ดร.ก้องศักด  ยอดมณี  ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหาและอุปสรรคการเบิกจ่ายงบประมาณของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ภายหลังจากที่ได้รับข้อร้องเรียนและข้อเสนอจากการประชุมร่วมกับสมาคมกีฬาต่าง ๆ ซึ่งได้สะท้อนปัญหาโดยเฉพาะเรื่องของการเบิกจ่ายเงินที่ล่าช้าให้รับทราบ เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า
ขณะนี้ กกท. จะแก้ไขและปรับปรุงการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 1. กกท. ได้อนุโลมให้ใช้เอกสารบันทึกข้อตกลงให้การสนับสนุนระหว่าง กองทุนฯ กับ สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, 2. ให้ยกเลิกรายละเอียดการดำเนินงาน หรือ SOP เกี่ยวกับเอกสารการเบิกจ่ายที่มีความล่าช้าจนกว่าจะมีการประกาศใช้คู่มือในการเบิกจ่ายต่อไป, 3. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ให้สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยขอยืมเงินในการจัดกิจกรรมกีฬาที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และส่งเอกสารหักล้างเงินยืมภายใน 15 วัน และรายงานผลการดำเนินงานหลังจากเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมกีฬา ถ้าหากไม่ดำเนินการจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และไม่ให้ยืมเงินในรายการอื่น ๆ ต่อไป และ 4. ในการดำเนินงานปีงบประมาณ 2565 ที่จัดกิจกรรมไปแล้วนั้น ให้สมาคมฯ เร่งส่งเอกสารขอเบิกเงิน ส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติให้ยืมเงินไปดำเนินการ โดยจะขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายให้ภายในเดือนตุลาคม 2565
ซึ่งผู้เกี่ยวข้องหากเอกสารที่ยังไม่ถูกต้อง ขอให้แก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนและส่งให้ กกท. เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ต่อไป และหากมีข้อสงสัยประการใด ให้ติดต่อได้ที่ ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. โทร. 02 186 7111 ต่อ 7700 หรือที่ นายปรีชา  ลาลุน  ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ โทร. 08 1374 1137 และนายวรศักดิ์ ขันติบัณฑิต ผู้อำนวยการกองพัฒนากีฬาเป็นเลิศ โทร. 08 1486 7793

ทั้งนี้ ดร.ก้องศักด ได้แจ้งต่อว่านอกเหนือจากในฐานะที่อยู่ กกท.แล้ว การดำเนินการแก้ไขปัญหานี้เป็นสิ่งที่ตนเองในฐานะเลขานุการกองทุนต้องดำเนินการ ตามที่ได้รับมอบหมายการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 11 เมษายน  2565 ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติแนวทางการดำเนินการเบิกจ่ายเพื่อลดปัญหาเงินค้างจ่ายจากโครงการที่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากงบประมาณกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยให้ดำเนินการติดตามผลการใช้ใน 3 เดือนแรก และนำผลการดำเนินการรายงานต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ดังนี้ 1. การเบิกจ่าย สามารถดำเนินการได้ตามบันทึกข้อตกลง และ SOP ที่กำหนดงวดการจ่ายเงินได้ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ดังนี้ 1.1เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลง ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักกฎหมาย กกท. แล้ว เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุน ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564, 1.2 เห็นชอบการจัดทำรายละเอียดการดำเนินการ (Standard Operation Procedure : SOP) โดยการเบิกจ่ายให้พิจารณาตามขั้นตอนการดำเนินงานและผลสำเร็จของการดำเนินงานเป็นสำคัญ, 2. การเบิกจ่ายตามงวดที่ระบุไว้ใน SOP เพื่อให้ผู้ขอรับการส่งเสริมสนับสนุนมีเงินที่สามารถไปดำเนินการได้ ให้แนบเอกสารที่ผู้ขอฯ ได้ติดต่อผู้ขายหรือผู้ให้บริการไว้แล้วเพื่อจะดำเนินการต่างๆ เช่นใบเสนอราคาค่าสินค้า/บริการ, หลักฐานใด ๆที่ ผู้ขอฯได้ตกลงกับผู้ขาย/ผู้ให้บริการ, กรณีที่ไม่มีเอกสารระหว่างผู้ขอฯ กับผู้ขาย/ผู้ให้บริการ ให้ผู้มีอำนาจสูงสุดหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายขององค์กรผู้ขอ มีหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายเหล่านั้น, 3. การเบิกจ่ายงวดสุดท้าย ผู้ขอรับการส่งเสริมต้องนำเอกสารหลักฐานทางการเงินและบัญชีมาเบิกจ่าย เช่น ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี / หลักฐานการรับเงิน และในกรณีไม่สามารถเรียก ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี / หลักฐานการรับเงิน จากผู้ขายหรือผู้ให้บริการได้ ให้ผู้มีอำนาจสูงสุดหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายขององค์กรผู้ขอ มีหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายเหล่านั้น ออกใบสำคัญรับรองแทนใบเสร็จรับเงินว่าได้จ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านั้นจริง, 4. กรณีโครงการที่ผู้ขอรับการส่งเสริมสนับสนุนยื่นคำขอตามระเบียบ กกท. พ.ศ. 2559 ข้อ 14 ข้อ 15 และข้อ 16 ซึ่งผู้จัดการกองทุนต้องดำเนินการพิจารณาและเสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุน เมื่อคณะกรรมการบริหารกองทุนให้ความเห็นชอบสนับสนุนโครงการ ให้สำนักงานกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการตั้งเรื่องเบิกจ่ายในระบบ ERP และ 5. มอบหมายฝ่ายเลขานุการ ดำเนินการจัดทำประกาศ แนวทางหรือคู่มือการเบิกจ่ายให้เกิดความชัดเจน และนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบ กกท. พ.ศ. 2558 ข้อ 14 ข้อ 15 ข้อ 16 ข้อ 27 ข้อ 28 ข้อ 49 และข้อ 52 ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ข้อ 32 ข้อ 33 และมติคณะกรรมการบริหารกองทุน ซึ่งก็หวังว่าการแก้ไขปัญหานี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้ทุกอย่างลุล่วงจากความห่วงใยของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง “ผู้ว่าก้อง” กล่าว