แพทย์ จุฬาฯ เผย ผลวิจัยชาสมุนไพรไทยตำรับ “วังน้ำเย็น” ช่วยเพิ่มน้ำนมในคุณแม่หลังคลอด เห็นผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน เล็งต่อยอดในเชิงพาณิชย์

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

แพทย์ จุฬาฯ ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทย เผย ผลวิจัยชาสมุนไพรตำรับ “วังน้ำเย็น” ช่วยกระตุ้นน้ำนมในคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะคุณแม่ผ่าคลอด แก้ปัญหาน้ำนมน้อย เห็นผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน เล็งต่อยอดในเชิงพาณิชย์และส่งออก

ปัจจุบันคุณแม่ยุคใหม่มีความตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น เพราะนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูก อาทิ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินที่ร่างกายลูกต้องการ และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกด้วย กระทรวงสาธารณสุขเองก็มีโครงการรณรงค์และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก สนับสนุนให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือ นานกว่านั้น ควบคู่ไปกับอาหารตามวัยที่เหมาะสม

แม้จะอยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ปัญหาของคุณแม่ยุคใหม่ ก็คือ น้ำนมน้อย หรือ น้ำนมไม่ไหล ซึ่งปัญหานี้มักเกิดกับคุณแม่ผ่าคลอดมากกว่าคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ โดยมีเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ลูกได้ดูดนมแม่ช้า เพราะแม่หรือลูกป่วย ทำให้ต้องแยกกันก่อนในระยะแรก หรือ ลูกดูดนมไม่ถูกวิธี หรือดูดไม่บ่อย ซึ่งส่งผลทำให้แม่มีน้ำนมน้อย

“ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน หมอสูตินรีเวชส่วนใหญ่จะให้ “ยาดอมเพอริโดน” เพื่อกระตุ้นน้ำนม ซึ่งปกติแล้ว ยาตัวนี้ใช้เป็นยาแก้อาเจียน และมีผลวิจัยในต่างประเทศแล้วว่า สามารถใช้แบบนอกข้อบ่งใช้ (off-label) เพื่อกระตุ้นน้ำนมได้ แต่ยาตัวนี้ บางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ไม่อนุญาตให้ใช้ ไม่ว่าจะใช้แก้อาเจียน หรือ กระตุ้นน้ำนม เพราะว่ามีผลข้างเคียงเรื่องการทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติรองศาสตราจารย์ ดร.นพ. กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงที่มาของโครงการวิจัยชาสมุนไพรไทยตำรับ “วังน้ำเย็น” หนึ่งในโครงการวิจัยภายใต้ข้อตกลงระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เพื่อพัฒนางานวิจัยสมุนไพรไทยให้เป็นระบบ และสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ได้จริง

สูตรชาสมุนไพรตำรับ “วังน้ำเย็น” เสริมน้ำนมคุณแม่หลังคลอด

รศ.ดร.นพ.กฤษณ์ เล่าถึงที่มาของชาสมุนไพรตำรับ “วังน้ำเย็น” ว่า มาจากการค้นคว้าของ “เภสัชกรพินิต ชินสร้อย” ซึ่งได้รวบรวมหลักการใช้สมุนไพรตำราแพทย์แผนไทยตั้งแต่สมัยโบราณ และนำมาเทียบความปลอดภัยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน แล้วจึงคัดสรรออกมาเป็นตำรับสมุนไพร 5 ตัว ประกอบด้วย มะตูม ฝาง ขิง ชะเอมเทศ เถาวัลย์เปรียง โดยตั้งชื่อชาตำรับนี้ว่า “วังน้ำเย็น” เพื่อเป็นเกียรติแก่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ที่เภสัชกรพินิต ประจำอยู่ขณะนั้น

สมุนไพรตำรับนี้มุ่งดูแลคุณแม่หลังคลอด ซึ่งตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว คุณแม่หลังคลอดมักจะมีอาการอ่อนเพลีย เสียเลือดมาก ปวดกล้ามเนื้อ น้ำนมน้อย และวิงเวียน แพทย์แผนไทยจึงมักเลือกใช้สมุนไพรทั้ง 5 ตัวนี้ ที่มีรสยา และสรรพคุณในการรักษาตามอาการหลังคลอด ดังนี้

“เภสัชกรพินิต นำสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดนี้ มาทำเป็นชา แล้วชงให้คุณแม่หลังคลอดในโรงพยาบาลวังน้ำเย็นทาน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ชาสมุนไพรตำรับนี้สามารถเพิ่มปริมาณน้ำนมได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน เมื่อดูสรรพคุณของสมุนไพรตำรับนี้แล้ว จะเห็นว่าสมุนไพรต่าง ๆ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นน้ำนมเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาและรักษาอาการอื่น ๆ ของคุณแม่หลังคลอดได้อีกด้วย”

ชาสมุนไพรไทย หรือ ยาแผนปัจจุบัน อะไรกระตุ้นน้ำนมได้ดีกว่า?

จากการรวบรวมตำรับสมุนไพรของเภสัชกรพินิต ทีมวิจัยจากจุฬาฯ และ กรมการแพทย์แผนไทย ได้พัฒนาต่อเป็นงานวิจัยเชิงทดลองเพื่อทดสอบและเทียบประสิทธิภาพการเพิ่ม หรือ กระตุ้นน้ำนมแม่หลังคลอด ระหว่างชาสมุนไพรไทยตำรับ “วังน้ำเย็น” และ ยาแพทย์แผนปัจจุบัน โดยมีผู้เข้าร่วมการวิจัยเป็นคุณแม่ผ่าคลอดและพักฟื้นหลังคลอดที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน ปี 2560 จำนวน 120 คน ภายใต้การดูแลของ นายแพทย์กุลชาติ แซ่จึง สูตินรีแพทย์ฝึกที่โรงพยาบาลในเวลานั้น

โดยผู้เข้าร่วมการวิจัยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง และ กลุ่มควบคุม กลุ่มละ 40 คน กลุ่มที่ 1 เป็นคุณแม่หลังคลอดที่ได้รับน้ำชาจริง และยาเม็ดหลอก กลุ่มที่ 2 คุณแม่หลังคลอดที่ได้รับน้ำชาหลอก (ไม่มีสมุนไพร) และยาเม็ดจริง และกลุ่มที่ 3 คุณแม่หลังคลอดที่ได้รับน้ำชาหลอก และยาเม็ดหลอก ทั้งนี้ คุณแม่ที่ร่วมโครงการวิจัยจะไม่ทราบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มไหน สำหรับการวัดผลการวิจัยก็จะวัดจากปริมาณน้ำนมที่ปั๊มออกมาเป็นหน่วยซีซี หรือ ml จากการเก็บน้ำนม 3 ช่วงเวลา ได้แก่ หลังผ่าคลอด 24 ชั่วโมง 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง

“ผลการศึกษา ชี้ให้เห็นว่า น้ำชาสมุนไพรสามารถกระตุ้นน้ำนมได้ทั้ง 3 ช่วงเวลา คุณแม่ที่ได้รับชาสมุนไพรมีปริมาณน้ำนมเยอะกว่ากลุ่มอื่น ตั้งแต่หลังผ่าคลอด 24 ชั่วโมง และมีปริมาณน้ำนมพอ ๆ กันกับคุณแม่ที่ได้รับยาแผนปัจจุบันหลังผ่าคลอด 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง และดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานทั้งน้ำชาและยาแผนปัจจุบัน” รศ.ดร.นพ.กฤษณ์ เผยผลการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ตั้งแต่ต้นปี 2565

จากผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงประสิทธิภาพของสมุนไพรไทยในการกระตุ้นน้ำนมคุณแม่หลังคลอด ที่ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน ทีมวิจัยกำลังวางแผนจะต่อยอดชาสมุนไพรตำรับนี้เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “วังน้ำเย็น” เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก

“หากเราต้องการให้สมุนไพรไทยไปต่อได้ เราไม่ควรหยุดอยู่แค่งานวิจัยพิสูจน์สารทดสอบฤทธิ์ของสมุนไพร แต่ควรมีการศึกษาทดสอบวิจัยต่อในมนุษย์ เพื่อยืนยันว่าสมุนไพรไทยมีประสิทธิภาพ และใช้ได้จริง ซึ่งงานนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย หลายศาสตร์ ทั้งเภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และแพทย์ศาสตร์ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ตลาดสมุนไพรไทยถึงจะเติบโตและเข้าถึงตลาดโลกได้”

สำหรับคนไทย รศ.ดร.นพ.กฤษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทีมวิจัยไม่ได้ปกปิดสูตรว่าชาตำรับนี้มีสมุนไพรตัวใดบ้าง เพราะจริง ๆ แล้ว อยากให้คนไทยรู้จักของดีในประเทศ สมุนไพรเหล่านี้ เราปลูกและทำทานเองได้ในครัวเรือน

บริษัทใดสนใจชาสมุนไพรตำรับ “วังน้ำเย็น” สามารถติดต่อได้ที่ รศ.ดร.นพ. กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีเมล Krit.Po@chula.ac.th

RANDOM

NEWS

“ครูมวยไทย” เนื้อหอม เตรียมเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่กิจกรรมส่งเสริมกีฬามวยไทย ที่ซาอุดีอาระเบีย ระหว่าง 7-9 พ.ค.นี้ หลังได้ใบประกาศนียบัตร ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย ระดับ 1

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ ม.ศรีปทุม เชิญชวนน้อง ๆ เยาวชน ร่วมประกวดไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ในหัวข้อ “WellTech Entrepreneur : Good Health and Well-being” ชิงทุนการศึกษา ส่ง Concept Idea เข้าประกวดได้ ตั้งแต่บัดนี้ – 10 พ.ค. 67

error: Content is protected !!