นักวิจัยจุฬาฯ ชี้ผลกระทบภาวะโลกร้อนรุนแรงกว่าที่คิด สำรวจพบน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายมากขึ้นถึงขั้นวิกฤต

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter
จากขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้ นักวิจัยจุฬาฯ ร่วมทีมนักวิจัยจีน ศึกษาวิจัยทวีปอาร์กติก และแอนตาร์กติก ชี้ผลกระทบภาวะโลกร้อนทำน้ำแข็งละลายมากขึ้น แนวโน้มขั้วโลกเหนืออาจถึงขั้นวิกฤต พร้อมเดินหน้าส่งทีมสู่ขั้วโลกใต้ เพื่อศึกษาต่อเนื่อง
.
จากการที่ประเทศไทยได้ส่งนักวิจัยไทยไปร่วมวิจัยกับประเทศจีน ทั้งที่ขั้วโลกเหนือ (อาร์กติก) และ ขั้วโลกใต้ (แอนตาร์กติก)  ภายใต้ โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สองนักวิจัยไทย จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กลับมาจากการไปสำรวจที่อาร์กติก พบภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งละลายมากขึ้น และในเดือนมกราคมปีหน้า ทางโครงการฯ เตรียมส่งนักวิจัยมุ่งหน้าสู่แอนตาร์กติก ขยายผลศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อระบบนิเวศแอนตาร์กติกต่อเนื่อง
.
.
อ.ดร.สุจารี บุรีกุล อาจารย์ประจำ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย นายอานุภาพ  พานิชผล นักวิจัยจากสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางไปอาร์กติก (ขั้วโลกเหนือ) พร้อมกับ คณะสำรวจอาร์กติกจากประเทศจีน รุ่นที่ 13 เป็นเวลา 3 เดือน  และได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยนักวิจัยได้ทำการสำรวจเก็บตัวอย่าง ตะกอนดิน  น้ำทะเล และ ปลา เพื่อศึกษาถึงผลกระทบของมลพิษ เช่น ไมโครพลาสติก และ การหมุนเวียนของคาร์บอนของน้ำทะเลบริเวณขั้วโลก
 .
.
นักวิจัยไทยทั้งสองคนได้เดินทางโดยเรือตัดน้ำแข็ง ชื่อ “ซูหลง 2” ของประเทศจีน  ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่คณะสำรวจของประเทศจีนสามารถเดินทางไปถึงจุดที่เป็นขั้วโลกเหนือ ณ ละติจูด 90 องศาได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่า น้ำแข็งที่ขั้วโลกในปีนี้บางลงกว่าปีก่อน ๆ มาก เนื่องจากน้ำแข็งที่หายไปสามารถคืนกลับมาได้น้อยลง ทำให้เรือตัดน้ำแข็งสามารถเดินทางเข้าไปสู่จุดที่เป็นขั้วโลกเหนือได้ไม่ยากนัก ในระหว่างการเดินทาง นักวิจัยจากประเทศจีน รัสเซีย  และไทย รวมหนึ่งร้อยชีวิตในเรือตัดน้ำแข็ง ได้ร่วมกันสำรวจวิจัยทางสมุทรศาสตร์ เพื่อศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ขั้วโลกเหนือ โดยได้มีการเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำทะเล ดินตะกอน แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ และสัตว์ทะเลบางชนิด เพื่อตรวจติดตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันเปรียบเทียบกับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในระหว่างทางนักวิจัยยังได้เห็นหมีขาว วอลรัส และวาฬนำร่อง ซึ่งสัตว์เหล่านี้อาจจะได้รับผลกระทบจากการที่น้ำแข็งละลายอีกด้วย
.
.
อ.ดร.สุจารี บุรีกุล กล่าวว่า การเดินทางในครั้งนี้ นอกจากจะศึกษาไมโครพลาสติกที่สะสมในมวลน้ำ ดินตะกอน และสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรอาร์กติกแล้ว ยังมีการศึกษาถึงการหมุนเวียนสารอาหาร และ ฟลักซ์คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสามารถเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองทางชีวธรณีเคมีต่อการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรอาร์กติกในภาวะโลกร้อน  นอกจากนี้ การเดินทางในครั้งนี้ ยังได้ประสบการณ์การทำงานในทะเลที่เป็นน้ำแข็ง และที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น
.
.
ด้าน นายอานุภาพ พานิชผล กล่าวเพิ่มเติมว่า การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทุกปี  ซึ่งจากการไปสำรวจพบว่า ความหนาของน้ำแข็งใหม่ในรอบปีมีความหนาที่ลดลง ส่วนในเรื่องของมลพิษในทะเล เช่น การสะสมของไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในน้ำทะเล และในอากาศบริเวณมหาสมุทรอาร์กติก ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
.
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม 2567 โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริฯ จะมีการส่งนักวิจัยอีกสองท่าน ได้แก่ สพ.ญ.ดร.คมเคียว พิณพิมาย จาก สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ และ รศ.ดร.ภศิชา ไชยแก้ว จาก ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เดินทางไปพร้อมกับคณะสำรวจแอนตาร์กติก รุ่นที่ 40 ของประเทศจีน เพื่อความต่อเนื่องในการศึกษาถึงผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และไมโครพลาสติกที่มีต่อระบบนิเวศที่แอนตาร์กติก พร้อมทั้งศึกษาความเชื่อมโยงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปริมาณคาร์บอนในดิน รวมทั้งศึกษาการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากดินบริเวณขั้วโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือของนักวิจัยไทยกับประเทศจีนที่มีมาอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการวิจัยขั้วโลกพระราชดำริฯ
.
ทางด้าน ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ และ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยไทยผู้เปิดประตูสู่งานวิจัยสภาพภูมิอากาศขั้วโลกคนแรก ๆ ของประเทศไทย ที่มีโอกาสเดินทางไปที่แอนตาร์กติก และอาร์กติกหลายครั้ง ได้ให้ข้อคิดเห็นจากการสำรวจของนักวิจัยไทยในครั้งนี้ว่า การที่เรือตัดน้ำแข็งของประเทศจีนสามารถที่จะเดินทางเข้าถึงจุดที่เป็นขั้วโลกเหนือได้เป็นครั้งแรก และไม่ยากนั้น  แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้บริเวณขั้วโลกมีการสะสมของก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้น้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทั่วโลก เป็นเสมือนระบบเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่โลกของเราว่า ผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะขยายขอบเขตมากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้น

RANDOM

error: Content is protected !!