ตอนที่ 39 : การปฏิรูปและความแพร่หลายของการศึกษาประวัติศาสตร์: ลักษณะและผลที่เกิดขึ้น : หนังสืออุดมการณ์โอลิมปิกของคูเบอร์แต็ง : แปลโดย : ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

การปฏิรูปและความแพร่หลายของการศึกษาประวัติศาสตร์: ลักษณะและผลที่เกิดขึ้น

            ณ ที่ประชุมของสถาบันวิทยาการเอเธนส์ ค..1927 คูเบอร์แต็งเน้นย้ำความจำเป็นต่อการศึกษาประวัติศาสตร์โลกด้วยวิธีการคือประการแรก พวกเราต้องใช้มุมมองแบบปริซึมแก่มนุษย์และวัตถุทั้งหลาย ประการที่สอง พวกเราต้องปรับแนวคิดจากสาเหตุให้เป็นสมการในตอนที่สองของสุนทรพจน์นั้น คูเบอร์แต็งกล่าวถึงผลทางการเมืองจากการใช้ประโยชน์ด้านประวัติศาสตร์ว่า “ประวัติศาสตร์จะปกป้องสันติภาพสากล…ประวัติศาสตร์ยังคงทำได้มากขึ้นต่อสันติสุขสังคมในปัจจุบัน” ทั้งนี้ ท่านแสดงสิ่งได้เรียนรู้จากอาจารย์ทั้งสองคือ อัลเบิร์ต โซเรล และ พอล เลอรอย-บูลิว ที่มหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์

            ท่านประธานและสมาชิกของสถาบัน

            นับเป็นเกียรติสูงส่งที่ได้กล่าวในสถานที่โด่งดังเช่นนี้ซึ่งเป็นเกียรติยิ่งขึ้นโดยการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากท่านทั้งหลาย วานก่อน กรุงเอเธนส์ให้เกียรติข้าพเจ้าด้วยการรื้อฟื้นหนึ่งในประเพณีที่ถือเป็นความภาคภูมิสูงสุดของเมืองโบราณ ในวันนี้ ตามรอบปีโอลิมปิกที่ข้าพเจ้าได้พยายามจะฟื้นฟูจิตวิญญาณ นับเป็นความโชคดีของข้าพเจ้าที่จะเสนอผลงานวิชาการบริสุทธิ์แก่ทุกท่านซึ่งได้รวบรวมและแต่งขึ้นในระหว่างเวลาว่างที่ตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกพอจะมีให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อทำให้ทุกสิ่งรายล้อมข้าพเจ้ามีความเป็นกรีกเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้าพเจ้าต้องวิพากษ์งานตนเองในที่นี้ตามแนวคิดที่โด่งดังของโซเครตีสซึ่งยังคงเป็นพื้นฐานของปรัชญาทั้งปวงที่พวกเรากำลังกล่าวถึงในปัจจุบันที่มหาวิทยาลัยเนื่องเพราะเป็นการปฏิรูปและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเหตุผลของมนุษย์

ตอนที่หนึ่ง

            ท่านสุภาพชน ประการแรก ข้าพเจ้าเสนอให้เขียนประวัติศาสตร์โลกด้วยการใช้ประโยชน์ในทุกโอกาสเพื่อให้งานลุล่วง ข้อเท็จจริงที่ว่า สิ่งต่างๆในปัจจุบันมีลักษณะเปลี่ยนแปลงนั้น ดูเหมือนจะเป็นการยืนยันที่ไม่ถูกต้องนัก โดยหากท่านติดตามใกล้ชิด การตรวจสอบข้อเท็จจริงจะยืนยันในสิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวข้างต้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ การศึกษาประวัติศาสตร์โลกจำต้องมีข้อมูลสมบูรณ์และแม่นยำทั้งสถานที่และเวลาซึ่งความคิดสามารถสืบค้นกลับไปได้ตลอดเวลา สะดวกและง่าย เงื่อนไขเหล่านี้เพิ่งมีความพร้อมสรรพไม่นานมานี้ ในยามที่ความขัดแย้งไร้สาระกำลังระอุระหว่างประเทศต่างๆ เหตุการณ์หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น ปรากฏการณ์ที่ส่งผลมากสุดมักจะได้รับการเหลียวแลน้อยที่สุด ใช่หรือไม่? ช่องว่างที่เกิดขึ้นยาวนานของภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ตามห่วงโซ่ความรู้ได้รับการเติมเต็มซึ่งไม่ใช่ในรายละเอียดที่ยังคงรอคอยการค้นพบ แต่เป็นภาพรวมในการสร้างกรอบขอบเขตพื้นที่เชื่อมโยงในปัจจุบัน ข้าพเจ้าคิดว่า คนรุ่นเยาว์ยากที่จะเข้าใจแนวคิดนี้ คนในวัยข้าพเจ้าไม่สามารถจะลืมข้อสงสัยที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่ขั้วโลกขนาดมโหฬาร ภูมิภาคแอฟริกากลางและเอเชีย และลักษณะพิเศษจำนวนมากของสัณฐานโลก ความสงสัยของพวกเรายิ่งเพิ่มพูนขึ้นเกี่ยวกับชาติพันธุ์และการเมืองในอดีตของบุคคลจำนวนมากที่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม หรือผู้คนที่พวกเราได้แต่คาดเดา วิทยาการของภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ได้ “มาถึงครบถ้วน” มนุษย์เป็นเจ้าของความลับสำคัญของบ้าน สถาปัตยกรรมและถิ่นอาศัยตนเอง ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมยิ่งใหญ่ ท่านสุภาพชน! สิ่งนี้จะหมายถึงความน่ากลัวที่ชาวปารีสทรงภูมิได้กล่าวว่า เนื่องเพราะดาวเคราะห์โลกสูญเสียความลับปริศนา จึงจะทำให้เด็กทั้งหลายขาดความสนใจในการดำรงชีวิตบนโลกและเหตุว่า พวกเขาไม่สามารถไปไกลกว่านี้ได้ จึงจะย้อนกลับมาที่ตนเอง กลายเป็นความเสียสติและความเศร้าสร้อยต่อการนี้หรือไม่? ข้าพเจ้ามีความเห็นในทางตรงข้ามว่า ความใส่ใจในชีวิตจะเพิ่มพูนทวีคูณจากความหวังที่จะสร้างองค์กรมนุษย์ด้วยโครงสร้างชิ้นส่วนของความจริงที่เป็นรูปธรรมยิ่ง องค์กรที่อาจมีสีสันน้อยลงแต่เป็นที่น่าชื่นชมและมั่นคงกว่าเดิมเช่นกัน

            แม้แต่สิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ การอยู่ภายในขอบเขตวิชานี้ คงจะไม่เป็นว่า ประวัติศาสตร์โลกกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจเพียงเพราะความเป็นไปได้ที่จะเขียน บริบทเหมาะสมจะต้องจัดเตรียมเพื่อการนี้ ภายในตัวพวกเราเอง ก็ต้องสร้างสภาวะจิตใจที่จะทำให้สามารถยึดจับสัดส่วนที่แท้จริงของประวัติศาสตร์ระหว่างความสนุกสนานและความยึดโยงกับวิชา ความได้สัดส่วน ดุลยภาพและการคำนวณคือความจำเป็นพื้นฐานของยุคหวาดหวั่นของพวกเรา สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่ดีสุด พวกเราได้ชมสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดผ่านงานศิลป์ พวกเรายังคงไม่สนใจในมิติอื่นที่เกี่ยวข้องกับมิติสังคมหรือเศรษฐกิจ ความเป็นพลเมืองและชีวิตส่วนตัว ความก้าวหน้าทางเทคนิคที่พวกเราภูมิใจหนักหนาได้คุกคามต่อผู้ให้กำเนิดในทุกอณูหรือแม้กระทั่งใต้พิภพเว้นแต่เพียงพวกเราจะจัดการด้วยความเข้มแข็งของเจตนารมณ์ในการใช้สายรัดศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อหลอมเป็นเวลานานในประเทศกรีซกับความก้าวหน้าเหล่านี้ซึ่งหมายถึง ความงามไร้ที่ติ

            ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อการใช้ประวัติศาสตร์นั้น ความได้สัดส่วนคือสิ่งปรารถนาที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนานี้จะเกิดประสิทธิผลก็ต่อเมื่อได้รับการส่งเสริมไปพร้อมกันจากกิจกรรมทางเชาวน์ปัญญา โดยข้าพเจ้าจะชี้ให้เห็นถึงกิจกรรมสองประการที่ตนเองเชื่อว่า พวกเราต้องทำให้เกิดความคุ้นเคย

            ประการแรก พวกเราต้องใช้มุมมองแบบปริซึมแก่มนุษย์และวัตถุทั้งหลาย ประการที่สอง พวกเราต้องปรับแนวคิดจาก ‘สาเหตุ’ เป็น ‘สมการ’

            นิทานสอนใจบอกว่า ความจริงไม่ได้เป็นดั่งบ่อน้ำที่จะดูดขึ้นมา ความจริงพำนักอยู่ที่ใจกลางของปริซึม มนุษย์เชื่อว่าตนเองฉลาดแม้ในการจัดการกับความคิดและข้อเท็จจริงที่เปรียบราวกับแผ่นเรียบ ซึ่งจะเห็นเพียงด้านหน้าหรือหลังเท่านั้น หรือข้อสนับสนุนหรือโต้แย้งตามคำกล่าวทั่วไป ในความจริงแล้ว พวกเราต้องใช้มุมมองแบบปริซึม มิตินี้จะเป็นไปได้ด้วยการหมุนไปรอบด้านของสิ่งของที่เราต้องการจะลงความเห็น พวกเราต้องใช้ความพยายามในการสะท้อนคิดอย่างเป็นกลางเพื่อแต่งเติมข้อมูลที่สายตาพวกเราพลาดที่จะเห็น

            เมื่อความเชื่อเรื่องจักรวรรดิที่สืบทอดกันโดยพระบัญชาพิเศษของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งปาฐกถาที่น่าชื่นชมของบูเซต์ได้พังทลายลงต่อหน้ามนุษย์ วิทยาศาสตร์ได้รับความสนใจให้จัดการพื้นที่ซึ่งมนุษย์ยังไม่เข้าใจขอบเขตและทรัพยากรอย่างเต็มที่ วิทยาศาสตร์พัฒนาหลักความเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกลายเป็นหน่วยพลาธิการ ทุกคนต้องเรียกใช้ความเป็นเหตุเป็นผลในทุกสถานการณ์ ในความเป็นจริง สิ่งนี้มีคำตอบหนึ่งแก่ทุกคำถามที่เป็นระบบรายงานแยกชิ้นซึ่งข้อเท็จจริงได้รับการบันทึกตามกฎเคร่งครัดของความสอดคล้องที่ผ่านมา อย่างน้อยที่สุด ลัทธินี้ได้สร้างอุปนิสัยการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนและความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวด แต่ข้าพเจ้าอาจกล้าที่จะกล่าวว่า ความเป็นเหตุเป็นผลคือการต่อต้านความเป็นสากลอย่างถึงที่สุด ความเด่นชัดของความเป็นเหตุเป็นผลมีลักษณะแบบสายตาสั้นและยิ่งมองใกล้มากขึ้นเมื่อเริ่มดำเนินงาน แนวคิด ‘สมการ’ มีรากฐานจากคณิตศาสตร์ซึ่งมีกระบวนการแตกต่างไป แนวคิดนี้ทรงพลังมากพอในการทะลุทะลวงทุกสิ่งและปรับเปลี่ยนทุกสิ่งให้เกิดประสิทธิผล ตามลำดับของธรรมชาติ ปรากฏการณ์เกิดมากขึ้นในการทำหน้าที่ต่อกันและกันซึ่งไม่เป็นที่แปลกประหลาดที่ประวัติศาสตร์จะมีลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ขาดไปคือการใช้ประโยชน์จากแนวคิดและกราฟิกที่ไม่มีอคติ การค้นหา ‘สมการ’ ในประวัติศาสตร์ไม่อาจทำได้ง่ายเนื่องจากการถูกกีดขวางและปกปิด พวกเราจะต้องขุดคุ้ยเหมือนโบราณวัตถุซึ่งจะสร้างความกระจ่างและควบคุมได้ ‘สมการ’ ยืนยันความคู่ขนานและการพึ่งพาระหว่างกันของเหตุการณ์ต่างๆ พวกเราไม่จำเป็นต้องแยก “ตัวแปรปฐมภูมิ” ออกจาก “ตัวแปรทุติยภูมิ” ซึ่งเป็นการนิยามที่เข้มงวดและสัมบูรณ์โดยไม่เหมาะสมกับชีวิตโดยรวมของผู้คนเนื่องเพราะการสร้างความขุ่นเคืองแก่มหาสมุทร ในท้ายสุด การกระทำของมนุษย์เสมือนคลื่นน้ำที่แตกต่างแต่เชื่อมโยงกัน ไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ชัดเจน

ตอนที่สอง

            ในการศึกษาประวัติศาสตร์ การจัดหมวดหมู่ที่พวกเราใช้เสมือนเป็นไหมพรมของอรีแอดนี โดยแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช้ คนที่ต่อต้านการจัดหมวดหมู่และหมวดหมู่ย่อยที่บางครั้งถูกกล่าวหาถึงความอวดภูมินั้น กล่าวอ้างถึงแนวทางการศึกษาวิชาของตนตามความคิดที่นำพาไป แต่มักจะเป็นเพียงการปกปิดการจัดหมวดหมู่แบบเดิมที่ยึดติดอยู่แม้จะคิดว่าตนเองไม่ได้ใช้ก็ตามที อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเราหันมองไปที่ประวัติศาสตร์โลก แนวทางนี้กลับไม่มีประโยชน์อันใด พวกเรามีโอกาสได้เห็นผ่านการผจญภัยของนักแต่งนิยายผู้ท่องเที่ยวในภูมิลำเนานี้ถึงความง่ายต่อการหลงเข้าไปในโลกมายาที่นำเสนอในภาพยนตร์ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์โลกคือว่า การจัดหมวดหมู่มีประโยชน์มากกว่าเพียงการแยกแยะเหตุการณ์สำคัญในแต่ละยุคสมัยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือการตั้งชื่อให้ไพเราะขึ้นแก่ระยะขั้นพัฒนาการของแต่ละกลุ่มเท่านั้น ก่อนที่พวกเราพยายามจะสอนผู้อื่นนั้น สิ่งแรกที่พวกเราต้องทำคือการค้นหาวิธีการของตนเองผ่านช่วงเวลาหกพันปีของประวัติศาสตร์ ตัดชิ้นส่วนที่เป็นทางตันและทางแยก ทั้งมหากาพย์และเกร็ดย่อย ที่ส่องแสงไม่ทั่วถึงและเงาทะมึนลวงตา ดุลยภาพและความตระหนักคือกุญแจดอกสำคัญ! การแต่งเติมเล็กน้อยที่สุดด้วยความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ หรือแรงปรารถนาต่อกลุ่มชาติพันธุ์ หรือแม้เพียงรูปแบบความเชื่อ ย่อมก่อให้เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงได้ นอกเหนือกว่านั้นคือ หากพื้นที่ยิ่งกว้างใหญ่ต่อการจัดหมวดหมู่เพียงใด ยิ่งจะต้องมีการจัดหมวดหมู่ที่ชัดเจนและกระชับมากขึ้นเท่านั้น การจัดแบ่งนั้นต้องมีจำนวนไม่มากเพื่อให้สามารถบูรณาการเป็นหัวข้อใหญ่โดยไม่วนเวียนอยู่ภายใน อย่างไรก็ตาม เราคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะถอนฝีเท้าในบางครั้งเพื่อทบทวนภูมิลำเนาที่เคยผ่านมาแล้ว การกำหนดจุดแบ่งทุกศตวรรษหรือครึ่งศตวรรษย่อมหมายถึงการปฏิบัติต่อระยะเวลาทั้งหมดด้วยความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์สุด การจัดแบ่งโดยเชื้อสายหรือประเทศจะก่อให้เกิดการซ้ำซ้อนไม่สิ้นสุดซึ่งเป็นขบวนการที่ขาดสีสันและมิติ สิ่งเหล่านี้คือความยากเหนือสิ่งอื่นใดที่จะต้องเอาชนะ ข้าพเจ้าไม่อาจกล่าวอ้างต่อความสำเร็จในการนี้ แต่การสนับสนุนอย่างอบอุ่นต่อแผนงานที่ข้าพเจ้าดำเนินการ ได้เป็นกำลังใจให้ตนเองเชื่อว่า ความเจริญก้าวหน้าเกิดขึ้นจริง แผนงานนี้ประกอบด้วยสี่ภาคซึ่งสามารถจัดวางช่วงเวลาหกสิบศตวรรษที่บันทึกไว้อย่างขึงขังจริงจังให้เป็นมรดกตกทอดของพวกเราได้อย่างไร้ข้อโต้แย้งและสมเหตุสมผล ดังนี้

            – จักรวรรดิเอเชีย

            – มหากาพย์เมดิเตอร์เรเนีย

            – ชาวเซลท์ เยอรมัน และสลาฟ

            – การก่อร่างและพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่

            มีแต่เพียงจิตวิญญาณแยกส่วนที่ยังคงครอบงำจิตใต้สำนึกของทัศนคติพวกเราที่จะสามารถอธิบายเหตุผลของการแยกเอเชียออกจากการศึกษาประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิมที่ผ่านมาเป็นเวลานาน ยุโรปในปัจจุบันกำลังชดใช้มหาศาลต่อการยืนหยัดไม่ใส่ใจในประเด็นนี้ คนยุคอนาคตจะประหลาดกับข้อเท็จจริงเรื่องราชอาณาจักรเช่น ไท่จงหรืออัคบาร์ผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องมหากาพย์ของศาสนาพุทธ การผจญภัยเช่น บาบาร์หรือฮิเดโยชิ และสิ่งอื่นนับร้อยเรื่องที่ยึดกุมความสนใจและกลมกลืนอย่างลุ่มลึกซึ่งถูกลดชั้นให้เป็นเพียงภาคผนวกที่คลุมเคลือและหม่นหมองในขณะที่สติปัญญาของเด็กนักเรียนและครูของพวกเขาต่างพยายามจดจำชื่อของนกและนิทานที่ไม่สลักสำคัญอันใด ประวัติศาสตร์ของเอเชียปะทุขึ้นด้วยเหตุการณ์ที่ส่งผลทรงอิทธิพลยิ่งต่อพวกเรา พวกเราชักช้าในการคลี่คลายกรอบซับซ้อนที่พวกเขาได้สร้างขึ้น

            พื้นที่อีกหนึ่งแห่งซึ่งลักษณะภูมิศาสตร์ได้ชี้นำและมีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ในทุกช่วงคือ โลกเมดิเตอร์เรเนีย ที่ซึ่งทุกสิ่งหลอมรวมเข้าหากันและแตกต่างจากเอเชียที่ทุกอย่างกระจายออกจากศูนย์กลางของทวีปสู่ขอบพรมแดน เป็นที่แน่นอนว่า ชาวเมดิเตอร์เรเนียไม่ได้ถูกละเลยในการศึกษา แต่ความเป็นอธิปไตยทางประวัติศาสตร์ของพวกเขากลับไม่ได้รับการยกย่องอย่างที่ควรเป็น ข้อเท็จจริงที่ว่า หลักสูตรการศึกษากำลังสับสนต่อการกำหนดช่วงยุคชาวนอร์แมน ย่อมแสดงถึงการผิดพลาดของตำราเรียนที่ใช้กันอยู่

            จากนั้น ยังมีกลุ่มที่สามซึ่งโดดเด่นจากการมีคุณลักษณะตรงข้ามกล่าวคือ การขาดซึ่งภูมิศาสตร์ซับซ้อนโดยเฉพาะและวิวัฒนาการที่เชื่องช้าของมนุษย์ ทวีปยุโรปถือกำเนิดจากการรวบรวมหรือการต่อสู้ของชาติพันธุ์ยิ่งใหญ่สามกลุ่ม ในอดีตกาลนั้น ยุโรปปราศจากเส้นแบ่งภายในทวีปและไม่มีกรอบแนวคิดที่กำหนดชัดเจน มิติทั่วไปเหล่านี้สามารถเข้าใจโดยง่าย แต่ความเป็นจริงที่สิ่งเหล่านี้บูรณาการนั้น สามารถพิจารณาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดประหนึ่งงานศิลป์ที่มีเส้นกรอบสำหรับทุกคน คงเว้นแต่การวิเคราะห์รายละเอียดที่จะอยู่ในมือของนักวิจารณ์หรือศิลปินเท่านั้น

            พวกเราต้องกลับสู่ช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่สิบหกเมื่อการพิมพ์ได้มอบทรัพยากรทำให้ความคิดเป็นที่แพร่หลายเพื่อค้นหาต้นกำเนิดของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ การต่อสู้ของระบอบประชาธิปไตยที่ทุ่มสรรพกำลังแก่รูปแบบใหม่และหลากหลายไม่รู้จบของจักรวรรดินิยมยังห่างไกลจากความสำเร็จ อเมริกาสวมบทบาทผู้นำในเรื่องนี้ ภายใต้อาณัติ กิจกรรมทุกอย่างได้รับการควบคุม ในการนี้ ทวีปอเมริกาจึงได้แสดงบทบาทหลักของประวัติศาสตร์โลก เช่นเดียวกับเอเชียโบราณซึ่งไม่มีพื้นที่ในสิ่งนี้ เอเชียถูกลากจูงสู่การหลับฝันในฝิ่นในขณะที่อเมริกาก็ถูกมองว่าง่วนอยู่กับการนับเงินตรา ความหลงผิดจากฉากทัศน์ที่สองนี้นำไปสู่ความหวาดหวั่นต่อผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ อันที่จริงแล้ว ความเชื่อของพวกเราที่ว่า เมื่อชุนชนเมืองที่มีเอกภาพขยายตัวจะกอปรขึ้นด้วยอุดมคตินี้ ไม่มีความหมายในเชิงประวัติศาสตร์ของพวกเรา ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยในวิธีการที่พวกเราในยุโรปมีความภูมิใจในการกล่าวอ้างว่า พวกเรารู้จักวิธีการสนับสนุนอุดมคตินั้น

            ขอพวกเราจงเผชิญหน้ากับความจริง โลกเป็นหนึ่งเดียว พวกเราต้องยอมรับต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเราเจริญวัยกับความคุ้มเคยต่อการประเมินวัตถุและผู้คนด้วยระเบียบวิธีของมิติที่สี่กล่าวคือ มิติชาวยุโรป พวกเราจักต้องละทิ้งแนวปฏิบัตินี้เสียและนับจากนี้ไป พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะใช้วิธีการประเมินอย่างอื่นที่ยอมรับโดยมนุษย์ทั้งปวง

ตอนที่สาม

            แม้จะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในการเขียนแต่งประวัติศาสตร์โลก แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องสอนประวัติศาสตร์ด้วย โดยมีสิ่งตรงข้ามสองประการของแนวทางนี้คือ ความคลั่งไคล้ในความทันสมัยนิยมซึ่งเสริมแต่งจากผลงานความก้าวหน้าทางเทคนิคอย่างแท้จริง และความภูมิใจไร้เดียงสาของคนรุ่นเยาว์ที่มีต่อผลสำเร็จดังกล่าวนั้น การถูกแยกจากอดีตทำให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะสนใจประวัติศาสตร์โลกในฐานะเพียงวิชาหนึ่งเพื่อการค้นคว้าวิจัยทางวิชาการ พวกเขาปฏิเสธความคิดที่จะแสวงหาความรุ่มรวยของประสบการณ์ทรงคุณค่าในประวัติศาสตร์โลกที่อาจเป็นแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจในปัจจุบัน ความทะเยอทะยานทางวิทยาศาสตร์เกิดจากการคิดคำนวณด้านความมั่งคั่งร่ำรวย คำมั่นสัญญาหนึ่งที่เชื่อมโยงกลุ่มคนทั้งสองนี้อยู่ที่ฐานอนุสาวรีย์ของการผลิตซึ่งเป็นดังเทพธิดาในปัจจุบัน ผู้คลั่งไคล้พิจารณาเป้าหมายสูงสุดของอารยธรรมในเชิงการขยายตัวไม่สิ้นสุดต่อการสรรเสริญบูชาของการผลิต สิ่งนี้เป็นอุดมคติที่เปราะบางและมองการณ์ใกล้ของสังคมที่เชื่อว่าการผลิตคือนวัตกรรม การผลิตคือนวัตกรรมในการนี้เนื่องเพราะดูเหมือนจะเป็นการแสวงหารุ่งอรุณด้วยการมุ่งสู่ตะวันตก อย่างไรก็ตาม สังคมไม่สนใจใยดีต่อคำเตือน คำทำนายของผู้นำพวกเขาถูกลบล้างสม่ำเสมอและกรอบคิดคำนวณของพวกเขากำลังสั่นไหวตลอดเวลา

            ขอพวกเราบันทึกว่า ประวัติศาสตร์กำลังทำลายล้างด้วยความโกรธแค้นเนื่องเพราะเป็นเรื่องแปลกประหลาด เสมือนพวกเราอยู่บนเส้นขอบของการลดทอนความสำคัญของประวัติศาสตร์ในการศึกษา แต่อิทธิพลของประวัติศาสตร์ต่อการเมืองกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ใจกลางของการปฏิวัติปรับเปลี่ยนทุกสิ่งอย่างในปัจจุบันสมัย สงครามที่เพิ่งผ่านพ้นมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ สงครามที่คุกคามอนาคตของพวกเราต่างล้วนเป็นเช่นเดียวกัน สงครามเหล่านี้ปะทุขึ้นจากความผิดพลาดยาวนานต่อเนื่องของประเทศทั้งหลายในการเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันกับการขาดความเข้าใจในสาเหตุหรือแม้เพียงสิ่งที่เอื้ออำนวยให้เกิดมหันตภัยทั้งปวงในอดีตกาล มหากาพย์ชาวจีนและเม็กซิโกกำลังเริ่มแสดงบนสองฝั่งของแปซิฟิกที่ซึ่งความทะเยอทะยานทางประวัติศาสตร์โบราณกำลังสู้รบกันภายใต้หน้ากากเศรษฐกิจ ชะตาชีวิตในอนาคตของชาวแอฟริกาผิวขาวจะถูกกำหนดโดยอดีตกาลของชาวแอฟริกาผิวดำ พวกเรายังคงยากที่จะเชื่อว่า อดีตเกิดขึ้นก่อนที่พวกเราจะมาถึงในจุดนั้น โดยเหตุนี้ เหมาะสมหรือไม่ในเวลานี้ที่จะปฏิเสธอดีต ลดทอนบทบาท ด้อยค่าเกียรติภูมิและตัดแบ่งประวัติศาสตร์ให้เป็นชิ้นเสี้ยวประเทศและภูมิภาค? ในทางตรงข้าม พวกเราควรขับเคลื่อนประวัติศาสตร์สู่บทบาทสำคัญยิ่งที่มีกล่าวคือ การจัดการแผนภูมิอากาศทางการเมือง ประวัติศาสตร์ควรเป็นเครื่องตรวจสอบสภาพบรรยากาศ ส่งสัญญาณรูปแบบพายุและติดตามเส้นทางเดินทางที่เป็นไปได้ของมนุษยชาติ ด้วยวิธีการนี้ ประวัติศาสตร์จะพิทักษ์ไว้ซึ่งสันติภาพสากลอย่างหาที่สุดมิได้

            ประวัติศาสตร์สามารถแสดงบทบาทมากยิ่งขึ้นต่อสันติสุขสังคม การสอนจิตวิทยา (ที่ซึ่งบางสิ่งได้รับการถกเถียงอย่างกว้างขวางกว่าการสะท้อนคิดในยุคพวกเรา) เกิดขึ้นสองรูปแบบตามเกณฑ์นิยมความเรียบง่าย รูปแบบการสอนบางชนิดมีลักษณะโดยแท้ในการกักตนอยู่ภายในกำแพงสุญญากาศที่แสงสว่างสาดส่องจากหลังคา แนวทางเหล่านี้สร้างภัยคุกคามแก่ระบอบประชาธิปไตยเนื่องเพราะระบอบประชาธิปไตยต้องการอากาศบริสุทธิ์และเส้นขอบฟ้าที่ชัดเจนยิ่งกว่ารูปแบบการปกครองอื่นใด ระบอบประชาธิปไตยจำเป็นต้องใช้มากกว่าเข็มทิศหนึ่งชิ้นบนโต๊ะเพื่อบอกทิศทาง ในห้องทดลองเหล่านี้ ความเชี่ยวชาญจะกลายเป็นความหมกมุ่นที่ไม่เป็นพิษภัยในไม่ช้า มีแต่ดวงจิตแกร่งกล้าเพียงพอต่อการยืนหยัดด้วยตนเองที่จะสามารถหลีกหนีไปได้

            แนวทางการสอนด้วยอากาศบริสุทธิ์ต้องรวมถึงวิชาดาราศาสตร์อย่างแน่นอนซึ่งเป็นศาสตร์แห่งสรวงสวรรค์ ในการนี้ ดาราศาสตร์ทำให้สิ่งที่ไม่แน่นอนและเข้าใจไม่ได้ให้กลายเป็นรูปธรรมจับต้องได้สำหรับพวกเราซึ่งเป็นการบังคับให้ตระหนักถึงความจำกัดของเชาวน์ปัญญาตนเอง ความยิ่งใหญ่แต่เรียบง่ายของความกว้างใหญ่ไพศาลของอวกาศถูกลดทอนด้วยความภูมิใจอย่างสมเหตุสมผลในความสามารถของพวกเราที่จะนับดวงดาวหลายพันดวง คำนวณระยะทาง สังเกตการเคลื่อนที่และเข้าถึงความลี้ลับจำนวนมากของสิ่งที่ดาวเหล่านั้นสร้างขึ้นผ่านการวิเคราะห์สเปกตรัม

            ความสำเร็จเรียบง่ายจากการศึกษาประวัติศาสตร์โลกมีความแตกต่างซึ่งแสดงให้พวกเราเห็นถึงความเชื่องช้าและไม่แน่นอนของความก้าวหน้า พวกเราประจักษ์ผ่านประวัติศาสตร์โลกว่า สิ่งเดียวที่ประกันความก้าวหน้าคือ ความพยายามอย่างยาวนาน ใครก็ตามที่ศึกษาประวัติศาสตร์แบบองค์รวมจะต้องสรุปได้ว่า ประการแรก มนุษยชาติเขยิบก้าวสั้นๆสู่โลกที่น่าอยู่ขึ้น ประการที่สอง ความสำเร็จมีความเปราะบางอย่างยิ่งและอาจพังทลายลงในทุกขณะ ประการที่สาม ความต่อเนื่องและการประสานความร่วมมือจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นถัดไปคือสิ่งที่จะสามารถบูรณาการความสำเร็จได้ สิ่งนี้เป็นความจริงเสมอ ใช่หรือไม่? ความต่อเนื่องและการประสานความร่วมมือคือสิ่งแสดงเงื่อนไขเบื้องต้นของความก้าวหน้า ใช่หรือไม่? ไม่สามารถกล่าวอ้างได้เช่นนั้น การแตกหัก ความระส่ำระสายและการพังทลายคือแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นผลสืบเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของปัจเจกชนแต่เป็นสถานการณ์เสียเปรียบที่พวกเขาได้รับจากความเป็นไปของโลกใบนี้ที่ควบคุมพวกเขาไว้ โลกที่พวกเขามีความสามารถในปัจจุบันที่จะกำหนดด้วยตัวเองได้ ข้าพเจ้าจึงได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนเองได้แจกแจงลักษณะปรากฏการณ์สำคัญของยุคพวกเรากล่าวคือ บูรณาการองค์ความรู้ของพวกเราด้านประวัติศาสตร์กับภูมิศาสตร์ เป็นที่แน่ชัดว่า การเผยแพร่ความคิดอย่างอิสระจะต้องเพิ่มเติมจากสองประการข้างต้น การค้นพบนี้นำไปสู่ศักยภาพยิ่งใหญ่ที่เป็นไปได้ในการปฏิรูปสังคม

            ข้าพเจ้าจะไม่ลงรายละเอียดในหัวข้อเหล่านี้ไปมากกว่านี้ โดยเป็นที่ชัดเจนว่า เราไม่สามารถที่แม้จะเขียนโครงร่างสิ่งเหล่านี้ให้มีเนื้อหากระชับยิ่งได้ ข้าพเจ้าจะมีความสุขหากจะสามารถทำให้ท่านเชื่อในความจริงของคติพจน์ที่ปรากฏด้านหน้าของเนื้อหาเหล่านี้เนื่องเพราะเป็นการสรุปสาระสำคัญและประเด็นการนำไปปฏิบัติ ดังนี้

            “การสอนประวัติศาสตร์แบบแยกส่วนไม่ว่ารูปแบบใด ล้วนไร้ประโยชน์จากการขาดความเข้าใจในเบื้องต้นของบันทึกประวัติศาสตร์มนุษยชาติแบบองค์รวม และก่อให้เกิดหลักความไม่ได้สัดส่วนของเวลาและสถานที่ขึ้นแก่สติปัญญาซึ่งทำให้นักวิชาการและนักการเมืองหลงทิศผิดทาง” 

ตอนที่สี่

            ก่อนจะสรุป ข้าพเจ้าต้องขอบคุณเจ้าภาพของพวกเรา ข้าพเจ้าคงจะไม่แสดงความไม่เคารพแก่ คุณมิเนอวา และพ่อบ้านที่มีชื่อเสียงของเธอคือ คุณเพอริเครซ ด้วยการแสดงความขอบคุณแก่ผู้อื่นหรือไม่? คนทั้งหลายที่คุ้นเคยต่อการเดินทางเพื่อสวดอ้อนวอนบนอะโครโพลิสจะละเว้นการกระทำอย่างอื่น ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมในประเพณีศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่บ่อยครั้งเช่นกัน แต่ภาพอื่นเพิ่งปรากฏแก่ข้าพเจ้าในขณะนี้ ถึงแม้จะเลือนลางและหลงลืมไปแต่ก็เป็นภาพที่น่าชื่นชมนัก โดยเป็นหนึ่งในภาพเหล่านั้นที่เก็บไว้เบื้องหลังประวัติศาสตร์ซึ่งยังคงล้ำค่าเนื่องจากสิ่งที่ปรากฏ เนื่องเพราะเป็นกลิ่นหอมของชีวิตที่มนุษย์ค้นหาจากภาพเหล่านั้น ท่านสุภาพชน ข้าพเจ้ากำลังคิดถึงหญิงสามัญชนชาวเอเธนส์ที่ใช้ช่วงเวลาวัยรุ่นขมักเขม้นกับบิดาตนเองซึ่งเป็นครูธรรมดาคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับวรรณกรรม วิทยาศาสตร์และปรัชญา วันหนึ่ง ความสวยงามเฉิดฉายนำเธอไปสู่ตำแหน่งสูงสุด ข้าพเจ้ากำลังคิดถึงจักรพรรดินียูโดเซียผู้กล่าวถึงสิ่งที่ควรจะเป็นไปและมีจุดจบที่ขื่นขม พระองค์คือพระชายาของธีโอดอร์เซอุซที่สอง ข้าพเจ้าไม่ได้พบเห็นเธอในพระราชวังไบแซนเทียมสถานที่ซึ่งพระองค์ต้องทำการสู้รบปรบมือกับน้องสะใภ้ผู้มีอำนาจและปกครองในนามของพี่ชาย ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พบเห็นพระองค์ในบทละครของเหตุการณ์ที่ทำลายสันติสุขของครอบครัวสมรสตนเอง พวกท่านทราบเรื่องเล่านี้ ท่านจำตอนที่ผลไม้วิเศษที่ส่งโดยพระจักรพรรดิเดินทางจากมือหนึ่งถึงอีกมือหนึ่งบนเส้นทางตลอดเช้าและกลับคืนสู่ผู้ที่มอบให้ ซึ่งกระตุ้นให้พระองค์เกิดความไม่ไว้วางใจ และทำให้สงสัยว่าจะมีการทรยศหักหลักทั้งที่จริงแล้ว กลับเป็นแค่เพียงการยั่วเสน่ห์เท่านั้น จักรพรรดิจึงห่างเหินจากพระชายา ช่างเป็นภาพยนตร์วิเศษที่สามารถสร้างจากรายละเอียดของการผจญภัยเล็กน้อยซึ่งจะกลายเป็นผลงานมหากาพย์อย่างรวดเร็วได้! การผจญภัยสิ้นสุดเมื่อคล้อยหลังอีกระยะหนึ่งในความมืดของกรุงเยรูซาเล็มที่ซึ่งยูโดเซียผู้ถูกทอดทิ้งและผิดหวังท้อแท้ได้ยอมแพ้สู่ความชราและสิ้นพระชนม์ ไม่ต้องสงสัยที่เธอจะแสวงหาสิ่งปลอบประโลมทางศาสนาในที่นั้นแต่ไม่ปฏิเสธที่จะได้รับสิ่งนั้นจากการขัดเกลาสติปัญญา ในบรรดาผลงานทั้งหลาย เธอได้ทิ้งบทกลอนที่หนักอึ้งและไม่เป็นระเบียบซึ่งสะท้อนภาวะหวั่นไหวพรั่นพรึงภายในจิตใจ งานชิ้นนั้นกอปรด้วยความพลิ้วไหวงดงามที่เปรียบได้กับงานประพันธ์บางชิ้นของ ดันเต และ เชคสเปียร์ส แต่สิ่งที่อยู่ในใจข้าพเจ้าไม่ใช่บริบทเหล่านี้ ข้าพเจ้ากำลังกล่าวถึงท้องเรื่องในช่วง ค.ศ.438 ณ เวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของบัลลังก์ พระองค์กำลังเดินทางผ่านไปยังรัฐต่างๆ ในพิธีต้อนรับที่เมืองแอนติออค จักรพรรดินีได้กล่าวสุนทรพจน์อันทรงพลังแก่วุฒิสภาของเมืองนั้นซึ่งเป็นการแสดงความชื่นชมในความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณ สถานที่ซึ่งพระองค์ประทับนั้นใกล้กับพวกเราและสัมผัสใกล้ชิดต่อกิจกรรมในปัจจุบันของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง! พระองค์อาจกล่าวในสถานที่แบบนี้ แน่นอนว่า ในขณะที่พระองค์เริ่มต้นกล่าวนั้น ย่อมจะมี วุฒิสมาชิกชรามากกว่าหนึ่งคนในบรรดาผู้ฟังของพระองค์ที่จะกล่าวร้ายต่อจักรพรรดินีที่องอาจกล้าหาญ ผู้กระทำการขัดประเพณีสองประการคือ การทำลายลำดับชั้นของกษัตริย์และธรรมเนียมนิยมโบราณ แต่ข้าพเจ้าจินตนการว่า พระสุรเสียงที่อบอุ่นและจูงใจของพระองค์จะทำให้ความกังวลใจหมดไปอย่างรวดเร็วพร้อมทำให้วุฒิสมาชิกเกิดความตั้งใจฟังและติดตามด้วยความกระตือรือร้น สิ่งนี้ไม่ใช่สัญลักษณ์ที่มีชีวิตของอารยธรรมกรีกโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเขาหรือ?

            สำหรับพวกเราแล้ว การกล่าวสุนทรพจน์ของยูโดเซียแก่วุฒิสมาชิกเมืองแอนติออคประกอบไตรลักษณะกรีกกล่าวคือ สามประการในหนึ่งคนได้แก่ ความคลาสสิค ไบเซนไทน์ ความสมัยใหม่ ข้าพเจ้าผิดหรือที่ปรารถนาจะยกย่องสรรเสริญอารยธรรมกรีกโบราณที่ไม่ร่วงโรย ตามที่เจ้าหญิงผู้งดงามและลึกลับได้กล่าวถึงคุณงามความดี? แม้เวลานับสิบห้าศตวรรษได้ผ่านพ้นไป แต่อารยธรรมกรีกโบราณยังคงเบิกบานและพร้อมสำหรับการผจญภัยใหม่

            ในหนังสือเล่มนี้ บทที่ข้าพเจ้าอุทิศแก่กรีกโบราณได้ปิดท้ายด้วยข้อความเหล่านี้ ซึ่งข้าพเจ้าจะอ่านแก่ท่านเนื่องเพราะข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเสียงสะท้อนสุนทรพจน์ในบางมิติที่มอบไว้สมัยอดีตซึ่งข้าพเจ้าเพิ่งกล่าวถึง

            “ในความจริง โลกเมดิเตอร์เรเนียนที่ซึ่งกรีซได้อันตรธานหายไปหลายศตวรรษนั้น ทุกสิ่งอย่างมีความเป็นอารยธรรมกรีก เนื่องเพราะอัจฉริยภาพของกรีกได้สัมผัสทุกสิ่งและประดิษฐ์หรือก่อรูปแก่ทุกอย่าง ในทุกพื้นที่ นับจากงานเหล็กถึงการทำไร่ การปกครองถึงการศึกษา การแพทย์ถึงงานศิลป์ และวรรณกรรมถึงกฎหมาย คือสิ่งที่ชาวกรีกโบราณเป็นผู้ทำให้สมบูรณ์ สร้างใหม่และชี้นำ ไพธากอรัสเชื่อว่า ทรงกลมคือรูปทรงที่สมบูรณ์สุด เราอาจกล่าวว่า อารยธรรมกรีกโบราณเจริญก้าวหน้าในลักษณะทรงกลมเสมือนหนึ่งคลื่นรวมศูนย์ที่กระจายไปทุกขอบผิวทั้งหมดในเวลาเดียวกันพร้อมบูรณาการด้วยจังหวะสม่ำเสมอของพละกำลัง การคำนวณ องค์ความรู้และสัญชาตญาณ”

            ท่านสุภาพชน พวกเราจงสร้างเอกภาพล้อมรอบทรงกลมอันศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อรักษาและพิทักษ์ไว้แก่โลกที่ยังคงต้องการสิ่งนี้ 

RANDOM

error: Content is protected !!