อาจารย์จิตวิทยา จุฬาฯ ชวนรู้จัก “ภาวะสิ้นยินดี” อาการร่วมผู้มีภาวะซึมเศร้า พร้อมแนะวิธีสังเกต เติมความรู้สึกบวกได้ทัน ก่อนหมดความสุขและสนุกกับชีวิต

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter
อาจารย์จิตวิทยา จุฬาฯ ชวนรู้จัก “ภาวะสิ้นยินดี” อาการร่วมที่พบบ่อยในผู้มีภาวะซึมเศร้า พร้อมแนะวิธีสังเกตสัญญาณหมดสุข เพื่อปรับโฟกัสใจและเติมความรู้สึกบวกได้ทัน ก่อนสูญความสามารถที่จะสุขและสนุกกับชีวิต
.
.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กุลยา พิสิษฐ์สังฆการ รองคณบดี และอาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชวนทำความรู้จักและสังเกตอาการที่สะท้อนความเสี่ยงเป็น “ภาวะสิ้นยินดี” (Anhedonia) เพื่อรับการปรึกษาจากนักจิตวิทยา ก่อนที่ความสามารถในการมี “ความสุข” จะหายไป
.
“เป็นธรรมชาติของคนเราที่ต้องมีอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะการรับรู้ หรือ ได้รับความรู้สึกเชิงบวก เช่น สบายใจ แช่มชื่นใจ ทั้งที่มาจากตัวเอง หรือ มาจากการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่เมื่อไรที่เรามี “ภาวะสิ้นยินดี” เราจะรู้สึกเหนื่อย เนือย ไม่มีความรู้สึกเชิงบวกใด ๆ ไม่ว่ากับอะไร หรือ กับความสัมพันธ์ใด”
.
.
ภาวะสิ้นยินดีเกิดขึ้นได้อย่างไร 
.
“ภาวะสิ้นยินดี” เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ ที่ทำให้เจ้าต้วไม่รู้สึกรู้สากับอารมณ์ความรู้สึกเชิงบวก ทั้งนี้ ภาวะดังกล่าวเกิดได้จากหลายปัจจัย กล่าวคือ
.
ปัจจัยทางกายภาพ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ หรือ สารเคมีในสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดในสมอง โรคซึมเศร้า เป็นต้น
.
ปัจจัยทางพันธุกรรม อาจมีส่วนทำให้บางคนมีธรรมชาติ และบุคลิกภาพค่อนข้างหม่นหมอง เศร้าง่าย
.
ปัจจัยทางสภาวะแวดล้อม เช่น ภาวะความเครียด เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจ ภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) หรือผู้ที่อยู่ในภูมิประเทศที่มีฤดูหนาวเป็นระยะเวลานาน เหล่านี้ทำให้เกิดความรู้สึกหม่นหมองต่อเนื่อง ก็อาจส่งผลให้คนนั้น ๆ มีแนวโน้มขรึม เก็บตัว ไม่สดใส
.
“ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งกายภาพ สภาพแวดล้อม จิตใจ ล้วนเชื่อมโยงกัน การที่คนเรารู้สึกหม่นหมอง เนือย เหนื่อย เป็นเวลานาน ๆ และต่อเนื่อง ก็อาจส่งผลให้สารเคมีในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ลดทอนความสามารถในการรู้สึกอารมณ์เชิงบวกได้เหมือนกัน” 
.
ภาวะสิ้นยินดีทางสังคมและทางกายภาพ  
.
ผู้ที่เป็นภาวะสิ้นยินดี มักจะมีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด หรือ คนอื่น ๆ ในสังคม
.
“พวกเขาจะไม่สามารถตอบรับความรู้สึกด้านบวกได้ ไม่ว่าความสุข ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทำให้ผู้ที่มีภาวะสิ้นยินดีไม่สามารถมีประสบการณ์เชิงบวกร่วมกับผู้อื่นได้ ยกตัวอย่าง เพื่อน ๆ หัวเราะกันสนุกสนาน แต่คนที่มีภาวะสิ้นยินดี จะไม่สามารถรู้สึกสนุก หรือ หัวเราะกับคนอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะกระทบกับการเข้ากลุ่ม และความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ นานวันเข้า ก็อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพและความสัมพันธ์กับคนอื่น”
.
ภาวะสิ้นยินดี แสดงออกได้ 2 ลักษณะหลัก ๆ คือ
.
1. ภาวะสิ้นยินดีทางสังคม (Social anhedonia) คนกลุ่มนี้จะไม่รู้สึกอยากใช้เวลาร่วมกับครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อนฝูง คนรอบข้าง และ ผู้คนอื่น ๆ ในสังคม
.
2. ภาวะสิ้นยินดีทางกายภาพ (Physical anhedonia) ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีการรับรู้ความรู้สึกทางกายเปลี่ยนไป หากเป็นเรื่องเพศสัมพันธ์ ก็จะเหมือนหมดความรู้สึก จนคล้ายคนหมดสมรรถภาพทางเพศได้ นอกจากนี้ อาจจะไม่สนุกกับกิจกรรมที่เคยทำเหมือนก่อน อาหารที่เคยชอบก็ไม่ชื่นชอบอีกต่อไป ไม่รู้สึกสนุกสนานร่าเริง และมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์ทางลบมากขึ้นได้
.
ผศ.ดร.กุลยา อธิบายว่า ผู้ที่มีภาวะสิ้นยินดี ทั้ง 2 แบบ จะไม่มีแรงจูงใจในการเชื่อมความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ไม่อยากใช้เวลา หรือ มีส่วนร่วมกับผู้อื่น หรือ อาจจะมีอาการของโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Anxiety Disorder) รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวกกับคนอื่น หวาดกลัว วิตกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องพบเจอรู้จักคนใหม่ และสถานที่ใหม่
.
“คนกลุ่มนี้จะเริ่มหายหน้าหายตา ปฎิเสธคำชวนไปร่วมกิจกรรมทางสังคม เริ่มมีชั่วโมงในการอยากอยู่คนเดียวนานขึ้น และถี่ขึ้นเรื่อย ๆ” 
.
.
ภาวะสิ้นยินดี กับ ภาวะความด้านชาทางความรู้สึก
.
มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ภาวะความด้านชาทางความรู้สึก (Emotional numbness) และ ภาวะสิ้นยินดี เป็นภาวะเดียวกัน แต่ ผศ.ดร.กุลยา อธิบายว่า ภาวะทั้งสองไม่เหมือนกันสักทีเดียว
.
ภาวะความด้านชาทางความรู้สึก จะคล้ายกับการฉีดยาชา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ไม่ว่าอารมณ์ทางบวก หรือ ทางลบ เฉย เนือย ไร้อารมณ์กับทุกสิ่ง เหมือนไม่สุข ไม่ทุกข์ ภาวะนี้มักมาจากการที่คน ๆ นั้น มีประสบการณ์ทางลบด้านความรู้สึก จึงพยายามหลีกเลี่ยงอารมณ์ทางลบ กลายเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรเลย เฉยชาด้านอารมณ์ทั้งหมด
.
ส่วน ภาวะสิ้นยินดี เป็นภาวะที่ไม่มีความรู้สึกทางบวก แต่ยังคงรับรู้และแสดงความรู้สึกเชิงลบได้อยู่ 
.
“ผู้ที่มีภาวะสิ้นยินดี จะไม่รู้สึกถึงอารมณ์ในเชิงบวกเลย ไม่มีความรู้สึกอิ่มเอิบใจ ปลื้มใจ ไม่หัวเราะ อาจดูเหมือนรู้สึกเฉย ๆ เหมือนภาวะด้านชา แต่ยังสามารถรับรู้ และแสดงความรู้สึกเชิงลบได้ เช่น ความไม่สบายใจ ความกังวล กลัว เบื่อ ซึ่งอาการเหล่านี้ดูคล้ายและเกือบเป็นภาวะซึมเศร้าเลยทีเดียว”
.
สิ้นยินดีนาน ๆ อาจทำซึมเศร้าหนักขึ้น
.
ภาวะสิ้นยินดี จะเชื่อมโยงกับ ภาวะซึมเศร้า ผศ.ดร.กุลยา เปิดเผยว่า ร้อยละ 60 ของผู้ที่มีภาวะสิ้นยินดี มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น เพราะทั้งสองภาวะมีความเหมือนกันอยู่ 2 เรื่อง คือ อารมณ์ความรู้สึกทางลบ และ สิ่งที่เคยทำให้รู้สึกชื่นชอบสบายใจ ไม่ได้ทำให้มีความสุขอีกต่อไป
.
“เวลาเป็นซึมเศร้า ใจจะดิ่ง อารมณ์ลบจะเยอะ พยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อดึงความรู้สึกให้ดีขึ้น ไม่ว่าดูหนัง ฟังเพลง เล่นกับน้องแมวที่บ้าน ก็อาจจะยังไม่ดีขึ้น ซึ่งถ้าเรามีภาวะซึมเศร้าต่อเนื่องนาน ๆ ก็จะเกิดภาวะสิ้นยินดีได้” ผศ.ดร.กุลยา อธิบาย
.
“ในอีกทาง หากมีภาวะสิ้นยินดีบ่อย ๆ เราก็จะหมดความรู้สึกสนใจ หรือ พึงพอใจในการทำสิ่งที่ชื่นชอบ ดึงอารมณ์เชิงบวกได้ยากหรือไม่ได้ จนในที่สุดก็จะเหลืออารมณ์เชิงลบอย่างเดียว นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้” 
.
.
สังเกตสัญญาณ “ภาวะสิ้นยินดี” 
.
ผศ.ดร.กุลยา กล่าวว่า แต่ละคนจะมีสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “คู่มือความสุขเฉพาะตน” คือ ความรู้ตัวว่าทำอะไร ไปที่ไหน เจอใคร แล้วจะมีความสุข สนุก พอใจ อารมณ์ดีขึ้น เมื่อเวลามีอารมณ์ลบ เราก็จะไป ทำ หรือ พบกับสิ่งที่เราชอบ เพื่อจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นได้ แต่หากสิ่งที่เราเคยทำแล้วมีความสุข ไม่อาจทำให้เกิดความรู้สึกดีได้อีก นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ชวนให้เราเริ่มถามตัวเองว่า “ตัวเรามีภาวะสิ้นยินดีแล้วหรือเปล่า”
.
ข้อสังเกตเบื้องต้น 3 เรื่อง ที่จะช่วยให้เราจับสัญญาณภาวะสิ้นยินดี ดังนี้
.
สังเกตความรู้สึก – “เวลาที่ทำกิจกรรมที่ชอบ ยังรู้สึกชอบ สนุก หรือ มีความสุขอยู่ไหม”
ถ้าเราอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือ สิ่งที่เราเคยชอบทำ แล้วไม่รู้สึกสนุก หรือ ชอบเหมือนเดิม ก็อาจเป็นสัญญาณของภาวะสิ้นยินดีได้ แต่ก็ไม่เสมอไป เราอาจจะต้องสังเกตต่อไปว่า อารมณ์ความรู้สึกทางบวกในเรื่องอื่น ๆ หรือ ช่วงอื่น ๆ มีน้อยลงด้วยหรือไม่
.
สังเกตความคิด – “ความคิดของเราเป็นเชิงลบ หม่นหมองหรือไม่ เราได้พยายามปรับมุมมองให้เป็นบวกมากขึ้นแล้วหรือยัง ปรับมุมมองให้บวกได้สำเร็จหรือไม่”
ถ้าเรามีความรู้สึกเชิงบวก เราจะมองคนในเชิงบวก อยากสร้างสัมพันธ์กับผู้คน แต่ถ้าเราตกอยู่ในภาวะสิ้นยินดี เราจะรู้สึกว่าโลกไม่น่าอยู่ ไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ หรือ ไม่รู้สึกกระตือรือร้นที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้ว
.
สังเกตร่างกาย – “รู้สึกเหนื่อยจากการทำงาน หรือ กิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าปกติหรือไม่ ตื่นมาแล้วรู้สึกไม่แจ่มใส รู้สึกล้า หมดแรงหรือเปล่า”
.
สมรรถภาพทางกาย และสมรรถภาพทางเพศ เป็นเกณฑ์ประเมินภาวะสิ้นยินดีได้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่กับทุกกรณี สิ่งที่เราพอสังเกตได้ คือ ร่างกายของเรายังแข็งแรงเป็นปกติดีไหม ออกกำลังกายได้เท่าเดิมหรือเปล่า มีความเปลี่ยนแปลงด้านสมรรถภาพทางเพศหรือไม่ ที่สำคัญเวลาที่รู้สึกอ่อนล้า เหนื่อย ถ้าได้พักผ่อน นอนแล้ว ร่างกายกลับมากระชุ่มกระชวย อารมณ์ดี สดใสขึ้น แต่ถ้านอนพักแล้ว ยังรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อย ล้า หมดแรงที่จะทำอะไร ก็อาจเป็นสัญญาณภาวะสิ้นยินดีได้
.
.
วิธีรับมือ “ภาวะสิ้นยินดี” 
.
หากเราสังเกตเห็นอาการเบื้องต้นของภาวะสิ้นยินดีแล้ว เราต้องรีบปรับอารมณ์เสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้พลังบวกกลับมาในชีวิตให้เร็วที่สุด สำหรับวิธีการรับมือกับภาวะสิ้นยินดี ดังนี้
.
เติมพลังบวก ซึ่งทำได้หลายรูปแบบ โดยอาจเริ่มจากลงมือทำในสิ่งที่เคยชอบ ฝึกเติมพลังบวกเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อย เพิ่มอารมณ์บวกบ่อย ๆ เพื่อกันอารมณ์ลบให้ไปห่าง ๆ
หมั่นสังเกตและรับรู้อารมณ์ตามที่เป็น ไม่ว่าจะอารมณ์ด้านลบ หรือ บวก
โอบกอดตัวเองและหมั่นเติมความรักให้ตัวเอง
ฝึกใจ ปรับโฟกัส ให้ชื่นชมกับการกระทำ และความสำเร็จเล็ก ๆ ในชีวิต ยังไม่ต้องทำกิจกรรมที่ต้องลงแรงมาก ให้เริ่มจากทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และ ปล่อยให้ตัวเองมีความสุขระหว่างทำกิจกรรม
ปรึกษานักจิตวิทยาและจิตแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษาและการรักษา
.
ผศ.ดร.กุลยา กล่าวทิ้งท้ายว่า เวลาที่เป็นภาวะสิ้นยินดี เรามักจะเก็บตัวอยู่ในห้อง อยากอยู่คนเดียว ดังนั้น เราควรจะออกไปข้างนอกบ้าง ให้ร่างกายได้เจอแสงแดด ได้รับแสงสว่างบ้าง ลองทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วสังเกตว่า อะไรที่ช่วยดึงใจเราให้ดีขึ้นได้บ้าง สิ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง เท่านี้ก็ดีพอแล้ว
.
เรามี ศูนย์สุขภาวะทางจิต (Psy Wellness) เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่มีนักจิตวิทยาการปรึกษา ช่วยให้คุณได้เข้าใจตัวเอง คนอื่น และ สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ เรายินดีรับฟัง และให้คำปรึกษาในทุก ๆ เรื่อง
.
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเข้ามาได้ที่ ศูนย์สุขภาวะทางจิต (The Center for Psychological Wellness) คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้น 5 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทร. 061-736-2859  หรือ สามารถสอบถามผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ที่ Email: psywellness.chula@gmail.com  Facebook https://www.facebook.com/WellnessPsyCU

RANDOM

สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ ม.ธรรมศาสตร์ ชวนร่วมประชันไอเดีย ในการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) ชิงเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมรับประกาศนียบัตรจากสถาบัน หมดเขต 11 มี.ค.นี้

มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ เดินหน้าโรงเรียนต้นแบบอาหารและโภชนาการ S.M.A.R.T.S. Model school ในโครงการ “อายิโนะโมะโต๊ะ โภชนาการเพื่อเด็กไทย ก้าวไกลสร้างชาติ” เสริมแกร่งโครงการอาหารกลางวันเด็กไทย โรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สมัครด่วน! หมดเขต 31 ธ.ค. นี้

NEWS

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบทุนการศึกษาในโครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” (ทุนการศึกษาปีสุดท้าย) ประจำปี 2568 ระดับมัธยมศึกษา ปวช. ปวส. และปริญญาตรี เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ – 8 สิงหาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!