พม. หนุน 6 มหาวิทยาลัยนำร่อง พัฒนาหลักสูตรทักษะอาชีพคนพิการระดับภูมิภาค อัปสกิลผู้พิการ หนุนเพิ่มการจ้างงานในอนาคต

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

จากข้อมูลสถิติการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ ปี 2566 พบว่า หน่วยงานภาครัฐมีการจ้างงานคนพิการเพียงร้อยละ 18.73 เท่านั้น ในขณะที่ สถานประกอบการภาคเอกชนที่ต้องเข้าเกณฑ์การจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนด (มีลูกจ้าง 100 คนขึ้นไป) เลือกใช้วิธีการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ภายใต้มาตรา 34 แทนการจ้างงานคนพิการ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มั่นใจในคุณสมบัติของคนพิการว่าจะสอดคล้องกับความต้องการหรือสามารถทำงานในส่วนที่รับผิดชอบได้เหมือนกับคนทั่วไป

นี่จึงเป็นที่มา ของ โครงการการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาศักยภาพคนพิการเพื่อการประกอบอาชีพ ผ่านโมเดลการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ มจธ. เพื่อส่งต่อองค์ความรู้และแนวทางในการทำงานของโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ให้กับมหาวิทยาลัยเครือข่ายนำร่อง 5 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อให้มหาวิทยาลัยเครือข่ายนำร่องแต่ละแห่ง พัฒนาหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพคนพิการเพื่อการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ของตนเอง โดยในปีแรกของโครงการ (1 เมษายน 2567 – 31 มีนาคม 2568) ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาตรา 34 เป็นเงินจำนวนกว่า 23,000,000 บาท สำหรับจัดอบรมและฝึกงานคนพิการ รุ่นที่ 1 รวมทั้งสิ้น 300 คน

รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า เป้าหมายของการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษา คือ การ Upskill-Reskill และสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในการทำงาน และมีรายได้เลี้ยงตนเองได้อย่างยั่งยืนของคนพิการ ประกอบกับ โครงการขยายผลฯ นี้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์และเป้าหมายของกองทุนฯ และ พม. ซึ่งมีความตั้งใจที่จะให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้าง หรือ พนักงานมากกว่า 100 คน จ้างคนพิการเข้าไปทำงานตามมาตรา 33 มากขึ้น และได้คนพิการที่ทำงานได้จริงและมีศักยภาพ ลดช่องว่างของสังคม โดยเฉพาะคนพิการที่ไม่มีงานทำ จากที่สถานประกอบการไม่กล้าจ้าง เพราะกลัวว่าคนพิการจะทำงานไม่ได้ ทาง ปลัดกระทรวง พม. ได้เสนอแนะให้ มจธ. และเครือข่ายเขียนข้อเสนอโครงการไปขอทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ จึงเกิดเป็นโครงการนำร่องนี้ขึ้นมา

ด้าน ดร.อรกัญญาณี เลี้ยงอิสสระ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และในฐานะหัวหน้าโครงการฯ กล่าวเสริมว่า โดยบทบาทของ มจธ. ในฐานะมหาวิทยาลัยเจ้าภาพ หรือ แม่ข่าย จะทำหน้าที่ train the trainer และ facilitator (อาจารย์เกื้อหนุน) รวมทั้งช่วยแนะนำวิธีการ กรอบการทำงาน ตลอดจนสร้างความเข้าใจร่วมกัน และแนวทางหรือสิ่งที่จะต้องทำในโครงการฯ ที่จะช่วยให้มหาวิทยาลัยเครือข่ายทั้ง 5 แห่ง สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

โครงการนี้จะทำให้เกิดการฝึกอบรม-ฝึกอาชีพตามความต้องการในแต่ละพื้นที่ (demand-driven) ให้คนพิการมีสมรรถนะทำงานได้จริง ตามที่สถานประกอบการต้องการ โดยในอนาคตอาจจะใช้มาตรา 35 ในการดำเนินการได้อย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญ คือ การที่สถาบันอุดมศึกษาทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนพิการ สถานประกอบ และสังคม จนเกิดเป็นระบบนิเวศในการทำงานที่ยั่งยืน เพราะสุดท้ายแล้วกระบวนการไม่ใช่แค่ฝึกอาชีพ แต่ต้องหาสถานประกอบการมารับคนกลุ่มนี้ไปทำงาน หรือ การมีรายได้จากอาชีพอิสระ”

สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการฯ คือ การนำสิ่งที่ มจธ.ได้วางแผนและเคยดำเนินการประสบความสำเร็จมาแล้วตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มาเป็นแม่แบบ โดยกระบวนการหรือขั้นตอนการทำงาน แบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1. หารือร่วมกับสถานประกอบการที่สนับสนุนโครงการ เพื่อหาอาชีพและพัฒนาหลักสูตรการฝึกที่คนพิการสามารถทำได้ มีความต้องการจ้างงาน หรือ เป็นอาชีพใหม่ที่มีดำเนินการฝึกอบรมให้คนพิการไม่มากนัก 2. รับสมัครและคัดเลือกคนพิการเข้าร่วมโครงการ ตามคุณสมบัติของแต่ละหลักสูตร รวมทั้งพิจารณาถึงความต้องการและมีแรงจูงใจที่ต้องการทำงานหรือประกอบอาชีพ 3. กระบวนการฝึกอบรม-ฝึกงานฯ รวม 6 เดือน โดยครอบคลุมทักษะทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ทักษะด้านอาชีพ ทักษะด้านการสนับสนุนการทำงานและการใช้ชีวิต และทักษะการฝึกประสบการณ์ทำงานตรง 4. สนับสนุนการจ้างงานคนพิการร่วมกับภาคี ทั้งสถานประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐ ในการสนับสนุนการจ้างงานคนพิการ 5. ระบบพี่เลี้ยงติดตามและให้คำแนะนำ และ 6. การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ผลกระทบ และผลตอบแทนจากการลงทุน โดยจะเริ่มเปิดรับสมัครคนพิการเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 9 – 31 พ.ค. 67 มหาวิทยาลัยเครือข่ายทั้ง 5 แห่ง จะเริ่มดำเนินการอบรมและฝึกอาชีพให้กับคนพิการ ระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ย. 67 และช่วยส่งเสริมการหางานและติดตามผลโครงการฯ ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 เป็นต้นไป

คาดหวังว่า โครงการขยายผลอุดมศึกษาฯ นำร่องนี้ จะทำให้มีคนพิการที่ผ่านการฝึกอบรม เข้าสู่สถานประกอบการได้มากขึ้น หรือ คนพิการที่ไม่สะดวกในการไปทำงานกับสถานประกอบการ สามารถทำอาชีพอิสระที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบสิ่งพิมพ์ดิจิทัล หรือ งานฝีมือ และ หากรุ่นที่ 1 ผลลัพธ์ออกมาดี เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนขยายผลเพิ่มขึ้น ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว และหากทำอย่างต่อเนื่อง จำนวนคนพิการที่มีงานทำ มีอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น โครงการฯ นี้จะช่วยสังคมไทยได้มาก ทั้งเรื่องของคุณภาพชีวิตคนพิการ ลดช่องว่าง และลดภาระของภาครัฐ ขณะเดียวกัน คนพิการเองจะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง และสามารถดำรงชีพได้อย่างภาคภูมิ ที่สำคัญยังตอบโจทย์ SDGs ของประเทศอีกด้วย ซึ่งทาง มจธ. เองก็ทำเรื่องดังกล่าวมาอย่างยาวนานเช่นกัน” รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ มจธ. เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยนำกลไกตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 มาช่วยในการขับเคลื่อน เพื่อฝึกอบรม-ฝึกงาน เตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการและมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ มีหลักสูตรฝึกอบรม 4 หลักสูตร คือ 1. หลักสูตรเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน 2. หลักสูตรผู้ทดสอบทางประสาทสัมผัสสำหรับคนพิการทางสายตา 3. หลักสูตรการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ดิจิทัล และ 4. หลักสูตรการพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น ซึ่งจากการดำเนินงานมากว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน มีผู้สำเร็จจากการอบรมตามโครงการทั้งสิ้น 10 รุ่น กว่า 398 คน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และร้อยละ 50 ของผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน ได้รับการจ้างงานเข้าทำงานในสถานประกอบการจริง

RANDOM

วิศวะ ม.เกษตรฯ เปิดรับสมัคร “เจ้าหน้าที่บริหารทั่วไปปฏิบัติการ – นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ” ทั้งนี้ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปปฏิบัติการ ปิดรับสมัคร 17 พ.ย. 66 และ ตำแหน่ง นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ ปิดรับสมัคร 30 พ.ย. 66

NEWS

“ส.ส.ดร๊าฟ” ยื่นร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับรวมไทยสร้างชาติ รื้อ ลด ปลด สร้างการศึกษาที่ตอบโจทย์ ต่อประธานสภา เชื่อหากผ่านสภาฯ จะเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น สังคม และประเทศชาติต่อไป

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!