วิศวฯ นิวเคลียร์ จุฬาฯ เคลียร์ประเด็นซีเซียม-137 อันตรายแค่ไหน? พร้อมให้บริการตรวจวัดรังสีเชิงลึก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาฯ เผย ไม่พบการปนเปื้อนหรือแพร่กระจายซีเซียม-137 ในสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ที่ตกเป็นข่าว พร้อมให้บริการวิชาการและการตรวจวัดรังสีโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึก

จากกรณี วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายในพื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อราวต้นเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา มีการแชร์ข้อมูลในโลกโซเซียลถึงอันตรายร้ายแรงจากซีเซียม ทำให้ประชาชนจำนวนมากตื่นตระหนกและกังวลใจถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พืชผลการเกษตรถึงกับขายไม่ออก ราคาตก จนเกษตรกรต้องออกมาร้องขอความเห็นใจและให้ความมั่นใจว่าสินค้าของพวกเขารับประทานได้ ปลอดกัมมันตภาพรังสี

ด้วยความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านเครื่องมือในการตรวจวัดรังสี คณาจารย์รจากภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องผ่านสื่อ Social media ช่องทางต่าง ๆ พร้อมจัดทีมผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วย อาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ และนิสิต ลงไปในพื้นที่ประสบเหตุ เพื่อตรวจวิเคราะห์ธาตุซีเซียม-137 จากตัวอย่างในสิ่งแวดล้อม เช่น ดิน น้ำ อาหาร พืช ผักผลไม้ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ผลของการตรวจวิเคราะห์ คือ “ไม่พบการปนเปื้อนของรังสี” และ “ไม่พบการแพร่กระจายซีเซียม-137 ในอากาศ” ซึ่งหมายความว่า ประชาชนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

รองศาสตราจารย์ นเรศร์ จันทน์ขาว ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รังสี เป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งในวงการอุตสาหกรรม และทางการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น รังสีเอกซ์ จากเครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์ ที่ใครหลาย ๆ คนต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ในอุตสาหกรรมเองก็มีการใช้สารกัมมันตรังสีกันอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่คนทั่วไปมักไม่ค่อยรู้ ผู้คนจึงหวาดกลัวมากกว่าที่จะรู้จักประโยชน์อันมากมายของสารกัมมันตรังสี และรังสี เพราะฉะนั้น การมีข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญ

กรณีนี้เป็นโอกาสที่ผู้คนในสังคมจะได้รู้จักซีเซียม-137 มากขึ้น และหากยังไม่มั่นใจเรื่องการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีในสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้บริการวิชาการและตรวจวัดรังสีด้วยเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกความไวสูง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ด้าน อาจารย์ ดร.รวิวรรณ กฤษณานุวัตร์ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวต่อว่า ซีเซียม-137 เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่มนุษย์ผลิตขึ้น มีคุณสมบัติเป็นโลหะอ่อนสีขาวเงิน มีค่าครึ่งชีวิต 30.17 ปี เมื่อสลายตัวจะปลดปล่อยอนุภาคบีตา และรังสีแกมมา กลายเป็นแบเรียม-137

ซีเซียม-137 นิยมนำมาใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมมาสำหรับประยุกต์ใช้ในงานอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ เช่น การฉายรังสีอาหาร เครื่องวัดระดับของวัสดุในภาชนะ เครื่องวัดความชื้นและความหนาแน่น เครื่องวัดความหนาของแผ่นโลหะ และ การหยั่งธรณีในอุตสาหกรรมการขุดเจาะ สำหรับงานทางด้านการแพทย์ ซีเซียม-137 ถูกนำมาใช้ก็ในการฉายรังสีรักษามะเร็ง

อย่างไรก็ตาม ซีเซียม-137 สามารถถูกตรวจพบได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป เช่น ดิน และ น้ำ ซึ่งซีเซียม-137 ที่แพร่กระจายและสะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วโลกนี้ เกิดมาจากฝุ่นกัมมันตรังสี หรือ fallout ที่เกิดจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในบรรยากาศ และจากอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในประเทศยูเครน ซึ่งฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้ ได้เกิดการสลายตัวไปมากกว่า 1 ครึ่งชีวิต ทำให้มีปริมาณลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากที่เกิดขึ้น ดังนั้น การลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมบางแห่ง จึงมีโอกาสพบซีเซียมอยู่ แต่ในปริมาณที่น้อยมาก และไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ นเรศร์ จันทน์ขาว ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหายไปนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากซีเซียมที่หายไปมีเหล็กและตะกั่วซึ่งทำหน้าที่เป็นกำบังรังสีห่อหุ้มอยู่ ซึ่งทำให้คนเข้าใจว่าเป็นแท่งเหล็ก จึงได้นำไปขายเป็นเศษเหล็ก และถูกส่งต่อไปยังโรงงานหลอมเหล็ก เพื่อนำเหล็กเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่

“โดยปกติ ในโรงงานหลอมโลหะ เตาหลอมจะเป็นระบบปิด และมีระบบบำบัดฝุ่นและมลพิษ ซึ่งทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นโลหะและมลพิษที่เกิดขึ้นจากเตาหลอม ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้มลพิษ หรือฝุ่นใดที่เกิดจากการหลอมโลหะฟุ้งกระจายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ ส่วนฝุ่นเหล็กที่หลอมแล้วจะถูกบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ๊ก ซึ่งในกรณีที่เป็นข่าว ได้มีการระงับการเคลื่อนย้ายและจำกัดไม่ให้ออกนอกบริเวณโรงงานแล้ว”

รศ.นเรศร์ อธิบายต่อว่า ซีเซียมมีจุดหลอมเหลว 28.5 องศาเซลเซียส และมีจุดเดือด 671 องศาเซลเซียส ซึ่งน้อยกว่าเหล็กที่มีจุดหลอมเหลวประมาณ 1538 องศาเซลเซียส ดังนั้น ในกระบวนการหลอมเหล็ก ซีเซียมจะระเหยเป็นไอ และอาจไปเกาะอยู่กับอนุภาคของฝุ่นเหล็ก ซึ่งถูกจัดการและควบคุมเป็นอย่างดีในระบบปิดดังที่กล่าวไปข้างต้น

“ความแรงของรังสีซีเซียมที่อาจปนเปื้อนกับฝุ่นเหล็กมีค่าน้อยมาก และถ้าซีเซียมจากเตาหลอมเกิดการเล็ดลอดแพร่กระจายออกสู่ชั้นบรรยากาศจริง ก็จะถูกเจือจางด้วยอากาศ ดังนั้น จึงไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับคนที่อาจจะได้รับซีเซียมที่เปรอะเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมจากเหตุการณ์เตาหลอมจังหวัดปราจีนบุรีนี้เข้าสู่ร่างกาย และเนื่องจากซีเซียมเป็นสารที่ละลายน้ำได้ง่าย จึงเกิดการตกค้างในร่างกายเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น โดยจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้คนในหลายภาคส่วนเริ่มตื่นตัวกับวัสดุกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-137 รวมถึงการปนเปื้อนของรังสีต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา มีบริษัท โรงงานต่าง ๆ ติดต่อเข้ามาให้ทีมผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาฯ ไปตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนของรังสี ซึ่งทางภาควิชาก็ได้ให้ทั้งบริการวิชาการ และการลงพื้นที่ตรวจวัดรังสีให้ประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

สามารถติดต่อได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้ที่ โทร. 02-218-6781 หรือ อีเมล nutech.chula@gmail.com

RANDOM

รมต.ท่องเที่ยวและกีฬา เซ็นคำสั่งล้างบาง ม.การกีฬาแห่งชาติ พร้อมตั้ง “สุนทร ซ้ายขวัญ”คุมสภา และมอบ “วิษณุ ไล่ชะพิษ” นั่งเก้าอี้อธิการ เพื่อเคลียร์ปัญหาตามการใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.

เปิดบ้าน ม.ธรรมศาสตร์ สุดคึกคัก ชูสุดยอด 129 หลักสูตร ป.ตรี อัปเลเวลสู่ “มหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบชั้นนำแห่งอนาคต” รุกปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ เน้นความสนใจ โอกาส และการเปลี่ยนแปลงโลก

รับสมัคร “ทุนอายิโนะโมะโต๊ะ เพื่อผู้เรียนดี มีศักยภาพเป็นเลิศ” (Ajinomoto Talent Scholarship 2024) ประจำปีการศึกษา 2567 รวม 113 ทุน ใน 10 มหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ – 22 มกราคม 2568

รัฐสภา เชิญชวนผู้สนใจส่งผลงานวรรณกรรมเข้าร่วมประกวด “รางวัลพานแว่นฟ้า” ประจำปี 2568 โดยมีเนื้อหาส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ชิงเงินรางวัลรวม 1,040,000 บาท เปิดรับผลงาน ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 9 เมษายน

NEWS

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบทุนการศึกษาในโครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” (ทุนการศึกษาปีสุดท้าย) ประจำปี 2568 ระดับมัธยมศึกษา ปวช. ปวส. และปริญญาตรี เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ – 8 สิงหาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!