว่า ช่วงนี้มีผู้ปกครองสอบถามเข้ามามากพอสมควร เกี่ยวกับการส่งบุตร-หลานไปเรียนต่อที่ประเทศสิงคโปร์ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง จะให้บุตร-หลานเรียนโรงเรียนไหนดี และสอบเข้าโรงเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ยากไหม และเพื่อตอบคำถามในฐานะที่เป็นครูเบล เคยเรียนที่โรงเรียนประเทศสิงคโปร์มาก่อน จึงอยากจะให้ผู้ปกครองทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรงเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ ที่มีอยู่ 3 ประเภท ประกอบด้วย โรงเรียนรัฐบาล , โรงเรียนเอกชน และ โรงเรียนอินเตอร์ เพราะแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกัน ขอออธิบายไว้ ดังนี้

1. โรงเรียนรัฐบาลเป็นระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ถือว่าดีมาก และคุ้มค่าที่สุด หากเด็กได้เข้าเรียน ค่าเล่าเรียนพร้อมกินอยู่ งบประมาณอยู่ที่ 8-9 แสนบาท/ปี อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของโรงเรียนรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ คือ เด็กต้องสอบเข้า AEIS ของประเทศสิงคโปร์ให้ได้ก่อน และต้องสอบแข่งขันกับเด็กทั่วโลก ถือว่าสอบเข้ายากที่สุด กรณีไม่มีงบประมาณ หรือ ค่าเล่าเรียน ปัจจุบันยังมีทุนเรียนฟรี เรียกว่า ทุนอาเซียน (ASEAN Scholarship) ที่รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ให้จำนวนประมาณ 10 คน/ปี คือ ให้กับเด็กระดับชั้น ม.3 และ ม.5 ที่เรียนเก่ง มี Profile ดี และอยากไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ บางปีให้ทุนเพียงแค่ 1-2 คน เท่านั้น โดยในปี 2566 รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ให้ทุนเรียนฟรีถึง 28 คน ถือว่าให้มาก แต่การที่เด็กไทยจะได้รับทุนอาเซียน ทางรัฐบาลประเทศสิงคโปร์จะดูกิจกรรมที่น้อง ๆ ทำ (Portfolio) ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมวิชาการ การแข่งขันกีฬา และมีการสอบข้อเขียน ซึ่งปี 2566 เด็ก ๆ จะไปสอบกันที่ห้างไอคอนสยาม เมื่อเด็กสอบข้อเขียนผ่านแล้ว ทางรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ จะเรียกเด็กให้ไปสัมภาษณ์ที่สถานทูต เมื่อผ่านการสัมภาษณ์แล้ว เขาจะจัดหาโรงเรียนให้น้อง ๆ ตามลำดับต่อไป เพื่อให้เด็กไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ เช่น ถ้าเด็กได้ทุนเรียนฟรี ม.3 จะได้เข้าเรียน ม.3 – ม.6 ที่ประแทศสิงคโปร์ อยู่ที่นั่นประมาณ 4 ปี ส่วนน้องคนไหนที่อายุเกิน ยังสามารถสมัครรับทุนเรียนฟรี ม.5 ได้อีก เด็กก็จะเรียนแค่ ม.5 – ม.6 ก็จบทุน ทุนอาเซียน เป็นที่นิยมอย่างมาก น้อง ๆ จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบ

2. โรงเรียนเอกชนที่ประเทศสิงคโปร์ ที่มีชื่อเสียงจะมี 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียน SANYU Adventist School , โรงเรียน St Francis Methodist School ทั้ง 2 โรงเรียนนี้มีข้อดี คือ ใช้ระบบการเรียนของรัฐบาลสิงคโปร์ แต่เด็กจะต้องไปสอบเข้าตรงกับทางโรงเรียนสองแห่งนี้ ส่วนข้อเสียของโรงเรียนเอกชน คือ ค่าใช้จ่ายสูงกว่าของโรงเรียนรัฐ ผู้ปกครองต้องเตรียมประมาณ 1.2 ล้านบาท/ปี (รวมค่าเรียนและกินอยู่) เป็นเด็กระดับประถม และมัธยมศึกษา ที่ผ่านมา มีเด็กไทยนิยมเข้าโรงเรียน SANYU มากพอสมควร

3. โรงเรียนอินเตอร์ที่ประเทศสิงคโปร์ จะใช้ระบบเช่นเดียวกับโรงเรียนของรัฐบาล เป็นที่นิยมของเด็กไทย เช่น ACS International School , Hwa Chong International School เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเด็กต้องสอบเข้า แต่ข้อสอบไม่ยากเท่าโรงเรียนของรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ ข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายสูงประมาณ 1.6 ล้านบาท/ปี (ทั้งค่าเทอม และค่ากินอยู่) อีกอย่างการไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ หอพักภายในโรงเรียนจะไม่มี เพราะเป็นประเทศเล็ก เดินทางสะดวก เด็ก ๆ จะพักกับ Host Family ซึ่งเป็นมืออาชีพในการดูแลเด็ก ทำอาหารให้ ดูแลความเป็นอยู่

ผู้ปกครองและน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อประเทศสิงคโปร์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 098-585-2554 หรือที่ อีเมล supanuth.bell@gmail.com

RANDOM

NEWS

“ครูมวยไทย” เนื้อหอม เตรียมเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่กิจกรรมส่งเสริมกีฬามวยไทย ที่ซาอุดีอาระเบีย ระหว่าง 7-9 พ.ค.นี้ หลังได้ใบประกาศนียบัตร ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย ระดับ 1

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ ม.ศรีปทุม เชิญชวนน้อง ๆ เยาวชน ร่วมประกวดไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ในหัวข้อ “WellTech Entrepreneur : Good Health and Well-being” ชิงทุนการศึกษา ส่ง Concept Idea เข้าประกวดได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 10 พ.ค. 67

error: Content is protected !!