ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. พอใจภาพรวมวงการกีฬาปี 2568 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 40,000 ล้านบาท ขณะที่อีเวนต์กีฬาระดับโลกยังช่วยสร้างเงินหมุนเวียนต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมกีฬาด้วย พร้อมเดินหน้าปี 2569 ผลักดันเวิลด์คลาสอีเวนต์ รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมกีฬาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ต่อไป

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงภาพรวมของวงการกีฬาไทยในปี 2568 ว่า เป้าหมายการเติบโตของมูลค่าเศรษฐกิจทางกีฬา ที่เราตั้งเป้าเอาไว้คือ ร้อยละ 10 ต่อปี ซึ่งในปี 2568 ตลอดทั้งปี กีฬาสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างมูลค่าได้กว่า 40,000 ล้านบาท โดย กกท. ได้ร่วมมือกับ สมาคมกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตลอดจนภาคเอกชนต่าง ๆ มาโดยตลอด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นมูลค่าที่น่าพึงพอใจอย่างมากท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก

“แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี แต่กิจกรรมกีฬายังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ ที่ผ่านมาเรามีอีเวนต์กีฬาระดับโลกในประเทศไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก, เจ็ตสกีเวิลด์คัพ, อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน, วิ่งเทรล หรือ การวิ่งผจญภัยบนเส้นทางธรรมชาติ ที่ได้มาตรฐานสากล, การแข่งขันมวยไทย ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะมีเงินหมุนเวียนจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในบ้านเราแล้ว อีเวนต์กีฬาเหล่านี้ยังต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมกีฬา เช่น เสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์กีฬา และการบริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมวยไทยซึ่งอุปกรณ์และชุดที่สวมใส่สามารถนำไปประยุกต์เป็นแฟชั่นได้ด้วย”

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อว่า ในปี 2569 กกท. เน้นผลักดันกีฬามวลชน อาทิ วิ่งมาราธอน หรือ มวยไทย ซึ่งสร้างมูลค่ามากมายให้กับประเทศไทย แต่อาจมีการปรับแผนให้การสนับสนุนกีฬาชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น และกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้กีฬาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ

“ในปี 2569 ประเทศไทยยังคงเต็มไปด้วยเวิลด์คลาสอีเวนต์ เริ่มจาก โมโตจีพี เปิดสนามฤดูกาล 2026 เดือนกุมภาพันธ์ และยังมี วิ่งเทรลที่จังหวัดยะลา รวมถึง วอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2026 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันสนามที่ 2 เดือนมิถุนายน นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันรายการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากแต่ละสมาคมกีฬาอีกมากมาย ซึ่งเรายังสนับสนุนอุตสาหกรรมกีฬาควบคู่กันไปด้วย เชื่อว่าจะเป็นอีกปีที่ดี และสร้างความคึกคักให้แก่วงการกีฬาไทย” ดร.ก้องศักด กล่าว











