ปูมประวัติศาสตร์ของนักกีฬาไทยกับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งถือเป็นกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียนั้น เป็นสิ่งที่น่าจดจำอย่างภูมิใจ เพราะประเทศไทย ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมไม่เคยขาด แม้แต่ครั้งเดียว จากทั้งหมดทุกครั้งที่ได้มีการจัดมา

กีฬาเอเชี่ยนเกมส์  ครั้งที่  1

ที่ กรุงนิวเดลี  ประเทศอินเดีย 

วันที่  4-11  มีนาคม  พ.ศ. 2494 (1951)

       จุดมุ่งหมายหนึ่งที่สำคัญของการจัดเอเชี่ยนเกมส์ก็คือ การประชาสัมพันธ์กีฬาในเอเชีย มีการแข่งขันกีฬา 6 ชนิด คือ กรีฑา บาสเกตบอล จักรยาน ฟุตบอล ว่ายน้ำ และยกน้ำหนัก มีชาติต่าง ๆ ส่งเข้าแข่งขัน 11 ประเทศโดยเกมแรกของการแข่งขันที่ถูกบันทึกไว้คือการเล่นบาสเกตบอลชาย ระหว่างทีม ฟิลิปปินส์ กับ พม่า และ เหรียญทอง ซึ่งถือว่าเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ได้จากฝีมือของนักว่ายน้ำสิงคโปร์ เนียว ชีก๊อก (Nao Chikok) ในประเภท ฟรีสไตล์ 1,500 เมตร และ ชีก๊อก นี้ก็เป็นผู้กวาด 4 เหรียญทองจากกีฬาว่ายน้ำครั้งแรกในเอเชี่ยนเกมส์หนแรกนี้ด้วย

      การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรก ประเทศไทยส่งเข้าร่วมเป็นนักกีฬาชายทั้งหมด 12 คน

      โดยมีผลงานจากการแข่งขันที่น่าสนใจดังนี้

      วิเชียร หนูทอง ลงแข่งขันวิ่ง 1,500 เมตร ได้อันดับที่ 6

      สภาพ อุสสาหะ ลงแข่งวิ่ง 10,000 เมตร ได้อันดับที่ 5

      ทีมผลัด 4 คูณ 100 เมตรชาย ลงแข่งรอบคัดเลือก กลุ่ม 2 ได้อันดับที่ 3 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ปรากฏว่าได้อันดับที่ 5

      อ่อน มีมั่งคั่ง ลงแข่งขันกระโดดสูง ได้อันดับที่ 6

      วรรณ สุขวัฒนะ ลงแข่งขันขว้างจักร ได้อันดับที่ 5

      เสถียร นิลกำแหง ลงแข่งขันขว้างจักร ได้อันดับที่ 6

กีฬาเอเชี่ยนเกมส์  ครั้งที่  2

ที่กรุงมะนิลา  ประเทศฟิลิปปินส์

วันที่  1-9  พฤษภาคม  พ.ศ. 2497 (1954)

       เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 2 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ มีการแข่งขัน  8  ชนิดกีฬา คือ กรีฑา บาสเกตบอล มวยสากล ฟุตบอล ยิงปืน ว่ายน้ำ ยกน้ำหนัก มวยปล้ำ ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน เพิ่มมากขึ้นถึง 19  ประเทศ

      ทางด้านประเทศไทยส่งแข่งจำนวน 23 คน เป็นนักกีฬาชายทั้งหมด มีผลการแข่งขันที่มีการบันทึกไว้ดังนี้

      ทีมบาสเกตบอลชายไทย ได้ส่งเข้าร่วมการแข่งขันหนนี้ โดยได้ลงทำการแข่งขันรอบคัดเลือก สาย บี.มีผลการแข่งขันแบบพบกันหมดในสาย ดังนี้ แพ้ทีมไทเป 46-73 แพ้ ญี่ปุ่น 53-67 และแพ้อินโดนีเซีย 67-75 ไม่ได้เข้าสู่รอบสุดท้าย

      นักมวยสากล ไทยส่งไปจำนวน 4 คน แต่ไม่ได้เหรียญรางวัลมีรายชื่อและผลงานดังนี้

      สุวรรณ สมบูรณ์เสริม แพ้ คะแนน ลี ชาง เกียว จากเกาหลี 0-3 ในรอบแรกรุ่น 51กก.

      ชื่น ปัตตพงษ์ แพ้น็อค ปาร์ค คัม ฮุน จากเกาหลี  ยกแรก ในรอบแรก รุ่น 57 กก.

      วิเชียร ไชยภา แพ้คะแนน คิม ยุน ซู จากเกาหลี 0-3 ในรุ่น 67 กก. ในรอบแรก

      สืบ จุลฑะเกาศลย์ ชนะผ่านรอบแรก ได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ปรากฏว่าแพ้คะแนน เซเรโดนิโอ เอสปิโนซา ของฟิลิปปินส์ 0-3 และได้ชกรอบชิงที่ 3 ก็แพ้คะนน ฮิโรชิ อิวาบูชิ จากญี่ปุ่น 0-3

       นักกรีฑา มีรายชื่อและผลงานดังนี้

       อดุลย์ วรรณสถิตย์ ลงทำการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายรอบคัดเลือก และแข่งขันวิ่ง 200 เมตรรอบคัดเลือก

       ไพบูลย์ วัชรพรรณ ลงทำการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายรอบคัดเลือก

       บุญเติม พรรคพ่วง ลงทำการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายรอบคัดเลือก และแข่งขันวิ่ง 200 เมตรรอบคัดเลือก

       มนตรี ศรีนาคา ลงทำการแข่งขันวิ่ง 200 เมตรรอบคัดเลือก

       ผล ใจสว่าง ลงแข่งขันวิ่ง 800 เมตร และ 1,500 เมตร รอบคัดเลือก

       สถิต เลี้ยงถนอม ลงแข่งขันวิ่ง 1,500 เมตร รอบคัดเลือก

       บุญเติม พรรคพ่วง มนตรี ศรีนาคา ไพบูลย์ วัชรพรรณ และ อดุลย์ วรรณสถิตย์ ลงแข่งขันวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตรชายรอบคัดเลือก เข้าอันดับที่ 4 ของกลุ่ม 1 สถิติ 44.1 วินาที โดยมี เสน่ห์ วงศ์ชอุ่ม เป็นผู้เล่นสำรอง

       เจริญ จันทร์พัด และ สอ้าน ชำนิการ ไม่ปรากฏในการบันทึกว่าได้ร่วมแข่งรายการใด