ตอนที่ 28 : การใช้ประโยชน์ของกิจกรรมกีฬาเพื่อการศึกษา : หนังสืออุดมการณ์โอลิมปิกของคูเบอร์แต็ง : แปลโดย : ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

การใช้ประโยชน์ของกิจกรรมกีฬาเพื่อการศึกษา

            องค์กรการสอนกีฬานานาชาติได้เริ่มงานการประชุมและตามด้วยการจัดเลี้ยง ณ เดอะพาเลซ ในเดือนพฤศจิกายน 1928 ซึ่งอยู่ภายในบริเวณของมหาวิทยาลัยโลซานน์ภายใต้การอุปถัมภ์ของเมืองโลซานน์ คูเบอร์แต็งซึ่งยินยอมรับตำแหน่งผู้นำองค์กรนี้ ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของกิจกรรมกีฬาทางการศึกษาเพื่อเป็นเกียรติแก่วาระโอกาสนี้ ส่วนใหญ่ของสุนทรพจน์นี้ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำไว้ที่นี่ซึ่งถือเสมือนเป็นคำแถลงการณ์อย่างแท้จริง

            ตามรายงานของนิตยสารสปอร์ตสวิส คูเบอร์แต็งเริ่มต้นด้วยการอารัมภบทเชิญชวนโดยเปรียบเทียบสไตล์พ่อหัวร้อนของปิแอเรฟูชองกับภาพลักษณ์สง่างามของแจ็ก เปย์โรนิ และบรรยายกัปตันฟุตบอลรุ่นเยาว์คือ มองเตลองต์ ซึ่งอายุสิบสี่รูปร่างป้อมที่มีอำนาจความเป็นผู้นำทีม เน้นสุขอนามัยกีฬา เป็นนักเรียนขยัน สุขภาพดี ธรรมดาสามัญ แต่น่ากวนใจในความถือตัวที่ซ่อนไว้จากนั้น ท่านกล่าวถึงขอบเขตจำกัดที่เห็นว่ายังมีโอกาสในการปรับปรุงสถานการณ์ได้ ภายหลังการขีดวงปัญหาในเชิงภูมิศาสตร์ คูเบอร์แต็งกล่าวว่าพวกเราต้องหมายถึงนักยิมนาสติก นักฟันดาบ นักว่ายน้ำและนักพายเรือนอกเหนือจากกลุ่มคนที่มนุษย์หัวร้อนเหยียดหยามหรือไม่? แต่ละบุคคลนี้ทุจริตหรือไม่? เมื่อให้การยกเว้นแก่บุคคลที่ถูกต้อง โดยหากที่เหลือมีแต่นักฟุตบอลและนักเทนนิสหรือนักกรีฑา ท่านต้องยอมรับถึงการขีดวงแคบแก่สนามกีฬาในรายใดก็ตามบุคคลเหล่านี้จะมีขอบเขตความรับผิดชอบเพียงใด? มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทำลายพวกเขาซึ่งเริ่มต้นจากจำนวนเพิ่มขึ้นของสนามกีฬา ใช่หรือไม่?

            บทความต่อไปนี้ผสมผสานสุนทรพจน์ของคูเบอร์แต็งพร้อมความเห็นของนักเขียนนิตยสาร

             สนามกีฬาจำนวนมากเกินควร 

            “สนามกีฬาถูกสร้างขึ้นอย่างไม่รอบคอบในทุกหนแห่ง ความใคร่รู้เหล่านี้มีมากพอให้ปรากฎผ่านการตีพิมพ์ถึงเก้าครั้งในวารสารเดอะรีวิวโอลิมปิกรายเดือนซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ทางการของคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ โดยจะพบการเตือนไม่ให้การกีฬาเป็นการแสดงโชว์และผลที่เกิดขึ้นจากการใช้แนวทางการเขียนบทความเมื่อสิบแปด ยี่สิบและยี่สิบสองปีก่อน ในขณะที่ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า เมื่อที่นั่งสำหรับผู้ชมจำนวนสี่หมื่นคนได้ถูกสร้างขึ้น ท่านจะต้องจัดคนให้เต็มและหมายถึงการดึงดูดฝูงชน การดึงดูดฝูงชนนั้น ท่านจะต้องการชุดประชาสัมพันธ์และเพื่อทำให้การประชาสัมพันธ์เกิดผล ท่านจะต้องดึงดูดสมาชิกที่อารมณ์เต็มเปี่ยม…ถูกต้องแล้ว ข้าพเจ้ากล่าวถึงเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา แต่กลับไม่มีใครจะรับฟัง สนามกีฬาเกือบทั้งหมดที่สร้างในหลายปีนี้เป็นผลจากความต้องการท้องถิ่นและผลประโยชน์การค้าที่มากเกินควร ไม่ใช่ประโยชน์แก่โอลิมปิกทั้งสิ้น ในวันนี้ ผลที่เกิดขึ้นตามที่ข้าพเจ้าได้ทำนายไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แพร่กระจายมากขึ้น ผู้คนล้วนต่างต่อต้านนักกีฬาโดยกล่าวหาว่าพวกเขาทุจริตซึ่งเป็นการยัดเยียดในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้ายอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า นักกีฬาไม่ได้ทุจริตมากกว่าความเป็นจริงสักร้อยเท่า ข้าพเจ้าเห็นว่า กรณีใหญ่โตเกินตัวเหล่านี้คือแหล่งทุจริตที่รากเหง้าของความชั่วร้าย จงขจัดสิ่งเหล่านี้ แล้วทุกอย่างจะปรากฎเด่นชัดขึ้นด้วยตนเอง รายได้ค่าผ่านประตูจะกลับสู่ปรกติ การพนันจะมลายหายไป และการโฆษณาจะจืดจางลง สหพันธ์จะประสบความเร้าอารมณ์น้อยลงและโอกาสของความชั่วร้ายจะอยู่ห่างไกล พลังอำนาจและโอกาสที่จะใช้ในทางที่ผิดจะลดน้อยถอยลง นักกีฬาจะได้รับการปกป้องด้วยตนเอง ไม่มีใครจะต้องย้ำเตือนว่า นักกีฬายังชีพด้วยมาตรฐานจริยธรรมขั้นสูง (หากไม่ถึงขั้นอภิมนุษย์) ซึ่งเหล่าผู้เกรี้ยวกราดจำนวนมากต่อนักกีฬาที่ทำไม่ได้จะไม่สามารถดำเนินชีวิตตามมาตรฐานเหล่านี้ด้วยตนเองได้ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน” อย่างไรก็ตาม คูเบอร์แต็งก็คิดว่า สิ่งนี้เป็นแต่เพียงด้านลบของการแก้ไข โดยท่านกล่าวว่า “พวกเรามีสิทธิที่จะหวังถึงผลเชิงบวกที่มีนัยสำคัญมากขึ้น ซึ่งพวกเราไม่เพียงยอมปล่อยให้อิทธิพลภายนอกทำลายนักกีฬา แต่ยังล้มเหลวที่จะฟูมฟักความแข็งแกร่งภายในตัวนักกีฬาที่จะต่อสู้ด้วย พวกเราพลาดต่อการสนับสนุนแก่นักกีฬารายบุคคลที่จะยืนหยัดบนพัฒนาการด้านจริยธรรมของตนเอง”

             ความผิดอยู่ที่นักการศึกษา

            “หากจะมีความล้มเหลว โดยข้าพเจ้าได้กำหนดอย่างแคบมากซึ่งตนเองยอมรับที่จะใช้คำแสดงออกเช่นนั้น สิ่งนี้คือนักการศึกษาที่ต้องรับผิดชอบ นักการศึกษามีสามประเภทกล่าวคือ พ่อแม่ ครูและนักวารสารศาสตร์ ผู้ซึ่งอารยธรรมสมัยใหม่ได้มอบบทบาทหน้าที่เฉพาะให้ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการหรือไม่ ในมือของคนเหล่านี้ การกีฬาศึกษาคือเครื่องมือเปี่ยมพลังต่อการพัฒนามนุษย์ในระดับที่แตกต่างและวิธีการที่หลากหลาย พวกเขาต่างไม่ทราบวิธีการใช้การศึกษานี้ ครูคือผู้กระทำผิดที่สุดเพราะขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะโน้มน้าวพ่อแม่และสื่อมวลชน พวกเราได้ลงมือเมื่อเริ่มต้น พวกเราเคยปฏิบัติในอังกฤษที่ซึ่งพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการสอนของโทมัส อาร์โนลด์ ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็เคยทำในฝรั่งเศสเมื่อสี่สิบปีก่อนยามที่นักเรียนมัธยมศึกษาได้ลุกขึ้นตามคำเรียกร้องของข้าพเจ้าในการต่อสู้กับสภาพหดหู่และน่าเศร้าใจโดยการพังทลายประตูกรงขังของตนเองเพื่อนำพาอากาศบริสุทธิ์เข้ามา (คำที่ใช้โดย ฟรานตซ์ ริเชล ซึ่งเป็นแบบอย่างของกลุ่มนี้) จากนั้น กลุ่มครูใหญ่และคณะครูชาญฉลาดเช่น ฟริงเน็ต มอร์เล็ต และอดัม ได้ร่วมมือกับความบ้าระห่ำวัยเยาว์นี้และประคับประคองความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างหาญกล้า แม้จะมีนักบริหารการศึกษาจำนวนหนึ่งที่ยืนยันถึง “ความบันเทิง” ของการกีฬา แต่นักการศึกษาเหล่านี้ได้ใช้การกีฬาเพื่อสร้างวัฒนธรรมจริยศาสตร์ขึ้น หนึ่งในนักเรียนของพวกเขาที่กลายเป็นผู้อำนวยการด้วยความสามารถตนเองคือ หลุยส์ เดเด็ต ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการของวิทยาลัยนอร์มังดี ได้เป็นผู้นำนักเรียนของตนเหมือนที่เคยเป็นผู้นำทีมฟุตบอลของเพื่อนร่วมชั้น เนื่องเพราะเพื่อนข้าพเจ้าคือ มาร์แชล ลิยูเตย์ ได้กล่าวไว้ก่อน ข้าพเจ้าจึงกล้าที่อวดอ้างว่า ยุคสมัยนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะชนะสงครามด้วยการตระเตรียมความทรหดอดทนของร่างกายและจิตใจที่ประเทศไม่มีเมื่อห้าสิบปีก่อน ไม่ใช่ด้วยการมอบความกล้าหาญแก่ประเทศซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ

            ด้วยความหลากหลายของทิศทางที่แตกต่างในฝรั่งเศสและอังกฤษ ขณะนี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะเขียนถึงวิธีการและเหตุผลที่นักการศึกษาได้ปล่อยมือไปจากเครื่องมือซึ่งเคยสร้างความสะเทือนแก่จิตวิญญาณของประเทศชาติ นอกจากนี้ จะมีใครเข้าใจข้าพเจ้าหรือไม่? นักประวัติศาสตร์ผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขยายความสนใจจากการสู้รบและช่วงเวลาสำคัญสู่คำถามด้านเศรษฐศาสตร์ จะพร้อมยอมรับอิทธิพลของกระแสหลักการศึกษาที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆที่ตนเองกำลังกล่าวถึงหรือไม่?” ภายหลังการกล่าวอย่างสั้นเกี่ยวกับการปฏิรูปแผนการศึกษาตามแนวการดำเนินงานของสหภาพคณาจารย์มหาวิทยาลัยที่ตนเองเป็นผู้นำอยู่นั้น คูเบอร์แต็งได้อธิบายถึงการใช้ประโยชน์ของนักกีฬาด้านจริยศาสตร์

             จากนักกีฬาสู่มิติจริยศาสตร์

            “สี่ปีก่อน ข้าพเจ้าได้สลักคำซึ่งกระชับตามแบบละตินที่เป็นได้ลงบนเหรียญรางวัลเพื่อการบ่มเพาะการกีฬาในแอฟริกาโดยเป็นการรณรงค์ที่ข้าพเจ้าได้ริเริ่มดังนี้ Athletae proprium est se ipsum noscere decree et vincere (ขึ้นอยู่กับตัวนักกีฬาที่จะเข้าใจ กำกับดูแล และมีชัยต่อตนเอง) ข้อความนี้อาจเสมือนเป็นการลอกเลียนเนื่องเพราะสะท้อนถึงโสเครติสและเซนต์พอล ในเหตุการณ์ใดก็ตาม คงจะไม่สามารถพบว่าสิ่งนี้ไม่เป็นความจริง ด้วยความพากเพียรอุตสาหะในการฝึกซ้อม นักกีฬาที่คาดหวังรางวัลซึ่งตนเองปราศจากพรสวรรค์ธรรมชาติที่จะประกันได้ จะถูกบังคับสู่ข้อผูกมัดของสามองค์ประกอบนี้คือ การเข้าใจตนเอง การกำกับดูแลตนเอง และการเอาชนะตนเอง พวกเราจำเป็นต้องสรุปว่า นักกีฬาทั้งปวงล้วนต่างมุ่งสู่จริยธรรมสมบูรณ์หรือไม่? ไม่ต้องเลย เนื่องเพราะคุณสมบัติเหล่านี้ยังคงถูกคุมขังอยู่ภายในกรอบแคบของรูปแบบจำกัดของความทะเยอทะยาน ซึ่งขึ้นอยู่ตัวนักการศึกษาที่จะดึงสิ่งเหล่านี้ออกมาและขยายขอบเขตไปสู่บุคลิกภาพโดยรวม และขึ้นอยู่กับนักการศึกษาที่จะสลับสับเปลี่ยนแนวทางจากเพียงระดับเทคนิคสู่ระดับทั่วไป เพื่อการนี้ ไม่มีความจำเป็นแน่แท้ที่ครูจะต้องผูกพันตนเองกับกีฬาชนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่า ควรจะเป็นเช่นนั้น หากกระทำได้ เขาจะได้รับการยกย่องอย่างยิ่ง สี่สิบปีก่อน ข้าพเจ้าสังเกตเสมือนนักเรียนคนหนึ่งของโรงเรียนพับลิกชั้นในอังกฤษที่เมืองคลินตันซึ่งใกล้บริสตอลที่ปราบปลื้มกับข่าวเกี่ยวกับครูใหญ่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการสถานศึกษาโดยท่านเป็นนักกีฬากระโดดไกลหกฟุตเมื่อครั้นเป็นนักเรียน ข้อเท็จจริงซึ่งท่านเป็นเจ้าของสถิติในขณะนั้นได้ส่งเสริมอำนาจหน้าที่อย่างเด่นชัดยิ่ง

            นักการศึกษาฝรั่งเศสซึ่งข้าพเจ้ากล่าวถึงเมื่อสักครู่ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่พวกเขาก็พยายามศึกษาเทคนิคกีฬาตลอดเวลาโดยให้ความใส่ใจในความสำเร็จของนักเรียน คลุกคลีกับนักเรียนและเข้าร่วมการประชุมของนักเรียน บ่อยครั้งที่ตัวอย่างโดดเด่นของสหายข้าพเจ้าคือบาทหลวงดิดอนแห่งโรงเรียนอาร์คูอิลปรากฎขึ้นในใจซึ่งทำให้ได้ฟังพวกเขาอภิปรายหัวข้อคุ้นหูแต่สำคัญของการเปลี่ยนผ่านความเป็นนักกีฬาจากมิติการกีฬาไปสู่มิติจริยศาสตร์ พวกเขาชื่นชมจิตใจที่หนักแน่นของอาร์โนลด์และคิงส์เลย์ที่ได้เข้าร่วมอย่างกล้าหาญยิ่งในอังกฤษเมื่อสี่สิบปีก่อน โดยพวกเขาตระหนักเป็นอย่างดีว่า แม้การตีความคำละตินจะพัฒนาจิตใจ (กิจกรรมหนึ่งที่กลายเป็นสิ่งประหลาดสำหรับพวกเรา) แต่เป็นการกีฬาซึ่งพร้อมด้วยการสัมผัสที่อันตราย ทางเลือกและโอกาสต่างๆที่จะจัดเตรียม (ขออภัย! กีฬาทำได้) ร่างกายและคุณลักษณะสำหรับการต่อสู้ของชีวิต พวกเขารับรู้ถึงการกีฬาที่ประสมประสานสององค์ประกอบกล่าวคือ การช่วยเหลือและการแข่งขันระหว่างกัน ซึ่งเมื่อบูรณาการแล้วจะประกันถึงสันติภาพของสังคม พวกเขาเข้าใจว่า การกีฬาคือส่วนผสมของความมั่นใจและความหวาดระแวง ความบ้าบิ่นและความรอบคอบ ความทะเยอทะยานและการยับยั้งชั่งใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งต่อการบรรลุความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ดังที่เป็นอยู่ คือ รากฐานของดุลยภาพที่ถูกต้องของมนุษย์

            ท่านสุภาพชน แนวคิดการกีฬาศึกษาจะต้องได้รับการฟื้นฟูภายในสถานที่ต่างๆซึ่งแนวคิดนี้ดำรงอยู่และต้องถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ซึ่งไม่มีแนวคิดนี้ เพื่อการนี้ พวกเราต้องปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อการปฏิรูปที่จำเป็นของแนวทางนี้ซึ่งหมายถึง อธิปไตยของการกีฬาโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ความเป็นอิสระของพวกเขาจากสหพันธ์กีฬาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (องค์กรของสหพันธ์เหล่านี้ไม่มีความมั่นคง ข้าพเจ้าเชื่อว่า จะล้มลง เมื่อโครงสร้างองค์กรขยายใหญ่ขึ้น) พวกเราต้องห้ามนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาจากการเข้าร่วมการแข่งขันทั่วไปซึ่งจัดเก็บค่าผ่านประตู พวกเราต้องห้ามนักศึกษามหาวิทยาลัยจากการแข่งขันในรายการดังกล่าวโดยปราศจากการอนุญาตจากมหาวิทยาลัย การเดินทางไม่หยุดหย่อนที่เกี่ยวเนื่องกับการชิงชนะเลิศและรองชนะเลิศจะต้องถูกหยุดยั้งลง การเดินทางเหล่านี้กีดขวางการเรียน มีค่าใช้จ่ายสูง และเป็นวิธีที่แย่สุดในการชมทิวทัศน์ของประเทศ การเดินทาง “แบบไฟกระพริบ” นี้จะก่อให้เกิดอคติมากกว่าการลดทอนลง ข้าพเจ้าเห็นว่า ทุกโรงเรียนควรจะมีสมาคมกีฬาโรงเรียนที่ตอบสนองนักเรียนไม่เพียงหนึ่งหรือสองคน แต่จำนวนมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกชนิดกีฬา (ท่านทราบดีว่า ยิมนาสติกคือรายการแรกตามความเห็นของข้าพเจ้า) สัญชาติญาณการต่อสู้ควรได้รับการรักษาไว้ในสมาคมเหล่านี้ด้วยการแข่งขันระหว่างโรงเรียนต่างๆในภูมิภาคเท่านั้น สมาคมควรได้รับการบริหารโดยนักเรียนภายใต้การกำกับดูแลของคณะครูซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นประธาน นอกเหนือจากการโฆษณาและงานเขียนของนักเรียนแล้ว หนังสือพิมพ์กีฬาฉบับย่อมจะเปิดโอกาสให้พวกเขาสู่สิ่งที่ตนควรรู้โดยนำเสนอเหตุการณ์โลกและพัฒนาการที่สำคัญของความเป็นอยู่ในปัจจุบัน”

             ความวิตกต่อสตรีเพศนิยม

            “โรงเรียนต้องได้รับการสนับสนุนต่อความพยายามเหล่านี้จากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งยกเว้นแต่เพียงพ่อแม่เท่านั้น พ่อแม่จะร่วมสนับสนุนหรือไม่? ข้าพเจ้าร้องขอให้พวกเขาเข้าร่วม แต่จะไม่คุกเข่าสรรเสริญเพื่อพยายามประกันความสำเร็จ ในทางกลับกัน ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อบอกกล่าวพวกเขาจำนวนมากว่า ความไม่กล้าในปัจจุบันของพวกเขานั้นเป็นที่น่าเห็นใจ พวกเขาเลี้ยงดูลูกชายและโดยเฉพาะลูกสาวตนเองอย่างไร? ณ วันนี้ในหลายประเทศ เด็กหญิงเป็นอันตรายแก่เด็กชาย แต่พ่อแม่กลับกระตุ้นให้เด็กชายในวัยเยาว์แสดงว่า พวกเธอมีเสน่ห์ ฉลาดและเจ้าเล่ห์ พ่อแม่พบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นที่น่าขบขันและมีความยินดีในสิ่งนี้ โดยไม่เพียงเป็นสร้างคนรุ่นพฤติกรรมผิดเพี้ยนแต่รวมถึงบุคลิกภาพเย็นชาต่อผู้อื่นซึ่งเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดในโลก สังคมนี้กำลังเติบโตโดยขาดคนใส่ใจ จงทำให้พวกเขาตระหนักถึงประเทศเพื่อนบ้าน เอเชียที่กำลังพัฒนาและแอฟริกาใหม่ นอกจากนี้ ขอให้พวกเขาตระหนักถึงประชากรแรงงานในทุกแห่งที่มีจำนวนและความเข้มแข็งมากที่สุด ด้วยการไม่ได้รับการศึกษาที่พวกเขาไม่ควรถูกปิดกั้น กลุ่มคนเหล่านี้กำลังเข้าร่วมการกีฬาซึ่งแสดงถึงคุณค่าทางการศึกษาในตนเองที่น่าสนใจไม่น้อย

            หญิงสาวที่มีความโหดร้ายพอตัวซึ่งข้าพเจ้าเพิ่งกล่าวถึง จะสามารถเรียนรู้จริยศาสตร์ด้วยการกีฬาได้เช่นกันหรือไม่? ข้าพเจ้าไม่เชื่อเช่นนั้น อาจจะสำเร็จในเรื่องการพลศึกษาและวัฒนธรรมกีฬาทางกาย สิ่งนี้เป็นคุณวิเศษแก่เด็กหญิงและผู้หญิง แต่ความเถื่อนดิบของพลังเพศชายซึ่งเป็นพื้นฐานของการกีฬาศึกษาที่ประยุกต์ใช้อย่างรอบคอบนั้น จะเป็นที่น่าวิตกกังวลยิ่งสำหรับเพศหญิง ความเถื่อนดิบนี้จะเกิดขึ้นทางกายก็ต่อเมื่อประสาทขยายเกินขอบเขตสมรรถนะธรรมชาติและปรากฎทางจริยธรรมก็ต่อเมื่อสูญสิ้นคุณลักษณะเพศหญิงที่มีค่าสุดเท่านั้น วีรสตรีไม่ใช่วิญญาณล่องหน ข้าพเจ้าอาจกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า วีรสตรีเป็นสิ่งธรรมดาและบางคราวเป็นที่น่าชื่นชมยิ่งกว่าวีรบุรุษ อย่างไรก็ตาม ไม่มีความจำเป็นที่ เอดิธ คาเวลล์ หรือ กาเบรียลเล เปติต ซึ่งได้รับการกล่าวขานจากชาวเบลเยียม ที่จะต้องเป็นนักกีฬา ด้วยความเสี่ยงที่จะสร้างความไม่พึงพอใจแก่ผู้นิยมวรรณกรรมที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ข้าพเจ้าจะขอกล่าวตามความเห็นของตนเองว่า โจน ออฟ อาร์ค ก็ไม่ใช่นักกีฬาเช่นกัน

            แม้ข้าพเจ้าจะต้องการลดความถี่ของการแข่งขันระหว่างเด็กชายทั้งหลาย แต่ขอยืนยันหนักแน่นว่า ธรรมเนียมนิยมนี้จะต้องคงอยู่ รูปแบบการแข่งขันกีฬานี้เป็นส่วนสำคัญของการกีฬาศึกษาพร้อมด้วยความเสี่ยงและผลลัพธ์ทั้งปวง การเพิ่มเติมองค์ประกอบด้านสตรี จะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายยิ่ง ประสบการณ์ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมดูเหมือนจะให้นำ้หนักต่อการคัดค้านของข้าพเจ้าที่จะให้สตรีเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ โดยภาพรวม ปฎิกิริยาในวันนี้ไม่มีความเป็นมิตรต่อการรับชมรายการกีฬาสตรีที่อยู่ในรอบปีโอลิมปิกที่เก้า หากสตรีบางคนต้องการเล่นฟุตบอลหรือชกมวย จงปล่อยพวกเธอโดยรายการกีฬานั้นเกิดขึ้นโดยไม่มีผู้ชม เนื่องเพราะผู้ชมที่พากันแห่เข้าการแข่งขันนั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อการชมกีฬา”

            “น้ำขึ้น”

            “ลักษณะสำคัญยิ่งของการกีฬาศึกษาคือการดำรงอยู่ต่อเนื่องจากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ เป้าประสงค์ของการกีฬาศึกษาคือการขัดเกลาวัยหนุ่มและทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็มีจุดตัดเบื้องต้นของการกีฬาศึกษากล่าวคือ ไม่มีพื้นที่สำหรับวัยเด็ก พวกเรากำลังทำความผิดพลาดมหันต์ในปัจจุบันโดยการให้เด็กเข้าร่วมเล่นกีฬาในวัยเยาว์นี้ การกีฬาศึกษาสูญเสียความแหลมคมในฐานะเครื่องมือชั้นยอดหากนำมาใช้ก่อนเวลาอันควร พัฒนาการก่อนวัยจึงเกิดขึ้น สิ่งนี้คือข้อเสียทั่วไปของการศึกษาในปัจจุบัน ดูเหมือนว่า รุ่นพวกเราจะต้องการเร่งรัดฤดูกาลเติบโต โดยแทบจะตัดฤดูใบไม้ผลิทิ้งไป พวกเขาคิดว่าจะยืดเวลาฤดูร้อน (หมายถึงช่วงเวลาของผลิตผลสมบูรณ์) ธรรมชาติหยามเหยียดแผนการนั้นและจะทวงสิทธิกลับคืนในไม่ช้า ให้ระวังฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่เร็วขึ้น ด้วยการบังคับให้ผลิดอก ท่านอาจเพียงทำให้ใบไม้ร่วงเร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น

            ความเสื่อมและทรุดโทรมตามอายุคือขีดจำกัดเท่านั้นของการกีฬาศึกษา การกีฬาได้รับการพิจารณาในเบื้องต้นว่าเป็นสิ่งสำหรับวัยหนุ่มสาว (จึงเป็นความรวดเร็วตามธรรมชาติ) และบางสิ่งที่ต้องทำเป็นกลุ่มเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์แก่เมือง ประเทศและชาติพันธุ์ การกีฬาจะต้องสร้างความผูกพันส่วนบุคคลและดำเนินต่อเนื่องยาวนานเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้นำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า ไม่มีแหล่งพลังงานใดที่จะมั่นคงไปกว่านายทหารวัยยี่สิบถึงสามสิบปี ในทางเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดจะสดชื่นแก่ชีวิตพลเรือนไปกว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่า “น้ำขึ้น”

            เราต้องอาศัยอยู่เลียบชายฝั่งที่มีคลื่นทรงพลังจึงจะสามารถชื่นชมอำนาจและความสวยงามยิ่งของสิ่งที่เรียกว่า “น้ำขึ้น” ที่พรรณนาช่วงจังหวะที่น้ำขึ้นถึงจุดสูงสุดและหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนที่จะลดระดับลง ในบางครั้ง ลมดูจะอ่อนแรงลงเช่นกัน เราอาจคิดว่า โลกใบนี้ร่วมผ่อนคลายไปกับองค์ประกอบอื่น เปลวเพลิงลุกโชนจากกองไฟในชนบทชวนรำลึกถึงความเชื่อในอดีต ละทิ้งวงที่เคยขดลอยล่องสู่นภาลัย

            ช่วงจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ซึ่งเป็นเวลาที่คลื่นสติปัญญาและกล้ามเนื้อทะยานถึงขีดสุดและยามที่บุคคลอาจโชคดีพอที่จะตระหนักถึงสิ่งนี้ ไม่ใช่ทุกคนจะมีโชคดีเช่นว่านี้ สถานการณ์จำนวนหนึ่งอาจฉุดรั้งสิ่งนี้เช่น ปัญหาสุขภาพ โอกาสไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ ภาระงานหนักหน่วง…เนื่องด้วยชะตาชีวิตไม่เท่าเทียมและความอยุติธรรมปรากฎบนหนทาง แต่ผู้คนจำนวนมากก็ปล่อยช่วงมหัศจรรย์นี้ให้ผ่านไปอย่างง่ายดายเพราะพวกเขาไม่ใส่ใจแม้ตนอาจจะมีสิ่งนี้ด้วยแรงปรารถนา สำหรับหลายคนแล้ว ความเพียรตั้งแต่วัยเยาว์ในเวลาที่เหมาะสมอาจประกันความชำนาญการที่ทรงคุณค่าแก่พวกเขา

            มนุษย์สามารถทำในหลายสิ่งเพื่อความสำราญใจต่อปรากฏการณ์น้ำขึ้น ความยากคือการจะสำเร็จนั้น เขาจะต้องยืดความหนุ่มของกล้ามเนื้อและเร่งรัดวุฒิภาวะสมองของตนเองเพื่อนำพาร่างกายและสติปัญญาไปสู่ความสมบูรณ์ที่พร้อมเพรียงกัน ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่องานของสหภาพการศึกษาแล้วเสร็จและได้รับการเรียนรู้ จะจัดเตรียมความช่วยเหลือในเวลาอันควรแก่สติปัญญาของมนุษย์ สำหรับกล้ามเนื้อของพวกเขานั้น จะต้องคอยจนกว่าโรงยิมโบราณซึ่งมีหลักการตามโบราณกาลแต่รูปแบบปัจจุบันสมัยจะถูกรื้อฟื้นและจนกระทั่งแต่ละเมืองจะสร้างโรงยิมแบบนี้จำนวนหนึ่งหรือสองแห่งแทนที่สนามกีฬาที่ข้าพเจ้าประณามเมื่อสักครู่ ท่านจะสามารถคาดหวังให้ผู้ใหญ่แต่ละคนคงสภาพตนเองให้เป็นนักกีฬาที่ดีได้อย่างไร? พวกเขาจะไปสถานที่ใดเพื่อออกกำลังกายในช่วงเวลาที่สั้นและมีไม่มากที่จะสามารถกระทำได้ภายในปฏิทินอาชีพที่แน่นขนัดของตนเอง?

            ท่านอาจประหลาดใจที่ข้าพเจ้านำเรื่องผู้ใหญ่รายบุคคลเข้ามาสู่การกีฬาศึกษา บางท่านอาจคิดว่า ข้าพเจ้าแสดงความเอื้ออาทรที่มากควรต่อปัจเจกชน แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันทำให้ข้าพเจ้ายังคงต้องพิจารณาเขาว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจสุด ผู้คนอาจคิดว่า ปัจเจกชนนี้หลีกพ้นการควบคุมของนักการศึกษา แต่หาไม่ หากเขาได้รับการชี้แนะที่ดีระหว่างการศึกษา คนผู้นี้จะเป็นครูของตนเอง เกี่ยวกับผู้ใหญ่นี้ ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวในสองประเด็นไว้นานมากแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลมากพอต่อการมุ่งไปยังความสนใจของนักการศึกษาตราบจนวันนี้”

             การตอบสนองแรงปรารถนา 

            “ร่างกายต้องรื่นรมย์กับสุนทรียทางประสาทสัมผัสซึ่งไม่ได้หมายถึงสุขภาวะแต่เป็นความเบิกบานทางกายอย่างเข้มข้น ความจำเป็นต้องการนี้ไม่ปรากฎในทุกช่วงวัยเนื่องเพราะไม่ใช่เป็นสัญชาติญาณตามธรรมชาติ ด้วยข้อเท็จจริงนี้ ยามที่จิตวิญญาณหรือการถือสันโดษครอบงำก็สามารถข่มแรงกระตุ้นในชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม เมื่อมนุษย์ได้ผ่านขั้น “เสรีภาพทางกาย” (หากข้าพเจ้าจะเรียกเช่นนี้) ความเบิกบานทางกายอย่างเข้มข้นนี้จะกลับมาเป็นส่วนสำคัญเพื่อทำหน้าที่หลักและเหมาะสมแก่ปัจเจกชน การกีฬาสร้างความรื่นรมย์ทางกายเช่นความเบิกบานทางกายอย่างเข้มข้น นักกีฬาจำนวนมากจะยืนยันได้ว่า ในบางสถานการณ์ ความเบิกบานนี้นำไปสู่คุณลักษณะเชิงบังคับและก่อกวนแรงปรารถนาของประสาทสัมผัส แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนจะมีประสบการณ์นี้ซึ่งต้องการความรู้สึกบางประการของความนิ่ง ความพลุ่งพล่าน และการปราศจากความใส่ใจหรือการควบคุมตนเองที่ศูนย์กลางของความปรีดาทางประสาทสัมผัสหนึ่งใด นักว่ายน้ำ ขี่ม้า ฟันดาบและยิมนาสติกบางคนจะบอกแก่ท่านว่า พวกเขารู้จักความปรีดานั้นเป็นอย่างดี ความดื่มด่ำในความสุขของคลื่นน้ำ การควบม้า ความบากบั่น หรือบาร์โหนเป็นความรู้สึกรุนแรงเช่นเดียวกับอาการมึนเมาทั่วไป ประสบการณ์นี้เป็นของจริงและแน่ชัดโดยเหนือกว่ารูปแบบ “อื่น” เนื่องจากสิ่งนี้ไม่เคยถูกกระตุ้นเสริมแต่งขึ้นจากจินตนาการและยังพึงพอใจแม้ปริมาณจะมากเกินควรก็ตาม ความสำราญใจช่วยผ่อนคลายความรู้สึกผ่านความเหนื่อยล้าและความพึงพอใจ ซึ่งไม่เพียงสร้างดุลยภาพแก่ความรู้สึกแต่ยังทำให้เกิดความพึงพอใจด้วย

            ผู้ชายยังมีอีกแรงปรารถนาหนึ่งซึ่งจะต้องได้รับการยับยั้งด้วยความพึงพอใจจากบางสิ่งแม้ว่าจะเป็นระดับที่ต่ำกว่ามากก็ตามที แรงปรารถนานั้นคือความโกรธแค้น แม้ไม่ต้องการเล่นคำ แต่ก็เป็นการรังเกียจที่เกินควร ในภาษาฝรั่งเศส คำว่า “colere” (โกรธแค้น) ปะทุจุดเริ่มต้นของความรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้ซึ่งผิดพลาดที่ตัดความโกรธเคืองแบบไม่ก้าวร้าวหรือทุเลาลงทิ้งไป ความโกรธแค้นเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่มีผลร้ายเป็นทวีคูณต่อผู้ประสบและปล่อยให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง นักจริยธรรมแนะว่า พวกเราเพียงแต่ต้องควบคุมตนเองเท่านั้น แม้จะน่าฟังแต่คงจะง่ายเกินไปและไม่ได้ผล ความเรียบง่ายนี้เกิดจากความสับสนที่ยังคงวนเวียนระหว่างคุณลักษณะและความดีงาม คุณสมบัติของคุณลักษณะไม่ได้ขึ้นอยู่กับมิติจริยธรรมและไม่ได้เป็นผลจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี คุณสมบัติเหล่านี้ คือ ความกล้าหาญ เจตจำนง ความพากเพียร ความทะนงตัว และความทรหด สามในสี่ของสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับร่างกาย ช่วยบอกข้าพเจ้าว่า จะดีกว่าหรือไม่หากชายคนหนึ่งเปลี่ยนจากการทำลายเก้าอี้หรือขว้างแก้วน้ำเพื่อสงบอารมณ์ให้เป็นการหยิบจับและใช้อุปกรณ์กีฬาชิ้นหนึ่งแทน ถึงแม้จะรุนแรงก็ตามที? ท่านคิดว่าเป็นความเห็นเชิงอุดมคติหรือไม่? ในทางตรงข้าม สิ่งนี้ปฏิบัติได้และเป็นสามัญสำนึกที่พบได้จากประสบการณ์ ข้าพเจ้าเคยเล่าประสบการณ์ของ ธีโอดอร์ รูซเวลต์ อยู่หลายครั้งก่อนหน้าในช่วงที่ท่านกำกับดูแลตำรวจนิวยอร์คและเป็นห่วงเป็นใยต่อการชกต่อยที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ “ตัวเมือง” ท่านจึงจัดให้มีสังเวียนมวยอยู่หลายแห่งโดยไม่คิดค่าบริการแก่ชุมชนขึ้นชื่อเหล่านี้ ในทันใด จำนวนการชกต่อยบนท้องถนนลดลงอย่างมากมาย”

            จากนั้น ท่านคูเบอร์แต็งได้กล่าวถึงการประชุมจิตวิทยาการกีฬา ค.ศ.1913 ภายในโถงมหาวิทยาลัยโลซานน์โดยผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากเข้าร่วมการประชุมซึ่งรวมถึง เฟอร์เรโร (นักประวัติศาสตร์) ที่กล่าวเปิดงานด้วย ท่านประธานาธิบดีรูซเวลต์เองก็ได้ร่วมส่งอัตตชีวประวัติที่มีประโยชน์มาก “เกี่ยวกับบทบาทที่การกีฬามีต่อชีวิตท่านและวิธีการที่ท่านใช้กีฬาชกมวย (ซึ่งตัวเองหวาดกลัว) พัฒนาตนเองจากวัยรุ่นที่บอบบาง ประหม่าและขี้อาย ไปสู่ผู้ชายที่หาญกล้าและบึกบึน” ภายหลังการทบทวนวาระการประชุมที่จัดเตรียมสำหรับผู้เข้าร่วมการประชุมแล้ว คูเบอร์แต็งยอมรับว่า โลซานน์มีความชอบธรรมต่อการกล่าวอ้างว่า การประชุม ค.ศ.1913 ทำให้พวกเขาภูมิใจในสถานที่สำหรับสาขาวิชาการกีฬาศึกษา คำกล่าวอ้างเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนยิ่งขึ้นจากการดำเนินงานของสถาบันโอลิมปิกในช่วงสงครามเมื่อเปิดใช้ประโยชน์แก่นักโทษสงครามชาวฝรั่งเศสและเบลเยียม จากนั้น คูเบอร์แต็งได้เชื่อมโยงการตอบสนองของสำนักวิชาการสอนกีฬานานาชาติ (International Bureau of Sports Pedagogy: B.I.P.S.) แก่มติมหาชนซึ่งเรียกร้องการแทรกแซงและแก้ไขที่แม้จะมากมายก่ายกองเกินควร

            การจัดตั้งและกิจกรรมของสำนักวิชาการสอนกีฬานานาชาติ (International Bureau of Sports Pedagogy: B.I.P.S.)

            “พวกเราได้ลงมือริเริ่ม พวกเราทดลองเสี่ยง โครงการของพวกเราสร้างความพึงพอใจโดยรวมซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ข้าพเจ้าไม่เคยคาดหวังความพึงพอใจดังกล่าวอย่างแพร่หลายหรือสมบูรณ์ ก้าวแรกของสำนักงานคือการนำเสนอความคิดเห็นรอบด้าน ข้าพเจ้าร่วมกับสมาชิกองค์กรท่านอื่นในการสัมภาษณ์ผู้มีหรือคาดว่ามีศักยภาพจำนวนมากเช่น นักการศึกษา นักวารสาร และผู้บริหารกีฬา ซึ่งข้าพเจ้าค่อนข้างประหลาดใจที่พบว่า พวกเขาเห็นพ้องแทบจะเป็นเอกฉันท์ในหนึ่งประเด็นหลักโดยความเห็นของพวกเขาได้รับการสรุปดังต่อไปนี้ ยุคปัจจุบันกำลังหลงทาง พวกเราไม่สามารถคาดหวังมากนักจากรุ่นนี้และเกินกว่าที่เครื่องมือของพวกเราจะปฏิรูปได้ (ตัวข้าพเจ้าไม่แน่ใจในเรื่องนี้) พวกเราต้องมุ่งไปที่วันพรุ่งนี้ รุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้าเรียน บุคคลสำคัญของชั่วโมงนี้คือครูโรงเรียนและอาจารย์มหาวิทยาลัย สถานที่สำหรับการพัฒนาอยู่ที่ระดับปริญญาของการอบรมครู ครูรุ่นเยาว์ต้องให้ความใส่ใจแก่การใช้ประโยชน์ของการกีฬาในมิติการศึกษา ช่วงเวลาของการสอนอย่างไม่เป็นทางการ (แต่ได้ผลมาก) คือก่อนที่วัยรุ่นจะเริ่มเล่นกีฬาในขณะที่พวกเขายังคงฝึกออกเสียงพยัญชนะของกล้ามเนื้อ (กล่าวได้เช่นนั้น) โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาเริ่มเข้าสู่การกีฬาเมื่ออายุมากขึ้น ปรัชญาองค์รวมของเยาวชนต้องได้รับการนำเสนอซึ่งจะกลายเป็นพื้นฐานของปรัชญามนุษย์ในเวลาต่อมากล่าวคือ มนุษย์ต้องไม่คดโกง ความสำเร็จในเกมส์ด้วยการบิดเบือนความจริงไม่มีความหมายประการใด เสมือนความพยายามที่จะกลืนยาพิษเข้าร่างกาย ความพลาดหวังไม่ใช่การพ่ายแพ้แต่เป็นความผิดพลาดที่จะไม่พยายามลงมือปฏิบัติ เมื่อเพื่อนร่วมชั้นประสบผลสำเร็จมากกว่าซึ่งอาจเป็นโชคช่วยที่ท่านไม่มี จะเป็นที่เข้าใจได้ว่า ท่านคงรู้สึกโมโหแต่ไม่แสดงออกและปิดบังไว้ ท่านต้องอดทนต่อการขัดสีทางกายและจิตใจโดยไม่พร่ำบ่นและโดยเฉพาะการไม่กล่าวโอ้อวด ในทางกีฬา การหลอกลวงไม่มีประโยชน์เนื่องเพราะผลงานกีฬาได้รับการบันทึกสถิติหรือการกระทำซึ่งไม่ปล่อยให้ท่านโกหกผู้อื่นหรือตนเอง การฝึกฝนเอาชัยเกือบจะทุกสิ่ง การฝึกฝนคือการแก้ไขปัญหารายวัน การปีนทีละขั้น อาจจะถูกกีดขวางเพียงชั่วขณะและถอยหลัง แต่ได้รับการเกื้อหนุนจากการสนับสนุนหนักแน่นของสิ่งที่เรียกว่า เจตจำนง

            ภารกิจของสำนักวิชาการสอนกีฬานานาชาติคือ การเผยแพร่คำสอน แต่อาจจะมีหน้าที่อื่นเกิดขึ้นเช่นกัน วาระการประชุมบรัสเซลส์ ค.ศ.1905 ได้รับการอภิปรายอีกครั้งจากสหายของพวกเราซึ่งเห็นว่า หลายประเด็นของวาระการประชุมนั้นยังไม่ได้รับความสนใจมากพอและไม่ได้รับการแก้ไขในความเป็นจริง โดยอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกลับมาพิจารณาประเด็นเหล่านี้อีกครั้งในรายละเอียดจากการสั่งสมประสบการณ์ตลอดระยะเวลายี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ขอข้าพเจ้าเน้นบางประเด็นแก่ท่าน ปลายศตวรรษที่สิบเก้าในรัฐนิวยอร์ก กีฬาออกกำลังกายได้รับการนำไปใช้สำหรับการศึกษาเสริมด้านจริยธรรมแก่นักโทษในเรือนจำขนาดใหญ่ที่เอ็ลมิราและมีการรายงานผลที่น่าประทับใจ ในปัจจุบัน ข้าพเจ้าสงสัยใคร่รู้ว่าวิธีการเหล่านี้จะเป็นอย่างไรต่อไปซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ในโลกเก่าใบนี้ ณ ที่นั้น กีฬาออกกำลังกายไม่ได้ถูกละทิ้ง แต่ขยายขอบเขตกว้างขวาง พวกเขาส่งหนังสือเล่มใหญ่เกี่ยวกับการดำเนินงานเรือนจำนั้นเมื่อปีที่ผ่านแก่ข้าพเจ้าและการกีฬามีบทบาทสำคัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สิ่งที่พวกเขากำลังปฏิบัติที่เอ็ลมิราได้ขยายไปที่อื่นเช่นกัน จึงเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจที่จะรวบรวมข้อมูลและศึกษาวิธีการใช้การกีฬาในบริบทแวดล้อมนั้น พวกเราสามารถจินตนาการเรื่องราวต่อไปในระดับหนึ่ง พวกเรารู้ว่า การกีฬาได้รับการนำเสนออีกครั้งแก่ผู้กระทำผิดและมีมาตรฐานความประพฤติต่ำให้เกิดความภาคภูมิใจของมนุษย์ที่กอปรด้วยความมุ่งมั่นต่อเกียรติภูมิ สิ่งเหล่านี้เป็นความไม่ปรกติ ไม่โด่งดังและประเดี๋ยวประด๋าวซึ่งพวกเราต้องคว้าและจับให้มั่นคง นอกจากนั้น ยังมีประโยชน์ที่จะเปิดสาขาวิชาจิตวิทยานี้ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะประสบผล

            ความภูมิใจนำไปสู่ความเชื่อมั่นเช่นกันและความเชื่อมั่นคือสิ่งที่สามารถขจัดโรคร้ายปัจจุบันที่เรียกว่า โรคซึมเศร้า (ยุคปัจจุบันโดยเฉพาะความแพร่หลายในทุกวันนี้) วารสารรีวิวโอลิมปิกฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 1912 นำเสนอความเห็นว่า การรักษาด้วยกีฬามีความเหมาะสมแก่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจำนวนมาก ในวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญโด่งดังหลายท่านแสดงความเห็นด้วย ทั้งนี้ เราสามารถคิดและพูดถึงเรื่องนี้ในขณะที่รอลงมือปฏิบัติ ท้ายสุดแล้ว พื้นฐานร่วมกันระหว่างการกีฬาและการทหารยังไม่มีการตกลงหรืออย่างน้อยยังไม่ชัดแจ้ง การปฏิบัติและปฏิกิริยาในเรื่องนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งผู้นำที่ยิ่งใหญ่และเจ้าหน้าที่ยศไม่สูงผู้ติดต่อตรงกับกองกำลังนั้น ยังไม่มีการประชุมระหว่างกันเรื่องขอบเขตเหมาะสมของการดำเนินงาน สุดท้ายนี้ ขอให้ข้าพเจ้าก้าวสู่ประเด็นปัญหาของแนวคิดความเป็นสมัครเล่น ในบางมุมมอง ข้อโต้แย้งในเรื่องนี้รวมถึงข้อพิจารณาทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนและซ่อนเร้นทั้งปวงซึ่งอยู่ภายในขอบเขตเหมาะสมของสถาบันเช่นสำนักวิชาการสอนกีฬานานาชาติที่ควรจะศึกษา

            ท่านสุภาพชน ท่านได้เห็นว่า สำนักวิชาการสอนกีฬานานาชาติไม่มีข้อกริ่งเกรงที่จะทำงาน แท้จริงแล้ว ภาพอนาคตทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่นเล็กน้อยกล่าวคือ จะมีสิ่งที่ต้องทำอย่างล้นเหลือ ใครจะกำกับดูแลทั้งหมดนี้? ข้าพเจ้าเป็นแต่เพียงนายพลเกษียณสูงวัยในปัจจุบัน ข้าพเจ้าจะยินดีทำในสิ่งที่สามารถกระทำได้เพื่อจัดเตรียมการช่วยเหลือที่มีประสิทธิผลและข้อแนะนำไร้อคติ อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติม ผู้แทนจากรัฐบาลหลายแห่งที่ได้รับมอบหมายให้ร่วมงานของพวกเราจากที่ไกลโพ้น (เป็นทั้งเกียรติภูมิและแรงจูงใจ) จะแสดงความต้องการมากยิ่งขึ้น โดยท่านต้องช่วยข้าพเจ้าแสวงหาบุคลากรผู้กระตือรือร้น (ผู้ร่วมงานที่ทุ่มเทเต็มเปี่ยม) ที่พร้อมเปิดมุมมองตนเองสู่นานาประเทศ (หากทั้งหมดที่มีความเสี่ยงเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเล็กน้อยในประเทศนี้ ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะต่อต้าน) บุคลากรเหล่านี้ต้องเพ่งมองสม่ำเสมอจากยอดภูเขาที่ข้าพเจ้าจัดวางไว้ ข้อสังเกตของพวกเราต้องไม่ค่อยๆลดลงสู่ระดับสถิติ สิ่งที่ดีสุดในสมัยพวกเราคือการสร้างการติดต่อ การแลกเปลี่ยนความเห็น และการเก็บสะสมสถิติ ภาพอุดมคตินี้สามารถสร้างหน้ากากใยแมงมุมจำนวนมหาศาลของงานประจำและมายา จงระวังอันตรายนี้ ประโยชน์แท้จริงขององค์กรนานาชาติซึ่งไม่ว่าจะมีเป้าประสงค์เฉพาะอย่างไร คือ การปฏิบัติตนเสมือนกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งจะต้องตรวจสอบบรรยากาศและแจ้งการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศล่วงหน้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามแนวทางนี้ มติมหาชนสามารถรับทราบอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น (บ่อยครั้งเป็นอันตรายที่เกิดจากตนเอง) และสามารถคิดหาหนทางที่จะตอบสนองผลที่จะเกิดขึ้นให้ทันกาล บุคลากรที่กำกับดูแลองค์กรเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาของพวกเขาในการค้นหาหรือตอบสนองเฉกเช่นการมองหาอัจฉริยะบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจที่ด้านหลังของชั้นเก็บของ พวกเขาต้องคอยสอดส่องตลอดเวลาเพื่อให้สายตาแหลมคมของตนเองสามารถทะลุทะลวงไอหมอกที่รายล้อมความจริง”

             จากเกมส์สู่ความหาญกล้า

            “ท่านสุภาพชน ความทรงจำของการประชุม ค.ศ.1913 ยังคงเด่นชัดแก่ข้าพเจ้าเมื่อยืนในที่นี้ โดยระลึกถึงสิ่งที่ศาสตราจารย์มิลลูด์ (ผู้ติดตามการอภิปรายในที่ประชุมด้วยความสนใจยิ่ง) ได้กล่าวว่า “ที่สุดแล้ว การกีฬาคือกิจกรรมชนิดหนึ่งที่มีขอบเขตตั้งแต่เกมส์จนถึงความหาญกล้าโดยครอบคลุมทุกขั้นระยะในระหว่างสองสิ่งนี้”

            เมื่อเริ่มต้น ข้าพเจ้าแสดงภาพกัปตันฟุตบอลวัยเยาว์ที่ยืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนของชีวิตกล่าวคือ ช่วงวันแรกของวัยผู้ใหญ่ ขณะนี้ ความคิดของข้าพเจ้าหันเหสู่ทุ่งหญ้าที่ทอดยาวอยู่ด้านหลังยอดภูเขาหิมะเหล่านี้ ณ ที่นั้นมีอนุสาวรีย์ของนักกีฬาวัยเยาว์ที่ภาพลักษณ์ควรประทับในโรงเรียนที่หนุ่มน้อยกำลังได้รับการศึกษาอย่างลูกผู้ชาย โปรดทนฟังข้าพเจ้าสรุปอย่างกระชับถึงสิ่งที่เป็นความยิ่งใหญ่ของการผจญภัยของชาเวส การข้ามเทือกเขาแอลป์ด้วยเครื่องบินในสมัยท่านถือว่าแทบจะเป็นการกระทำของยอดมนุษย์ ด้วยการออกแบบอุปกรณ์และการอบรมนักบินที่มีอยู่นั้น ความเห็นดังกล่าวค่อนข้างถูกต้อง ชาเวซฝึกหัดกีฬาทุกชนิดแต่เลิกเล่นทั้งหมดเพื่อการบินและทำการบินในระดับที่สูงมาก เขาเริ่มขับเครื่องบินในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1910 และอีกหกเดือนต่อมา ก็ไต่ระดับความสูงที่ 2,587 เมตร ชาเวซปลาบปลื้มกับการบินเหล่านี้เป็นอย่างมากเช่นเดียวกับเพื่อนๆ แต่ในคราวหนึ่ง หนุ่มเปรูผู้นี้ประสบกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคยกล่าวคือ ความกลัว เขาทดสอบตนเองด้วยการบินเส้นทางข้ามเทือกเขาที่ยากเข็ญนั้นและกลับไปที่เมืองบริกเพื่อหอบหายใจ ทูเฮนละผู้ยิ่งใหญ่ตระโกนว่า “ท่านสั่นกลัว สิ่งเดิม แต่ท่านจะตัวสั่นมากขึ้นหากจะรู้ถึงสถานที่ซึ่งข้าพเจ้าจะพาท่านไปในวันพรุ่งนี้” ดังนั้น ในวันที่ 23 กันยายน 1910 ชาเวซได้แต่งเติมความหาญกล้าพร้อมความแรงปรารถนาเต็มเปี่ยมและเชื่อว่าตนเองจะพบกับความตายแต่เลือกที่จะไม่ถอยหลัง จึงมุ่งหน้าสู่หุบเหวของเทือกเขาแอลป์ ณ ที่นั่น เขาบินผ่านเบื้องล่างที่ไม่เคยมีสายตาคู่ใดพบเห็นมาก่อน ภายหลังการลอยตัวบนอากาศแปรปรวน แช่แข็งในความหนาวเหน็บ และต่อสู้กับเครื่องยนต์ร้ายกาจรวมทั้งองค์ประกอบอื่น ชาเวซนำเครื่องบินลงที่โดโมดอซโซลาด้วยอาการกระดูกหัก ปลื้มปิติ แต่บรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนามานาน

            เมื่อลงถึงพื้น เครื่องบินของเขาบิดเบี้ยว แยกเป็นเสี่ยง และกระเด็นไปไกลจากกันเหมือนตัวชาเวซ ระบบประสาทของเขาซึ่งเดินสู่จุดแตกสลายจากการปฏิบัติตามเจตจำนงยิ่งใหญ่ ได้แก้แค้นคืนต่ออวัยวะต่างๆของตนเอง ภายหลังการทรมานรวดร้าว ชาเวซเสียชีวิตลงโดยยินยอมสละช่วงเวลายี่สิบสามปีที่แข็งแกร่งและสนุกสนานเพื่อความรักต่อเกียรติศักดิ์ ความบากบั่นไม่สิ้นสุดฉุดคร่าอีกหนึ่งชีวิต ตัวอย่างยิ่งใหญ่ของจิตใจเหนือร่างกายเปล่งประกายอีกครั้งแก่มนุษยชาติ”

            ข้างต้นคือเนื้อหาเกือบทั้งหมดที่คูเบอร์แต็งมอบให้ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นสุนทรพจน์ที่เปรียบได้กับแถลงการณ์ดังที่พวกเราได้กล่าวถึงก่อนหน้า โดยกอปรด้วยคำกล่าวที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังและเป็นที่แน่นอนว่า จะจุดระเบิดสู่ประเด็นมากมาย คูเบอร์แต็งนำเสนอนักกีฬาไม่ใช่ผู้รับความผิดจากการทุจริตทวีคูณที่กระตุ้นเตือนมิตรสหายของการกีฬา ผู้สร้างสนามกีฬา พ่อแม่พร่องจริยธรรมและนักการศึกษาไม่ใส่ใจคือผู้กระทำผิดซึ่งคูเบอร์แต็งได้มอบภาระทั้งหมดแก่พวกเขา นอกจากนี้ ท่านได้เรียกร้องให้เกิด “ความเป็นอิสระของการกีฬาโรงเรียนและมหาวิทยาลัย” และ “การห้ามนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าร่วมการแข่งขันทั่วไปที่จัดเก็บค่าเข้าชม” มาตรการเหล่านี้จะทำให้ประเด็นปัญหาต่างๆในปัจจุบันกลับตาลปัตร ในความเห็นส่วนตัว ท่านมองว่า สหพันธ์กีฬากำลังมีมาตรฐานจริยธรรมที่เลวร้ายและพวกเขาอาจจะถูกจัดองค์กรรูปแบบบรรษัทในวันหนึ่ง ยิ่งกว่านี้ คูเบอร์แต็งคือหนึ่งในบรรดาผู้คนที่พิจารณากีฬาออกกำลังกายหมายถึง “กีฬายิมนาสติก” และกล่าวบ่อยครั้งว่า “ขอบเขตถูกขีดวงอย่างแย่มาก” ระหว่างพื้นที่ทั้งสองนี้ ท้ายสุดแล้ว ตามที่พวกเราทราบ ท่านพิจารณาข้อบังคับกีฬาสมัครเล่นว่าเป็น “สิ่งกีดขวางไร้สาระ” คงต้องยอมรับว่า สมรภูมิที่คูเบอร์แต็งกำหนดไว้มีพื้นที่กว้างใหญ่ และเป็นที่แน่นอนว่า สิ่งทั้งปวงนี้จะนำพาตนเองไปสู่การถกเถียงที่ยาวนานและขมขื่น แต่ชีวิตนักกีฬาจะได้รับความแข็งแกร่งจากสิ่งนี้ ในที่สุด ชีวิตนักกีฬาจะได้รับการล้างมลทินเพื่อสร้างความหวังของผู้คนทั้งปวงที่เชื่อว่า แท้จริงแล้ว “กิจกรรมกีฬาคือเครื่องมืองามงดเพื่อความรุ่งโรจน์ของมนุษยชาติ”

RANDOM

ประกวดภาพถ่าย ร่วมฉลอง 60 ปี ม.เชียงใหม่ ในโครงการ “ภาพแห่งความทรงจำ ความสวยงามที่ยั่งยืนผ่านเลนส์” หัวข้อ “ภาพแห่งความทรงจำ ความสวยงามที่ยั่งยืนผ่านเลนส์” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 140,000 บาท ส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 20 ธ.ค. 2567

จากฐานอำนาจเดิม ที่สร้างความว้าวุ่นในวงการกีฬา มีฟ้องร้อง ร้องเรียน แบ่งฝักฝ่ายมานาน วันนี้ควรถึงเวลา “สร้างความสามัคคีใหม่” ด้วยการทิ้งบัตรสนเท่ห์ ทิ้งอดีตขัดแย้ง แล้วเริ่มต้นด้วยความรักกัน…ซะที

สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เปิดรับสมัครทุนอุดหนุนการวิจัย ประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน 5 ทุน ทุนละ 50,000 บาท เพื่อนำผลวิจัยมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาการจัดการศึกษาของกรุงเทพมหานคร เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 ม.ค. 68

NEWS

กองทุนศรีบูรพา เชิญส่งผลงานประกวดวรรณกรรมรางวัล ยังศรีบูรพา (Young Sriburapha) ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 โดยมีแนวคิดของศรีบูรพาที่ว่า “ผู้ใดเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้นั้นเกิดมาสำหรับคนอื่น” อยู่ด้วย ส่งผลงานได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 31 กรกฎาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!