2539 ปีแห่งการเชือดบิ๊กกีฬา ภาค 3 : อ.ศักดิ์ชาย ข้ามห้วย คนใน กกท.ผิดหวัง

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ภาค 3 สิงห์ข้ามห้วย คือ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ

จากกรณีที่ผู้ว่าการ กกท. “ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์” ลาออกจากตำแหน่ง วันที่ 22 ต.ค.2539

คำขอสุดท้าย ในวันยื่นหนังสือลาออกของ “สมชาย” ต่อ รมต.กีฬารักษาการคือ ปองพล อดิเรกสาร ก็คือขอให้พิจารณาคนมาแทนคือคนใน กกท.

จึงมีการเล็งกันว่า ถ้าเป็นไปตามนั้น นั่นก็หมายถึง นพ.เจริญทัศน์ จินตนเสรี รองผู้ว่าการ กกท.ที่อาวุโสสุด จะได้รับไม้ต่อ ในตำแหน่งผู้ว่าการ กกท.  และหากเป็นจริง วันที่ 28 ต.ค.2539 จะเป็นวันพิจารณา ในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือ บอร์ด กกท.ที่มี “รมต.ปองพล” นั่งหัวโต๊ะ

จากนั้นเป้าหมายก็พุ่งไปที่ หากว่า “หมอเจริญทัศน์” ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าการ กกท.แล้ว จะมีตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท.ขาดอีก 1 ตำแหน่ง และข่าวการขวางคนนอก ที่จะเข้ามาเบียดนั่งเก้าอี้รองผู้ว่าการ กกท.ก็เกิดขึ้น โดยมี ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ  ชาวพลศึกษา คนกีฬา ที่เป็นอาจารย์ใน มศว.ตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มศว ประสานมิตร และอยู่ในสมาคมกีฬาหลายสมาคม พร้อมทั้งขณะนั้นเป็นประธานฝ่ายเทคนิคเตรียมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่มีข่าวว่า จะเข้ามาเสียบเป็นรองผู้ว่าการ กกท.แทน หมอเจริญทัศน์

ข่าวต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งเสียงเชียร์เสียงค้าน “อาจารย์ศักดิ์ชาย” ที่จะเป็นตัวเสียบ ซึ่งก็แล้วแต่จะถามข่าวฝั่งไหน

แม้แต่บทความหรือข่าวสังคมของสื่อเองก็เล็งเชียร์เล็งแช่งกันจ้าละหวั่นตามแต่ใครจะสะท้อนมุมความคิดฝั่งไหน แต่การเชียร์หรือแช่งนั้นจะอยู่ที่มุมเดียวคือ “ดร.ศักดิ์ชายจะได้ข้ามห้วยเข้ากินตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท.หรือไม่” ไม่มีกระแสที่คิดเป็นอื่นหรือไกลกว่านั้น

และวันประชุมบอร์ด กกท. 28 ต.ค.2539 ก็มาถึง

“ฟ้าผ่า กกท. ดร.ศักดิ์ชายบิ๊กหัวหมาก”…..สื่อระบุบนหน้า นสพ.ทันที

คำพาดหัวว่าฟ้าผ่า หมายถึงการที่ไม่มีใครคาดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ว่า บอร์ด กกท.จะมีการเลือก ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ขึ้นตำแหน่งผู้ว่าการ กกท.แทน ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์ ในการประชุมบอร์ดวันนั้น  เรียกว่าหักปากกา หรือหักความคาดหมายแบบคนจะชั้นจริงๆ

#สื่อกระแสหลักยุคนั้น เขียนถึงเรื่องนี้ว่าก่อนที่จะมีการลงมตินั้น มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกในที่ประชุมว่า “ถ้าผมจะขอให้มีมติเป็นเอกฉันท์จะมีท่านใดค้าน”….เลยมีการยกมือหนุนกันพร้อม 14 เสียง..

รมต.ปองพล ที่ถูกมองว่าคนต้นเรื่องให้สัมภาษณ์วันนั้นเลยว่า มติบอร์ดให้นายสมชายออกตามที่ขอลาออกและให้ไปเป็นที่ปรึกษา กกท. และการโหวดเลือกคนแทนนายสมชายนั้น นางปองพลย้ำว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในความคิดที่มีการเสนอชื่อ รองผู้ว่าการ กกท.2 คนคือ นพ.เจริญทัศน์ และ นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส และคนนอก 1 คนคือ นายศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ  และปรากฏว่าบอร์ด 14 คนยกมือหนุนนายศักดิ์ชาย และงดออกเสียง 1-2 คน ทั้งนี้เพราะนายศักดิ์ชาย มีความเหมาะสมที่สุด (หนึ่งในบอร์ด กกท.ยุคนั้นมี พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ที่เป็นบิ๊กแห่งกองทัพบกและตอนนั้นยังเป็นนายกสมาคมกีฬามวยสากล ที่มี ดร.ศักดิ์ชาย เป็นเลขาธิการ ร่วมอยู่ด้วย)

นายปองพล อธิบายต่อว่า บอร์ดคงมองว่านายศักดิ์ชายเหมาะสม ที่จะพัฒนากีฬาไปสู่ระดับอินเตอร์ เพราะต้องมีการติดต่องานกับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย โอลิมปิกสากล สมาคมกีฬาต่างๆ และ คณะกรรมการโอลิมปิกไทย พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า 2 ปีที่นายศักดิ์ชายจะเกษียณอายุราชการ จะสามารถปูพื้นฐานที่ดี พร้อมทั้งการทำหน้าที่ประธานเทคนิคเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13

หลังจากสิ้นการประชุม ดร.ศักดิ์ชาย ได้กล่าวขอบคุณบอร์ด กกท.ที่ไว้วางใจ

นพ.เจริญทัศน์ ได้เข้าพบนายปองพลทันทีและลงด้านหลังตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลที่เป็นสถานที่ประชุม ขณะที่นายปองพล ก็ไปต่อในภารกิจอื่น ๆ

ขณะที่ ดร.สมชาย ประเสริฐศิริพันธ์ อดีตผู้ว่าการ กกท.ที่ลาออก ผู้ที่เคยฝาก รมต.ปองพล ว่าขอให้พิจารณาคนใน กกท.ขึ้นตำแหน่งแทน นั้น ได้กล่าวว่า การที่หมอเจริญทัศน์ไม่ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าการ กกท.ตามที่คาดนั้น ก็ไม่อยากกล่าวอะไรมาก ใครที่เคยพูดอะไรไว้ก็คงจำได้ว่าทำอะไรตามที่พูดหรือเปล่า…ดร.สมชายทิ้งท้าย

และจากนั้น ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ก็ได้เป็นเสือข้ามห้วยจำคนนอก ถูกเลือกเข้านั่งตำแหน่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นคนที่ 3 และเป็นคนที่ 8 ในฐานะผู้นำ กกท. (เพราะก่อนหน้านี้ กกท.ชื่อเก่าคือองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีตำแหน่ง ผู้อำนวยการมาแล้ว 5 คน) โดยมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่บอร์ด กกท.เสนอในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2539 นั่นคือวันเริ่มต้นในตำแหน่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการของ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ.

RANDOM

error: Content is protected !!