สุทธิ มัณยากาศ คือ นักกรีฑาคนแรก และคนเดียว ที่สร้างผลงาน จนได้รับเหรียญสามารถพระราชทาน ที่เป็นเหรียญทองประกาศเกียรติคุณ จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นี่คือสิ่งที่ขอเริ่มเล่าถึงท่านก่อนอื่นๆ ใด ในบันทึกนี้
โดยข้อมูลส่วนใหญ่ที่จะบันทึกนี้เป็นการสัมภาษณ์ของ คุณ อำนวยศักดิ์ สว่างนก หรือ นามปากกาว่า ศักดิ์อำนวย แห่งหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่ลงไว้ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน 2528 และ อีกส่วนมาจากผลการแข่งขันกีฬาช่วงนั้น ๆ ที่ได้ค้นหามา

สุทธิ เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2479 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เริ่มเล่นกรีฑาอย่างจริงจังในตอนเรียนมัธยม ที่โรงเรียน นันทนศึกษา มีผู้ฝึกสอนคนแรกคือ ครูสุดใจ ธานินทร์ปฐมรัตน์ โดยในปี 2496 ถูกส่งแข่งกรีฑานักเรียน ยังไม่มีเหรียญรางวัล แต่ในการแข่งขันกรีฑานักเรียนปีต่อมา 2497 จากการจับเวลาในการชนะเลิศของเขา ทำได้ถึง 10.4 วินาที ในการวิ่ง 100 เมตร ซึ่งสร้างความฮือฮาได้มาก
จากนั้นก็สร้างประสบการณ์และผลงานมาต่อเนื่อง จนปี พ.ศ.2502 ประเทศไทยจั ดกีฬาเซียพเกมส์ เป็นครั้งแรก ก็ถูกเรียกเข้าคัดเลือก แล้วก็ติดทีมชาติแบบเป็นทางการในครั้งนั้น ซึ่งก็สามารถทำสถิติในการวิ่ง 100 เมตรได้ 10.4 วินาที และ อีก 2 ปีต่อมาในการแข่งขันเซียพเกมส์ครั้งที่ 2 ที่พม่า ก็ทำสถิติได้ 10.4 วินาทีอีกครั้ง

โดยจากผลงานนี้ ทำให้สถิติของ สุทธิ ในการวิ่ง 100 เมตร ถูกบันทึกว่าเป็นสถิติของงานเซียพเกมส์ ของประเทศไทย และ ยังเป็นสถิติเอเชียอีกด้วย เนื่องจากทำลายสถิติเดิม ที่ อับดุล กาหลิก นักวิ่งของปากีสถาน ทำไว้ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 2 คือสถิติ 10.6 วินาที และต่อมาอีก 14 ปี สถิติเอเชียนี้ ก็ถูกทำลายลงโดยผลงานของ อาณัติ รัตนพล นักวิ่งของไทยยุคต่อมา ที่ทำเวลาในการแข่ง 100 เมตร เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 8 ในปี 2518 คือ 10.38 วินาที
โดยสรุปการรับใช้ทีมชาติในงานสำคัญ ของ สุทธิ มัณยากาศ นั้น คือร่วมแข่งกีฬาเซียพเกมส์ หรือ กีฬาแหลมทองในนามทีมชาติไทย 2 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 ที่ไทย คว้าได้ 3 เหรียญทองจากการวิ่ง 100 เมตร 200 เมตร และ วิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร โดยจากผลงานการคว้า 3 เหรียญทองในกีฬาเซียพเกมส์ครั้งแรกนี้ ทำให้สมาคมกรีฑาในยุคนั้นเสนอความดีความชอบ และ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันสูงสุดของเขา เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญสามารถทองคำให้ และในการแข่งขันเซียพเกมส์ครั้งที่ 2 ที่พม่า สุทธิ ร่วมแข่ง ทำได้ 1 เหรียญทองจาก 100 เมตร และ 2 เหรียญทองแดง จาก การวิ่ง 200 เมตร และ ผลัด 4 คูณ 100 เมตร

นอกจากนั้น ในปี 2501 สุทธิได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 3 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยการวิ่ง 100 เมตร ได้ผ่านการคัดเลือกสู่รอบชิงสำเร็จ ปรากฏว่าได้อันดับที่ 6 เท่านั้น และร่วมทีมวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร เข้าถึงรอบชิง ทีมผลัดของไทยได้อันดับที่ 5 จึงไม่มีเหรียญรางวัล ต่อมาปี 2503 ไปแข่ง โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ปี 2505 ไปแข่งเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 4 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ลงแข่ง 100 เมตร ผ่านถึงแค่รอบรอง ขณะที่ ผลัด 4 คูณ 100 เมตร ได้อันดับที่ 4 รอบคัดเลือกเท่านั้น และ ปี 2507 ก็ได้เป็นตัวแทนไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 18 ที่กรุงโตเกียว

สุทธิ มัณยากาศ ได้ให้สัมภาษณ์ ปิดท้ายในครั้งนั้นว่า ในวงการกรีฑา ที่เป็นนักกีฬามากว่า 14 ปี นั้น ในทุกๆ งาน ทุกระดับที่ได้ทำการแข่งขันนั้น ได้เหรียญทองทั้งหมด 25 เหรียญ เหรียญเงิน 10 เหรียญ และเหรียญทองแดงอีกจำนวนหนึ่ง...”โดยในการได้รับใช้ชาติทุกครั้งถือเป็นความภาคภูมิใจของตนเองและวงศ์ตระกูลอย่างมาก”
นี่คือเรื่องราวของ สุทธิ มัณยากาศ อดีตลมกรด เหรียญทองพระราชทาน ที่เราได้บันทึกไว้.
#ติดตามประวัติ สุทธิ มัณยากาศ และชมคลิปการแข่งขันได้อีกช่องทางที่