จากฐานอำนาจเดิม ที่สร้างความว้าวุ่นในวงการกีฬา มีฟ้องร้อง ร้องเรียน แบ่งฝักฝ่ายมานาน วันนี้ควรถึงเวลา “สร้างความสามัคคีใหม่” ด้วยการทิ้งบัตรสนเท่ห์ ทิ้งอดีตขัดแย้ง แล้วเริ่มต้นด้วยความรักกัน…ซะที

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

      หลังเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” หนนี้ วงการกีฬาของไทย ภายใต้การนำของฝ่ายบริหารชุดใหม่ คงจะเดินเครื่องเต็มพิกัดในทุก ๆ ด้าน

      เรื่องที่น่ามองและน่าเขียนถึงเพื่อนำเสนอแนะจากการประมวลความคิดเห็นของ “คนในวงการกีฬา” ที่หลากหลายซึ่งจ้องมองวงการกีฬามายาวนาน อะไรคือสิ่งที่ต้อง “เป็นบทเรียน” ในระดับฝ่ายบริหารที่กำลังเปลี่ยนผ่านมาใหม่ และเริ่มต้น

      การวิเคราะห์เริ่มต้นจาก “ฝ่ายบริหาร” ของรัฐบาล ในงานกีฬา ช่วงหลังจากการรัฐประหาร จนกระทั่งมีการเลือกตั้งในรัฐบาลชุดเก่า ที่คนกล่าวถึงมากที่สุดคือการใช้อำนาจในการครองวงการกีฬาอย่างเบ็ดเสร็จ เรื่องเงินทั้งจากงบประมาณที่เช้าสู่หน่วยงานกีฬา และงบที่มาจากกองทุนพัฒนาการกีฬา มีการใช้ในมุมหนึ่งที่ต้องบอกว่า “ไร้ทิศทาง”

      “ใช้ด้วยเหตุผลที่ไม่เหมาะสม” นี่คือสิ่งที่สรุปกันแบบเบา ๆ แต่คงรู้เรื่องกันว่ายังไง

      “ผู้มีอำนาจก็สั่งได้สั่งเอา มือใครยาวสาวได้สาวเอา” นี่คือสิ่งที่พูดถึงกันต่อมา

       จะหันไปพึ่งพา “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบ การทำงานของฝ่ายบริหาร ในนามของคณะกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ที่เราเรียกว่า ส.ส.กีฬา  ซึ่งที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่าไร้ผลในการพึ่งพาสาเหตุง่าย ๆ ก็คือ “เป็นพรรคเดียวกันและพวกเดียวกันจะตรวจสอบกันอย่างไร”

      ซึ่งโดยการทำงานที่ควรจะเป็น ผู้นำในฝ่ายบริหารและผู้นำในฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็น ผู้มีที่มาจากพรรคที่แตกต่างกัน มันจึงจะทำหน้าที่ที่แตกต่างกันตามรัฐธรรมนูญอยากให้เป็นได้อย่างสมบูรณ์

      “ความอ่อนแอโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตามจากการแสดงบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติที่ผ่านมา” จึงเป็นปัญหาหนึ่งของวงการกีฬา

      สรุปทั้งเรื่องของการที่ฝ่ายบริหารที่ใช้อำนาจแบบรวมศูนย์ซึ่งโดนวิพากษ์ถึงมาก ผสมกับฝ่ายนิติบัญญัติที่อ่อนแอเพราะเป็นพวกเดียวกันกับฝ่ายบริหาร ปัญหาต่าง ๆ ของการดำเนินงานในวงการกีฬาระดับ “ผู้ปฏิบัติการ” จึงเกิดขึ้นในองค์กรกีฬา และการจัดการงบกีฬา ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเหตุใหญ่ ๆ ดังกล่าว

      ซึ่งจะพบเห็นการดำเนินงานที่อึดอัด ของ “ฝ่ายปฏิบัติการ ” หลังจากผู้มีอำนาจสั่งการที่นอกทิศทางเสมอ ในบางเรื่องราวที่โดนสั่งให้ทำ

      หลายคนในการสนทนาเสนอว่า “ผู้นำกีฬาใหม่ ลองไปหยิบหรือรื้อดูโครงการขอเงินสนับสนุน หรือ โครงการก่อสร้างใด ๆ ซัก 2-3 งานในแต่ละส่วนแล้ว สอบข้อเท็จจริงเองแบบเชิงลึกก็จะรู้ว่ามันต่อสายสัมพันธ์ถึงใครระดับไหนบ้าง และจะรู้ว่าใครขอ ใครเซ็น ใครนำผ่านทางไหน ใครอนุมัติ”

       เมื่อการสั่งการจากระดับบริหาร ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจที่ครองงานเบ็ดเสร็จ ส่งให้มา การปฏิบัติของฝ่ายปฏิบัติการซึ่งจำเป็นต้องเอื้อต่อการสั่งการของฝ่ายบริหาร ก็เลยกลายเป็นปัญหา เพราะทุกคนจะอ้างอิงว่า “ผู้ใหญ่สั่ง” ผู้มีอำนาจอยู่ข้างหลัง ต้องทำเพื่อสนองผู้ใหญ่ และความอยู่รอดของตัวเอง ความว้าวุ่นในกลุ่มปฏิบัติที่เกี่ยวข้องจึงเกิด

      เมื่อมีความว้าวุ่นจากความไม่รักกันไม่เชื่อใจกันหรือต่างฝ่ายอยากโชว์เอาใจนายเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาคือการร้องเรียนกันเองด้วยเอกสาร หรือบัตรสนเท่ห์ จึงร่อนใส่กันมากมาย ทั้งซัดพวกเดียวกันและต่างพวก ในระดับ “กลุ่มผู้ปฏิบัติ” แต่ไม่เคยมีซักใบที่ร้องเรียนถึงระดับ “กลุ่มอำนาจบริหารที่ครอบหัวอยู่” แล้วก็มีการเล่นกัน สั่งสอบกัน สู้กันเองภายในกลุ่มปฏิบัติการ ที่ถือว่าเป็นกลุ่มคนทำงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับการสั่งการ หรือ บัญชา จากระดับหัว

      และวันนี้เรื่องของการสอบกันเองยังมีอยู่ อาจจะเพื่อความกระจ่างตามการสั่งการ หรืออยากที่จะขยี้กันเองก็แล้วแต่

      แต่ที่นี่มองและสรุปในกลุ่มสนทนาว่าเรื่องนี้ต้องฝาก “กลุ่มอำนาจการบริหารใหม่” จากรัฐบาลใหม่ ให้พิจารณาว่า ในเมื่อเราพบการใช้อำนาจที่เชื่อว่าไม่เหมาะสม และความอ่อนแอ ของฝ่ายเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างให้เกิดปัญหาในระดับปฏิบัติการดั่งที่ว่าแล้วนั้น

      ก็สมควรอย่างยิ่งที่น่าจะยกเลิกเรื่องการตามล่าหาความผิด ที่มาจากแค่บัตรสนเท่ห์ทุกฉบับ ของทุกคนที่เกี่ยวข้อง  เพื่อล้างปัญหาที่สั่งสมมา แล้วพาทุกคนเดินหน้าเริ่มต้นกันใหม่ด้วยความรักสามัคคีกัน  “โดยบทบาทผู้นำที่สง่างาม” และมั่นใจตัวเอง แล้วหันไปช่วยกันให้ทุกฝ่ายเดินตามกฏกติกาที่ชัดเจน เหมาะสม ให้เสียงทุกฝ่ายที่เป็นผู้มีส่วนร่วมมีความสำคัญในนำไปสู่การพิจารณา น่าจะเป็นการดีที่สุดในวงการกีฬายุคปัจจุบันนี้ หลังจากที่โดนขยี้โดยอำนาจเก่ามายาวนาน ซึ่งมากพอแล้ว

RANDOM

โครงการแข่งขัน Smoke Solution Pitching Championship (SPITCH) เฟ้นหานวัตกรรมลดการใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดย 5 ทีมสุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือก จะได้รับทุนพัฒนาโครงการรวม 250,000 บาท รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ – 30 พ.ย. 66

มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย เชิญชวนนักเรียน นักศึกษา ร่วมประกวดคลิปวิดีโอ ในหัวข้อ “เปลี่ยนทะเลให้เป็น Best Version…ในแบบฉบับของตัวเอง” ในกิจกรรม SEA YOU NEXT GEN Young รักษ์ทะเล ใน Best Version ที่เป็นคุณ ชิงทุนการศึกษา 140,000 บาท ส่งผลงานได้ถึง 31 ก.ค.นี้

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!