สพฐ. เดินหน้าหนุนการเรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เฟส 2 ขับเคลื่อนการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีดิจิทัลต่อเนื่อง พร้อมเช่าอุปกรณ์การเรียนการสอน รองรับ 29,312 โรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ ทุกเวลา ระยะที่ 2 เพื่อจัดหาอุปกรณ์การเรียนที่เหมาะสมต่อผู้เรียนแต่ละวัย (Anywhere Anytime) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. จำนวน 29,312 โรงเรียน ในกรอบระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2572 เพื่อใช้ในกิจกรรม “เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) ลดภาระนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า สพฐ. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวลงสู่สถานศึกษาและผู้เรียนทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการศึกษาไทยในภาพรวมทั้งระบบ โดยนโยบาย “การส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ ทุกเวลา” คือการใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ที่เท่าทันโลกแห่งความผันผวน (BANI World) ที่สามารถทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็ว สะดวก และเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยมีคุณลักษณะและฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้เรียน และครู สามารถสร้างสรรค์ผลงานการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และจัดการเนื้อหาการเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการติดตามและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างแม่นยำ มีคอนเทนต์สำหรับการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัล E-Book ไลฟ์สด เกมส์ วิดีโอ แบบทดสอบ สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างครบถ้วน และสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ตลอดช่วงชีวิต

สำหรับการดำเนินงานโครงการ “การส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา” ระยะที่ 1 ได้เริ่มจัดทำตั้งแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการนำร่องในระยะแรก โดยการพัฒนาระบบนิเวศทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรองรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบเทคโนโลยีดิจิทัลของ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งสามารถรองรับโรงเรียนคุณภาพในสังกัด สพฐ. ได้จำนวน 1,808 โรงเรียน จากนั้นในระยะที่ 2 ภายในกรอบระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2572 จะมีการพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เช่น จัดหาซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับการรักษาความปลอดภัยข้อมูล การเชื่อมโยงฐานข้อมูลและการบริหารจัดการระบบ การจัดทำดิจิทัลคอนเทนต์ การเช่าใช้ระบบคลาวด์สำหรับแพลตฟอร์มด้านการศึกษา รวมถึงสนับสนุนให้นักเรียนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยอย่างเท่าเทียมครอบคลุมทั้งในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการเช่าอุปกรณ์การเรียนการสอน อาทิ Tablet, Notebook หรือ Chromebook จำนวน 607,655 เครื่อง พร้อมทั้ง พัฒนา ส่งเสริม และขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะรองรับโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ได้ถึงจำนวน 29,312 โรงเรียน ทั่วประเทศ

ทำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีเครื่องมือและระบบการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ทันสมัย โดยปรับบทบาทจาก “ครูผู้สอน” เป็น “โค้ช” หรือ “ผู้อำนวยการการเรียนรู้” ที่ทำหน้าที่กระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจ แนะนำวิธีเรียนรู้และวิธีจัดระเบียบการสร้างความรู้ ออกแบบกิจกรรม และสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน ส่วนผู้เรียนก็ได้รับการเรียนการสอนที่เหมาะสม และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ใหม่ได้อย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา ปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้สามารถ “เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา” ผ่านระบบเทคโนโลยีดิจิทัลออนไลน์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ส่งผลให้ประเทศไทยเกิดสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

อ้างอิงจาก https://shorturl.asia/Cpmwr

RANDOM

ศิลปศาสตร์ ม.มหิดล เปิดรับสมัคร “นักวิชาการเงินและบัญชี-เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป” สำหรับ ตำแหน่ง นักวิชาการการเงินและบัญชี ยื่นใบสมัครได้ ถึง 16 กันยายน ขณะที่ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ยื่นใบสมัครได้ ถึง 30 กันยายน

ถึงเวลา “นักร้องไร้ตัวตน” ที่มีถึง กกท.ให้ช่วยแก้ปัญหาการเบิกเงิน ซ้ำๆ บ่อยๆ มายาวนาน วันนี้ควรถึงเวลา ร่วมใจกันกล้า “เปิดหน้า” ลุยหาข้อสรุปได้แล้ว…ถ้าหากว่าเดือดร้อนจริง

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!